ตอนที่ : 4 สุริยกาลร้าย 2

1504 คำ
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นนายแบะก็ถูกไล่ออกจากอิงตะวัน โดยมีคนชดใช้ความผิดแทนคือรวงผึ้ง หัวอกของคนเป็นพ่อมีหรือจะยินยอม เขาเรียกร้องจะเข้าคุกเองหากว่าต้องให้รวงผึ้งทำแบบนั้น “พ่อไปเถอะ นิ่มอยู่ได้” “นิ่ม พ่อไม่ยอมนะลูก” “คุณกาลเป็นคนเบื่อง่าย พ่อไปหางานใหม่ทำรอก่อนนะ พอคุณกาลเขา...เบื่อนิ่มแล้ว นิ่มจะตามพ่อไปเอง” คนเป็นลูกน้ำตานองหน้า ฝืนเอ่ยสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตอันใกล้ “นิ่ม” นายแบะหน้าเสีย รู้สึกผิดขึ้นมาที่เป็นคนผลักลูกสาวไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น “พ่อกลับตัวเป็นคนใหม่นะ นิ่มจะคอยวันที่พ่อกลับมาเป็นเหมือนเดิม” รวงผึ้งฝากคำพูดให้คนเป็นพ่อได้คิด นายแบะถึงกับน้ำตาคลอเบ้าด้วยความสงสารลูกสาว “เชื่อนิ่มมันเถอะแบะ เอ็งก็รู้จักคุณกาลดีไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ยอมเอ็งกับนิ่มก็ไม่ได้อยู่ดีมีสุขแน่ ไปได้แล้วเดี๋ยวฉันจะช่วยดูนิ่มมันอีกแรง” อดิษฐ์ตบไหล่ลูกน้องผู้หลงผิดแรงๆ “ผมไม่ยอมนะคุณดิษฐ์ แบบนี้ทำร้ายนิ่มมันชัดๆ” รวงผึ้งได้ยินพ่อพูดแบบนี้แล้วถึงกับสะอื้นไห้เบาๆ ด้วยความรู้สึกเศร้าใจต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ “แล้วถ้าเอ็งเข้าคุก นิ่มมันจะไปอยู่ที่ไหน แบะคิดถึงข้อนี้บ้างไหม คิดเหรอว่าคุณกาลเขาจะใจดีให้นิ่มอยู่ที่นี่ต่อ ใจคอเอ็งจะให้ลูกสาวคนเดียวออกไปล่อเหยื่อเสือสิงห์ที่อื่นหรือยังไง” อดิษฐ์หาเหตุผลมาโน้มน้าว “เชื่อลุงดิษฐ์นะพ่อ” รวงผึ้งขอร้องอีกแรง “อยู่ที่นี่ ข้าหรือคนอื่นๆ ที่รู้จักนิ่มก็พอช่วยกันดูแลได้ ยิ่งเป็นคนของคุณกาลด้วยแล้ว มีหรือใครจะกล้ายุ่ง” นายแบะหลับตาลงแน่น คิดทบทวนในสิ่งที่อดิษฐ์พูดออกมาอย่างถี่ถ้วน ข้างนอกอิงตะวันนั้นใช่ว่าจะปลอดภัยทุกที่ คงมีแต่ที่นี่ที่เขาจะฝากฝังให้คนรู้จักช่วยดูแลลูกสาวได้ เพียงแต่ว่าบางเรื่องมันยากจะทำใจยอมรับได้ “เอาน่านายแบะ ให้ผ่านไปสักระยะค่อยกลับมาเยี่ยมนิ่มมัน อย่ามาเร็วนักล่ะ เกรงว่าคุณกาลจะไม่พอใจเอา” “ถ้าอย่างนั้นฝากลูกผมด้วยนะคุณดิษฐ์” คนจนมุมหมดหนทางจะรั้นต่อ นายแบะทำได้เพียงแค่ฝากให้อดิษฐ์ช่วยดูแลลูกสาวคนสวยของตัวเอง “เออ ไปได้แล้ว” “พ่อไปก่อนนะนิ่ม” “นิ่มจะรอพ่อนะ” ทั้งคู่จากกันด้วยหยาดน้ำตา อดิษฐ์เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่ว่าสุริยกาลไม่ใช่คนที่ยอมเห็นใจคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ อย่างรวงผึ้ง “นิ่มอดทนไว้นะ” เขาหันมาลูบศีรษะของหญิงสาวที่เอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง “ค่ะลุงดิษฐ์” หญิงสาวตอบรับเบาๆ ใจคิดไปถึงค่ำคืนนี้ที่ตัวเองจะต้องกลายเป็นผู้หญิงของสุริยกาล กลายเป็นของเล่นที่ไร้ค่าไม่มีราคา ถูกหลายสายตามองดูหมิ่นในแต่ละวัน เพียงแค่คิดหัวใจของรวงผึ้งก็ร่ำไห้แทบใจจะขาดรอนๆ น้ำตาที่ไหลออกมาแทบไม่ขาดสายทำให้อดิษฐ์มองแล้วอดเห็นใจไม่ได้ “นิ่ม เอ็งเกิดมามีกรรมจริงๆ” เพราะว่าเห็นจุดจบของผู้หญิงของเจ้านายมานับสิบคนแล้ว อดิษฐ์จึงรู้ว่าบั้นปลายของเรื่องนี้จะไปบรรจบอยู่ตรงไหน สุริยกาลเบื่อ ทอดทิ้ง รวงผึ้งร้องไห้และจมปลักอยู่กับความเสียใจ นั่นแหละคือจุดจบของผู้หญิงที่เป็นแค่เครื่องบำเรอความใคร่ของสุริยกาล เวลาช่วงค่ำผ่านมาเยือน สิ่งที่น่ากลัวกำลังรอรวงผึ้งอยู่ หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวไปทั้งน้ำตานองหน้า ผ่านคืนนี้ไปแล้วเธอจะยังเหลือความภาคภูมิใจอะไรในชีวิต แค่คิดเนื้อตัวก็สั่นเทาไปด้วยความเสียใจ สายตาจ้องมองยังกระเป๋าใบย่อมที่ใส่เสื้อผ้าพร้อมจะหนีเอาไว้ แต่ว่าจะหนีไปไหนได้ ในเมื่อสุริยกาลรู้จักผู้คนกว้างขวางในถิ่นนี้ แล้วพ่อของเธอล่ะ จะหนีรอดไหม ถ้าไม่ จุดจบของเรื่องนี้คงไม่สวยเท่าไหร่นัก “นิ่มอยู่ไหม” เสียงนางอ้อยแม่บ้านของที่นี่ตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง รวงผึ้งรีบปาดน้ำตาออกแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตูให้คนเรียก “ค่ะ ป้าอ้อย” “ทำไมตาบวมแบบนี้ล่ะนิ่ม เฮ้อ ป้าก็ไม่รู้จะช่วยเอ็งยังไงนะลูก” นางอ้อยส่ายหน้าอย่างสงสาร “ป้าอ้อย นิ่มกลัว” “โธ่นิ่ม มานี่มาลูก” นางอ้อยดึงร่างของรวงผึ้งเข้ามากอดปลอบใจ รวงผึ้งทำตัวดีตลอดหกเดือนที่ผ่านมา เป็นเด็กน่ารักอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักสัมมาคารวะ นางอ้อยจึงทั้งรักและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง สักพักหนึ่งจึงได้ดันตัวของรวงผึ้งออก “ไปเถอะนิ่ม คุณกาลให้มาตามแล้ว” “ป้าอ้อย นี่มันแค่สองทุ่มเองนะคะ” รวงผึ้งมองนาฬิกาบนผนังห้องด้วยแววตาเศร้า “ก็เขาให้มาตาม คนดีอย่างเอ็งป้าเชื่อคุณกาลเธอไม่ใจร้ายหรอก” คนปลอบเอ่ยแบบไม่เต็มน้ำเสียง มีหรือจะไม่รู้ว่าสุริยกาลนั้นเกลียดผู้หญิงแค่ไหน ผลพวงนั้นหรือก็มาจากนางนวลผ่องนั่นเอง เห็นจะมีก็เพียงแค่น้องสาวคนเดียวที่เขารักและทะนุถนอมยิ่งกว่าไข่ในหิน “ป้าอ้อย นิ่มกลัวจริงๆ” คนไม่อยากออกจากห้องทำหน้าละห้อยเสียงก็สั่นนิดๆ “ไปเถอะนิ่ม คุณกาลรออยู่” นางอ้อยดึงข้อมือของคนรุ่นลูกให้ออกจากห้องพัก พร้อมกับดันแผ่นหลังให้เดินไปยังบ้านหลังใหญ่ ระหว่างทางก็จับความรู้สึกของอีกคนได้ ว่ากำลังรู้สึกหวาดกลัวและตัวสั่นแค่ไหน “ทำไมไม่ยอมให้ไอ้แบะมันติดคุกไปเลยล่ะ ถ้ากลัวขนาดนี้” ก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน นางอ้อยก็ถามขึ้นอย่างข้องใจ “นั่นพ่อนิ่มนะคะ” “เออ รู้ว่าพ่อ แต่มันทำตัวของมันเองนะนิ่ม” “นิ่มทำแบบนั้นไม่ได้หรอกป้าอ้อย” “นิ่มเลือกเองนะลูก” “ป้าอ้อยช่วยคุยกับคุณกาลหน่อยไม่ได้เหรอ ให้นิ่มทำงานอื่นก็ได้ นิ่มทำได้หมด” “จะอิดออดไปถึงไหน!” เสียงตวาดดังลั่นมาจากคนที่ยืนอยู่ชั้นสอง สุริยกาลได้ยินเสียงของคนเดินเข้ามาภายในบ้าน แต่กลับไม่มีใครขึ้นมาชั้นบนสักที ด้วยความสงสัยเขาจึงต้องออกมาดูให้เห็นกับตา “ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ คุณกาล” นางอ้อยดันแผ่นหลังของคนด้านข้างให้ขึ้นบันไดไป รวงผึ้งกล้าๆ กลัวๆ ที่จะก้าวขึ้นบันไดขั้นแรก หญิงสาวหันมามองนางอ้อยด้วยแววตาไม่มั่นใจ “ถ้าไม่ขึ้นบันได ก็ออกจากบ้านฉันไป!” คำขู่นี้เป็นผลเมื่อคนกลัวตะลีตะลานขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงหงุดหงิดของเขาทำให้รวงผึ้งกลัวเหลือเกินว่าสุริยกาลจะเปลี่ยนใจ ไล่เธอออกจากบ้านแล้วจับพ่อส่งตำรวจแทน “โน่น ห้องฉัน” เขาบุ้ยปากไปทางห้องนอนใหญ่ด้านซ้าย รวงผึ้งเดินตัวลอยเข้าห้องไปอย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก่อนจะยืนเงอะงะอยู่กลางห้องแบบคนทำตัวไม่ถูก ปัง! คนกลัวสะดุ้งโหยงจากเสียงกระแทกปิดประตูของเขา หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ตรงมุมห้องอย่างไม่รู้ตัว อาการก้มหน้าก้มตาทำให้เจ้าของห้องรู้สึกรำคาญ “จะอะไรกันหนักหนาทำอย่างกับจะเข้าโรงเชือด” เขาตวาดเสียงดุใส่คนที่ยืนทำคอตกหน้าตาซีดเซียวตรงมุมห้อง สุริยกาลมองเสื้อยืดตัวเก่ากับกางเกงห้าส่วน ที่ไม่ได้แตกต่างจากชุดเมื่อตอนกลางวัน พลันอารมณ์พิศวาสแทบจะหายหด แต่พอมองดูใบหน้านวลงามผ่องนั่นแล้วก็ต้องระบายรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ไม่มีชุดที่มันดีกว่านี้เลยหรือยังไง” “ขอโทษค่ะ” รวงผึ้งมีชุดสวยๆ อยู่กับเขาเหมือนกัน แต่ว่าหญิงสาวไม่ต้องการจะสวยในค่ำคืนนี้ ใช่ เจตนาสำคัญก็คือต้องการให้สุริยกาลเห็นแล้วไม่อยากจะมีอะไรด้วย นั่นแหละคือสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ ทว่า... “ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องถอดอยู่ดี” ถ้อยคำนี้ช่างดับความหวังอันน้อยนิดของรวงผึ้งลงจนมอดสนิท “มานี่สิ” คนเรียกขึ้นไปนั่งอยู่บนเตียงนอนใหญ่ของตัวเอง พร้อมกับเอนแผ่นหลังตรงหัวเตียงจ้องมองอีกคนด้วยสายตาแพรวพราว “นิ่มฉันบอกให้ขึ้นเตียง” สุริยกาลเน้นย้ำอีกรอบ คนที่ก้มหน้าลงกลับถอยหลังไปทีละก้าว “ฉันสั่งให้ขึ้นเตียง เดี๋ยวนี้!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม