บทที่หนึ่ง องค์หญิงผู้ซุกซน 4

833 คำ
หนึ่งชั่วยามผ่านไป องค์หญิงหยางมี่เพลิดเพลินกับการควบม้าชมทั่วเมืองจากนั้นก็ออกจากเมืองเลาะเลียบชมป่า แต่ในขณะเดียวกันแสงจัดจ้าของดวงตะวันก็ทวีคูณขึ้นด้วย “ อากาศเริ่มร้อนแล้ว หิวน้ำก็หิว ” นางบ่นพึมพำ จุดนี้ห่างจากตัวเมืองมากพอควร เป็นเขตชายป่าจึงไม่มีโรงเตี๊ยมหรือแม้แต่บ้านคนที่พอจะขอน้ำกินได้บ้าง เจ้าม้าเองก็ดูท่าทางใกล้หมดแรง สุดท้ายนางจึงตัดสินใจหยุดม้าพักร่มตรงชายป่า ตั้งใจว่าหายเหนื่อยค่อยควบม้ากลับ พลางกังวลอยู่ในใจ ป่านนี้องครักษ์เซียวกับชุนฟาง คงกระวนกระวายใจกันไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้เล่า สองคนนั้นตามติดจนนางแทบกระดิกตัวไม่ได้ อยากทำอะไรตามใจบ้างก็ไม่ได้ทำ เห็นไหม นางก็สามารถไปไหนมาไหนผู้เดียวได้ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ เลย พักเหนื่อยเสร็จแล้วนางก็จะควบม้ากลับไปหาสองคนนั้นที่ตลาดดังเดิม ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรให้มากความอย่างที่ผ่านมาเลย นางคิดพลางปล่อยม้าให้พักหาเดินเล็มหญ้า ส่วนตัวเองแอบมานั่งหลบแดดอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ “ เหตุใดแดดจึงแรงถึงเพียงนี้นะ ” บ่นพึมพำพลางคลายชุดให้หลวมเพื่อระบายความร้อน สายลมเย็นพอพัดผ่านมาบ้างพาให้คนที่กำลังเพลียเกิดอาการง่วงงุน สองตาหรี่ปรือ สุดท้ายนางก็มิอาจทานทนต่อความง่วงไหวเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปจนล่วงเข้ายามเย็น ขณะที่องค์หญิงกำลังหลับใหลกลับต้องถูกปลุกขึ้นจากเสียงฝีเท้าม้าจำนวนมาก เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า หรี่ตามองเสียงอึกทึกนั่นเห็นกลุ่มคนหลายสิบกำลังควบม้าตรงมายังจุดที่นางอยู่ บังเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีพลันนึกถึงม้าขึ้นมาได้ พยายามมองหาไปโดยรอบแต่ก็ไม่พบ “ เจ้าม้าบ้า แอบทิ้งข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ! ” นางสบถ ที่ทำได้ยามนี้คือแอบหลบซ่อนหลังต้นไม้ หวังว่าพวกนั้นจะมองไม่เห็นนาง เสียงฝีเท้าม้าใกล้เข้ามาทุกขณะ พร้อมเสียงหัวเราะชอบใจโห่ร้องยินดี นางรู้สึกใจเต้นรัวพยายามทำตนให้เงียบที่สุด ภาวนาซ้ำ ๆ ให้พวกนั้นเลยผ่านไป แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง คนพวกนั้นหยุดพักม้าไม่ไกลจากที่นางหลบซ่อนนัก คนที่คาดว่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้เอ่ยขึ้น “ เฮ้ย พวกเราพักกันที่นี่ก่อน วันนี้พวกเจ้าทำผลงานได้ดีปล้นสกุลจวงได้เงินมาหลายหีบ มาดื่มฉลองกันให้เต็มที่ดีกว่า ” มันหัวเราะเสียงดัง ตามด้วยเสียงโห่ร้องยินดีของเหล่าสมุน หญิงสาวนั่งนิ่งไม่กล้าขยับกาย แม้แต่เสียงหัวใจของตนเองที่กำลังเต้นก็รู้สึกว่ามันดังเกินไป พวกมันฉลองกันเต็มคราบพร้อมพูดคุยถึงความโหดเหี้ยมในการปล้นครั้งนี้ โดยไม่รู้ว่าคนไม่ได้ตั้งใจแอบฟังกำลังหวาดกลัว ได้แต่ภาวนาในใจขอให้พวกมันเมาหลับโดยเร็ว แต่เหมือนสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อคนเป็นหัวหน้ากองโจรร่างสูงใหญ่ หนวดเครายาวรุงรัง ข้างเอวยังมีดาบเล่มใหญ่เดินตรงมายังต้นไม้ที่นางแอบซ่อนตัวอยู่ มันปลดกางเกงหลับตายืนปัสสาวะสบายใจ นางไม่รู้เลยว่ากลิ่นกายหอม ๆ ของตนเองจะทำให้หัวหน้าโจรนั่นจับสัมผัสได้ ด้วยเพราะมันมีประสาทสัมผัสรวดเร็วเช่นชาวยุทธ์ที่ถูกฝึกปรือมาหนักหน่วง “ นี่มันกลิ่นอะไรนะ กลิ่นหอมชื่นใจเช่นนี้ราวกับกลิ่นสาวงามในหอนางโลม ” มันพึมพำ กลิ่นเช่นนี้ช่างปลุกปั่นความกระสันใคร่ในกายบุรุษให้ลุกโชน องค์หญิงหยางมี่สะดุ้งโหยง นางกลัวจนตัวสั่น ทว่าสมองกลับว่างเปล่าคิดสิ่งใดไม่ออก ทันใดนั้นมันก็มายืนจังก้าอยู่เบื้องหน้านางเสียแล้ว ! “ ฮ่า ๆๆ ข้าคิดไว้มิผิด เป็นกลิ่นกายสาวงามจริงเสียด้วย ” มันยืนขวางหน้านางไว้ มิหนำซ้ำเหล่าลูกน้องที่ได้ยินก็ต่างกรูกันเข้ามา “ ช่วยด้วย ! ” นางตะโกนสุดเสียงแล้วผุดลุกขึ้น ทว่าที่ได้ตอบกลับมาเพียงเสียงหัวเราะชอบใจของพวกมัน “ ฮ่า ๆๆ ร้องอีกสิ ร้องเข้าไป พวกข้าชอบ ” หยางมี่ออกวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต นางวิ่งออกมาไม่รู้เส้นทางถูกกิ่งไม้กับหนามเกี่ยวจนเกิดแผล เสื้อผ้าก็ฉีกขาด แต่นางไม่มีเวลาให้พิรี้พิไรกับความเจ็บปวดหรือเสื้อผ้าขาดวิ่นใด ๆ ทั้งนั้น ยามนี้ได้แต่วิงวอนขอให้สวรรค์เมตตาส่งให้ใครสักคนมาช่วยนางทีเถิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม