EP11 ศัตรูหมายเลขหนึ่ง
“เพราะทิฐิไงล่ะพลอยใส แม่และบานเนอร์ต่างมีทิฐิด้วยกันทั้งคู่ แม่เดินออกมาเพราะความน้อยใจและไม่เข้าใจที่เขาเอาแต่ทำงานแทบไม่ยอมกลับบ้าน ในขณะที่หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวว่าบานเนอร์ไปกับนางแบบสาวชื่อดัง แม่เลือกที่จะเชื่อข่าว เราทะเลาะกันหนักมาก เราแยกห้องนอน เราคุยกันน้อยลง เราหมางเมินกัน เราทั้งสองต่างทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด ทั้งที่เราต่างก็เจ็บไม่แพ้กัน ในที่สุดแม่ก็เก็บกระเป๋าเดินออกมา”
พลอยใสยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้มารดาแผ่วเบา รับรู้ถึงความเจ็บปวดและความเสียใจที่ไม่อาจย้อนไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้
“บานเนอร์ประกาศว่า ถ้าแม่ก้าวออกจากคฤหาสน์ทริสตัน แม่จะไม่ได้พบกับลูกๆ อีก แต่แม่ก็เลือกที่จะก้าวออกมาเพราะความน้อยใจ แม่เลือกที่จะเป็นฝ่ายไม่ติดต่อกลับไปทั้งที่แม่คิดถึงบานเนอร์และลูกชายทั้งสามแทบขาดใจ ไม่มีใครมีความสุขกับเรื่องนี้...”
“ตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่คะ คุณแม่เคยบอกพลอยว่าคุณบานเนอร์ไม่ได้แต่งงานใหม่ เขามีผู้หญิงแวะเวียนเข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นแค่คู่ควงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แล้ว...”
“มันสายไปแล้วพลอย” เอื้องมณีตอบบุตรสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอร้องไห้ออกมาจนตัวโยน นับเป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ต่อหน้าบุตรสาวบุญธรรม
“คุณแม่...คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ” พลอยใสกอดมารดาเอาไว้อย่างปลอบประโลม
“บานเนอร์เสียชีวิตไปแล้ว แม่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดคำว่าขอโทษเขา”
พลอยใสตกใจกับสิ่งที่ได้ยินไม่น้อย เธอถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสารมารดา และเสียดายโอกาสที่หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาอีก
“จำบทเรียนของแม่ไว้นะพลอย ถ้าลูกรักใครจงทำตามหัวใจของตัวเอง อย่ามีข้อแม้ อย่ามีทิฐิ ชีวิตคนเรามันสั้นนัก เราไม่มีทางรู้เลยว่าเขาจะจากเราไปเมื่อไหร่” เอื้องมณีประคองใบหน้าของบุตรสาวเอาไว้แล้วเอ่ยเตือนสติ ด้วยไม่อยากให้เดินทางผิดพลาดเหมือนตน
“ค่ะแม่ พลอยจะจำคำของแม่เอาไว้ค่ะ”
น้ำจากสายยางกระเซ็นเป็นละอองฟุ้งไปทั่วสวนขนาดเล็กบริเวณหน้าบ้านไม้สองชั้น หญิงสูงวัยกำลังรดน้ำต้นพุดแม่ลาน้อยกอใหญ่ที่สูงร่วมสองเมตร ออกดอกสีขาวเล็กๆ ประดับพุ่มสีเขียวจนดูละลานตา คุนไซต์ยิ้มที่ได้เห็นว่ามารดามีความสุข ไม่ได้เหงาหรือต้องทนทุกข์ทรมานเพียงลำพังอย่างที่เขานึกกลัว ชายหนุ่มเดินไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะเอ่ยเรียกมารดาเบาๆ
“คุณแม่ครับ”
หญิงสูงวัยชะงัก ปล่อยสายยางตกลงบนพื้นด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปหาเจ้าของต้นเสียงที่ทำให้หัวใจของผู้เป็นแม่เกือบหยุดเต้น
“คุนไซต์!” เอื้องมณีอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง “นี่ลูกจริงๆ หรือแม่คิดถึงลูกจนเห็นภาพลวงตา” หญิงสูงวัยเอ่ยถามเสียงพร่า ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและไม่มั่นใจ
“ผมลูกชายของคุณแม่ไงครับ ผมเป็นตัวจริงไม่ใช่ภาพลวงตา” คุนไซต์จับมือมารดาเอาไว้ เพื่อยืนยันว่าเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน
“แม่ไม่อยากจะเชื่อเลย” เอื้องมณีเสียงเครือคล้ายจะร้องไห้ เธอมองบุตรชายเต็มตา เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีที่เธอได้มีโอกาสมองบุตรชายอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ คุนไซต์เปลี่ยนไปมาก เขาไม่ใช่วัยรุ่นหุ่นเก้งก้าง ผอมจนใบหน้าตอบ ตอนนี้เขามีร่างกายสมส่วนอย่างนักกีฬา สูงใหญ่จนเธอต้องแหงนหน้ามอง ดูภูมิฐานโดดเด่นแตกต่างจากคนทั่วไป ดวงตาของบุตรชายเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เด็ดขาด กล้าเสี่ยงกล้าตัดสินใจ ช่างเหมือนกับสามีของเธอจนเธออดเจ็บแปลบที่หัวใจไม่ได้
“ผมคิดถึงคุณแม่ครับ” คุนไซต์โน้มร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรกอดมารดาที่สูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบแปดเซนติเมตรเท่านั้น เขากอดท่านเอาไว้แน่น รู้สึกว่ามารดาดูตัวเล็กลงกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว
“แม่ก็คิดถึงลูกมาตลอด...ไม่เคยมีสักวันที่แม่จะไม่คิดถึงลูก” เอื้องมณีเสียงสั่นเครือ กอดตอบบุตรชายแนบแน่น ความรัก ความอบอุ่น และสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีความรักนั้นก็ยังคงอยู่ในเลือดเนื้อ ในร่างกาย และจิตวิญญาณ
“ผมขอโทษที่ไม่ได้มาหาคุณแม่เลย พวกผมต่างคิดว่าคุณแม่ไม่รักจึงทิ้งพวกผมไป มันเป็นความเขลาแบบเด็กวัยรุ่น เมื่อโตขึ้นพวกผมเริ่มคิดได้ แต่พวกผมก็ละอายเกินกว่าที่จะทำตามความต้องการของตัวเอง ผมมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำงานก็จริง แต่ผมไม่เคยลืมคุณแม่เหมือนกันครับ” คุนไซต์เผยความในใจของตนเอง หากบิดาไม่ส่งเขามาหามารดาที่เกาะร้อยรัก เขาก็คงยังถือทิฐิและไม่ยอมมาหาท่าน เช่นนั้นเขาอาจยิ่งเสียใจมากกว่านี้ หากปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจนท่านจากโลกนี้ไปอีกคน
“แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษลูก ที่แม่ตัดสินใจออกจากคฤหาสน์ทริสตัน แม่...” เอื้องมณีอึกอักที่จะพูดออกมา
คุนไซต์เห็นดังนั้นจึงยิ้มแล้วก้มลงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ “ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ผมเข้าใจ คุณแม่ต้องมีเหตุผลที่จากพวกเราไป แต่จากนี้ผมจะมาอยู่ที่นี่กับคุณแม่ครับ”
“อ้าว! แล้วงานทางนู้นล่ะคุนไซต์ ลูกเป็นประธานบริษัทไม่ใช่เหรอ”
คุนไซต์ยิ้มด้วยความดีใจ นี่แสดงว่ามารดาไม่ได้จากพวกเขาไปอย่างไม่สนใจไยดี ท่านยังคงติดตามเรื่องราวของลูกๆ ของท่านเสมอ “ผมพักร้อนหกเดือนครับ อยากอยู่กับคุณแม่ให้นานที่สุด คุณแม่คงต้องเหนื่อยหน่อยนะครับ ผมจะมากินนอนและอ้อนขอข้าวคุณแม่กินถึงหกเดือน”
ชายหนุ่มเลี่ยงที่จะพูดเรื่องข้อตกลงตามพินัยกรรม ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้มารดารู้ แต่เขามองว่าไม่จำเป็น เพราะการที่เขาได้พูดความในใจและได้กอดมารดาเอาไว้อีกครั้ง คือสิ่งมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้านของบิดา แต่ที่เขายังคิดจะทำตามพินัยกรรมนั่น ก็เพราะว่าเขาไม่มีทางยอมให้ผู้หญิงที่ชื่อพลอยใสมาหลอกลวงมารดาของเขาเป็นอันขาด
“แบบนั้นก็ดีเลย แม่จะขุนให้อ้วนเป็นหมูกลับไปเลยคอยดู” เอื้องมณีหัวเราะร่า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มมาตลอดหลายคืนเพราะความเสียใจต่อการจากไปของอดีตสามีเหือดแห้ง เพราะบัดนี้เธอได้บุตรชายคนโตมาเป็นยาคอยรักษาแผลใจให้แล้ว