“อึก อืออออ” เสียงครางบางเบาออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อทันทีที่รู้สึกตัว เนื่องจากอาการปวดร้าวตามแผ่นหลังและศีรษะ เปลือกตาขยับเล็กน้อยก่อนจะเปิดเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยที่พยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงภายในห้อง
‘นี่มันที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าฉันหลบอยู่ในตรอกหรอกหรอ รึว่าพวกมันตามฉันมาทัน!’
เยว่กวางกวาดสายตามองห้องที่ไม่คุ้นเคยนี้เล็กน้อย และพบว่าเธอไม่เคยเห็นห้องแบบนี้เลย ตัวห้องเป็นไม้เกือบทั้งหมด รูปแบบของห้องช่างให้ความรู้สึก…เก่าแก่…เหลือเกิน แต่ก่อนที่จะได้หาเหตุผลอะไรไปมากกว่านั้น ก็เหมือนมีภาพบางอย่างฉายชัดขึ้นในหัวของเธอเสียก่อน
“อึก!” เยว่กวางเม้มปากแน่น มือเรียวสวยขยุ้มผ้าห่มจนยับย่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่ได้รับ
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!’
เธอแทบจะกรีดร้องออกมาเมื่อความเจ็บปวดนั้นยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อผ่านไปราวๆ หนึ่งช่วงจิบชา (10 นาที) อาการทั้งหมดก็ทุเลาลง พร้อมกับความทรงจำทั้งหมดที่ตอนนี้วนเวียนอยู่ในสมองของเธอ คิ้วโก่งราวคันศรขมวดเข้าด้วยกันอย่างยุ่งยากใจ เรื่องเช่นนี้มันออกจะเหนือธรรมชาติไปหน่อยรึไม่
หลังจากที่เธอพยายามเรียบเรียงความทรงจำทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาดุจสายน้ำ ทำให้เธอได้รับรู้ว่า เธอมาอยู่ในร่างของคุณหนูตระกูลซ่ง ซึ่งเป็นตระกูลแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นเหลียงที่มีนามเดียวกับเธอว่าเยว่กวาง ในความทรงจำทั้งหมดของเธอนั้น ยุคสมัยนี้เหมือนยุคจีนโบราณ แต่รัชสมัยของการครองราชย์นั้นไม่มีอยู่ในประวัติศาสตร์จากยุคที่เธอจากมา
อย่างไรก็ดีครอบครัวนี้ค่อนข้างดีมากในความคิดของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยได้รู้จักกับคำว่าครอบครัว แต่ก็คงเหมือนกับที่ซีฮันปฏิบัติกับเธอกระมัง ท่านพ่อของร่างนี้มีนามว่า ซ่งหนิงเฉิง (ความสำเร็จที่สงบสุข) ส่วนมารดานั้นนามว่า หลินซูฉี (ความเมตตาที่สวยงาม) ทั้งสองรักกันมากและบิดาก็ถือคติเมียเดียว ทำให้บ้านนี้อบอุ่นไม่มีเรื่องเรือนหลังมาทำให้ปวดหัว แต่กว่าจะมีวันนี้ได้มารดาเล่าให้ฟังว่า ช่วงแรกๆ ที่บิดาและมารดาแต่งงานกัน ผ่านไป 2 ปีแล้วมารดาก็ยังไม่ตั้งครรภ์ ทำให้ตระกูลซ่งร้อนใจอย่างมาก ท่านย่าของร่างนี้ถึงกับหาอนุมาให้ท่านพ่อมากมาย แต่ท่านพ่อก็ยืนกรานจะไม่รับอนุเด็ดขาด
แต่ท่านย่าก็ยังไม่ยอมแพ้ เฟ้นหาคุณหนูตระกูลผู้ดีตระกูลนึงมาเพื่อแต่งเข้าเป็นฮูหยินรอง ถึงขั้นวางแผนรวบหัวรวบหางบุตรชายเพื่อให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ แต่เมื่อท่านพ่อรู้เรื่องกลับอาละวาดจนจวนสะเทือน ถึงขั้นยื่นคำขาดว่าถ้าท่านย่ายังไม่ยอมหยุด ท่านพ่อจะตัดขาดจากตระกูล แยกบ้านไปใช้ชีวิตของตัวเอง ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นฮูหยินเฒ่าตระกูลซ่งก็หงายท้องตึงไปเลยทีเดียว
เรื่องราวแทนที่จะจบลงด้วยดี กลับกลายเป็นว่ามีข่าวลือมากมายว่ามารดาของร่างนี้เห็นแก่ตัวยิ่ง กีดกันสามีไม่ให้มีอนุภรรยา ล่อลวงสามีให้ตัดสัมพันธ์กับคนในบ้านเพื่อไม่ให้รับฮูหยินรอง ทั้งๆ ที่ตนเองก็เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ แต่งงานมา 2 ปีแล้วแต่บุตรสักคนก็ยังไม่มี คราแรกที่ท่านพ่อได้ทราบข่าวลือนี้ ทำเอาเมืองหลวงเกือบจะต้องลุกเป็นไฟเสียแล้ว ดีที่ท่านแม่ไม่คิดมาก อีกทั้งยังคอยปลอบท่านพ่ออีกด้วย เพราะไม่อยากให้เรื่องราวย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
ข่าวลือแพร่กระจายไปได้ไม่นาน ทุกคนก็ต้องเงียบปากลงเพราะมีข่าวใหม่จากตระกูลซ่งออกมาว่าตอนนี้หลินซูฉีได้ตั้งครรภ์แล้วนั่นเอง แต่ก็ยังมีพวกขี้อิจฉาบางคนเอาเรื่องนี้ไปซุบซิบใส่สีตีไข่ต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าใช่บุตรของท่านแม่ทัพซ่งแน่หรือไม่ บ้างก็พูดว่าช่างท้องได้เหมาะเจาะกับที่เกิดข่าวลือเสียจริง ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากจะสาดโคลนว่าท่านแม่ท้องลูกชู้นั่นเอง ฝั่งหลินซูฉีกลับหาได้สนใจข่าวลือเหล่านั้นไม่ ใช้ชีวิตปกติของตัวเองอย่างมีความสุข นางถือคติที่ว่า ‘เราแค่มีชีวิตที่มีความสุข ก็เท่ากับตบปากพวกช่างนินทาแล้ว’ เธออยากจะปรบมือรัวๆ ให้ท่านแม่จริงๆ แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือการกระทำสะเทือนฟ้าดินของบิดาร่างนี้ ยามหลินซูฉีตั้งครรภ์แรก ซ่งหนิงเฉิงรับราชโองการติดตามทัพใหญ่เพื่อทำศึกในฐานะรองแม่ทัพ ศึกครั้งนั้นกินเวลายาวนานกว่าครึ่งปี ซ่งหนิงเฉิงทำผลงานครั้งใหญ่ด้วยการตัดหัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามได้ เมื่อกลับมาถึงเมืองหลวง ฮ่องเต้ทรงสั่งให้จัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะให้กับเหล่าทหารหาญ เมื่อมาถึงช่วงมอบรางวัล นอกจากการเลื่อนตำแหน่งจากรองแม่ทัพมาเป็นแม่ทัพแล้ว ฮ่องเต้ยังทรงพระราชทานคำขอให้ขออะไรก็ได้ 1 อย่าง เรียกเสียงอื้ออึงจากผู้คนในงานได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าจะตกใจกับพระราชดำรัสขององค์ฮ่องเต้แล้วล่ะก็ ยังถือว่าเร็วไปนัก
ณ ลานพระราชวังที่จัดงานเลี้ยงฉลอง
“กระหม่อมมีเพียงสิ่งเดียวที่อยากจะขอพ่ะย่ะค่ะ” ท่านแม่ทัพหมาดๆ เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมคุกเข่าคำนับ
“เช่นนั้นก็ว่ามาเถิด เจ้าทำผลงานครั้งใหญ่ในศึกนี้ ถือว่าเจิ้นตอบแทนคุณความดีของเจ้าก็แล้วกัน” ฮ่องเต้จิ้นเหอหลง ในรัชสมัยราชวงศ์จิ้น เอ่ยด้วยพระสุรเสียงที่อ่อนโยนนัก พระองค์ชื่นชอบขุนนางน้ำดีเช่นนี้
“กระหม่อมอยากจะขอพระราชโองการ….” ทันทีที่ซ่งหนิงเฉิงพูดมาถึงตรงนี้ในลานจัดเลี้ยงก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้น
‘หรือท่านแม่ทัพจะทรงขอสมรสพระราชทาน!!’
‘เป็นไปได้นะ! ก็ตอนนี้ท่านแม่ทัพมีแค่ฮูหยินเอกคนเดียวเองนี่ แล้วตอนนี้ยังตั้งครรภ์อยู่ด้วย คงไม่สะดวกปรนนิบัติท่านแม่ทัพแน่ๆ เลยล่ะ คิกๆ’
‘นั่นสิ แบบนี้ตำแหน่งฮูหยินรองน่าจะโดนเลือกแล้วสินะ’
เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ในงานต่างหน้าแดงระเรื่อ พากันส่งสายตาหวานฉ่ำให้ท่านแม่ทัพกันไม่หยุด หากแต่เสียงทุ้มหนักแน่นยังคงเอ่ยต่อ
“กระหม่อมอยากจะขอพระราชโองการให้กระหม่อมมีฮูหยินเอกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!!!”
สิ้นเสียงพูดของซ่งหนิงเฉิง ในงานก็เงียบกริบประหนึ่งไม่มีคนอยู่ ณ ที่แห่งนั้น….
“เอ่อ…เหตุใดเจ้าจึงขอเช่นนั้นเล่าท่านแม่ทัพ” ฮ่องเต้เหอหลงถึงกับสะดุด กว่าจะหาเสียงเจอก็ทำเอาทุกคนในงานพากันเงียบ แต่เหมือนคนถูกถามจะไม่ได้นำพากับสถานการณ์โดยรอบเท่าไหร่ ไม่แม้แต่จะหันไปมองใบหน้าดำคล้ำของมารดาของตนด้วยซ้ำ
“ที่กระหม่อมบังอาจเอ่ยขอเช่นนี้ เพราะต้องการแสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมปราถนาจะครองคู่กับฮูหยินของกระหม่อมเพียงหนึ่งเดียว ไม่ปรารถนาจะแผ่ขยายอำนาจด้วยการแต่งงานอีก ดังนั้นอำนาจในมือของกระหม่อมจึงเป็นของราชวงศ์เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!!” ท่านแม่ทัพซ่งหนิงเฉิงเอ่ยด้วยความมั่นคงหนักแน่น เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตนให้ชัดแจ้ง แต่ทางฝ่ายฮูหยินเฒ่าซ่ง มารดาของซ่งหนิงเฉิงนั้น…ตอนนี้เป็นลมหงายท้องตึงไปอีกครั้งเสียแล้ว
“ฮ่าๆๆ ดียิ่ง! แม่ทัพซ่งหนิงเฉิงรับราชโองการ แม่ทัพซ่งหนิงเฉิงมีใจรักมั่นต่อฮูหยินซ่ง ทำคุณงามความดีเพื่อบ้านเมืองมากมาย เจิ้นขอประกาศให้ทั้งสองครองคู่กันตราบเท่าอายุขัย ห้ามมีการแต่งฮูหยินเข้าจวนเพิ่มอีก”
“กระหม่อมแม่ทัพซ่งหนิงเฉิงรับราชโองการ ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”
และแล้วเรื่องของท่านแม่ทัพซ่งหนิงเฉิงก็กลายเป็นข่าวลือที่ดังไปทั่วแคว้น บ้างก็ชื่นชม บ้างก็นินทา แต่คนที่มีความสุขที่สุดคงไม่พ้นฮูหยินซ่ง ซึ่งก็ทำให้เหล่าสาวน้อยสาวใหญ่อิจฉาตาร้อนจนไฟแทบลุก
ในภายหลัง 6 ปีถัดมา ทุกคนต้องเงียบปากกันสนิท แม้แต่ท่านย่าเองก็อ่อนลงมาก เหตุเพราะฮูหยินซ่งคลอดบุตรชายให้กับตระกูลถึง 3 คน ในปีไล่ๆ กัน ยังไม่พอ ยังมีบุตรสาวคนสุดท้องให้ชุ่มชื่นหัวใจอีก ถือได้ว่าเป็นการพิสูจน์ตนที่ยาวนานแต่คุ้มค่านัก แม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้เช่นนั้นหรือ จะมีใครคลอดบุตรได้อย่างสมบูรณ์พร้อมเช่นนี้อีกรึไม่เล่า ต้องขอบคุณในความมั่นคงของซ่งหนิงเฉิงด้วยเช่นกัน พูดถึงบรรดาพี่ชายของร่างนี้ ต้องบอกว่าช่างน่าแปลกใจ บุตรทุกคนของบ้านต่างเกิดในวันที่พระจันทร์ส่องแสงสว่างสดใส ท่านพ่อจึงตั้งนามให้บุตรทุกคนมีคำว่าพระจันทร์อยู่ในนามด้วย
พี่ใหญ่ ซ่งเยว่จวน (เพชรจากดวงจันทร์) อายุ 18 หนาว
พี่ชายรอง ซ่งเยว่ส่าง (รางวัลจากดวงจันทร์) อายุ 17 หนาว
พี่ชายสาม ซ่งเยว่เล่อ (ดวงจันทร์แห่งความสุข) อายุ 16 หนาว
และตัวเธอ ซ่งเยว่กวาง (แสงจันทร์) อายุ 15 หนาว
ซึ่งตรงกับนามของตนในภพนั้นพอดี ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ สำหรับบุคคลที่มาจากยุคสมัยที่เทคโนยีก้าวหน้าเช่นเธอ อีกทั้งนิสัยใจคอของร่างนี้นับว่าเป็นเด็กสาวที่สดใส ร่าเริง ช่างอ้อนจนคนในตระกูลต่างรักใคร่ ยกให้เป็นดวงใจของบ้านเลยทีเดียว
.......................................................................................