“กลุ่มสุดท้าย เยว่กวางและซีฮัน ประจำที่”
เยว่กวางยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง เธอจะทำเช่นไรดี เธอไม่พร้อมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ เรื่องนี้มันเกินกว่าที่เด็กสาวแบบเธอจะรับไหว….ก่อนที่เธอจะฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ ก็มีมือเรียวบางยื่นมาจับตรงไหล่ของเธอเพื่อเรียกสติ
ซีฮัน…..เพื่อนรักคนนี้ของเธออีกครั้งแล้วที่อีกฝ่ายมักจะเป็นแสงสว่างของเธอเสมอ
“ไปกันเถอะ ยังไงเรื่องนี้ก็จะผ่านไป เหมือนทุกๆ ครั้ง” น้ำเสียงอ่อนโยนเอ่ยบอกคนตรงหน้า น้องสาวที่บอบบางดุจแก้วใส แต่ก็แข็งแกร่งดุจภูผา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอรู้จักเด็กน้อยตรงหน้า เธอก็ให้คำมั่นกับตัวเองเสมอว่าจะประคับประคองอีกฝ่ายไปให้ไกลที่สุด
“แต่ว่า….” เยว่กวางเอ่ยตอบแผ่วเบา แต่ก่อนจะได้พูดอะไร ก็มีเสียงครูฝึกบนสนามเร่งเร้าพวกเธอเสียก่อน
“ทั้งสองคนลงมาได้แล้ว!! หรืออยากจะโดนกำจัดไปทั้งคู่เลยล่ะ!” ครูฝึกสาวเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย
“จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” ซีฮันรีบตอบพร้อมดึงร่างของเยว่กวางให้รีบไปพร้อมตน
“ไม่ต้องคิดมาก แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ เข้าใจมั้ยสาวน้อย” ซีฮันเอ่ยพูดระหว่างที่กำลังเดินไป พี่สาวของเธอคนนี้ชอบเรียกเธอว่า ‘สาวน้อย’ เสมอ เพื่อแกล้งแหย่ให้เธองอนและอารมณ์ดีขึ้น ถึงแม้ครั้งนี้มันจะไม่ได้ผล แต่ก็ทำให้เยว่กวางตั้งสติได้บ้าง
“ขอบคุณนะคะ พี่…” เมื่อเยว่กวางตอบออกไป ทั้งสองก็ได้เดินมาจนถึงลานประลองเสียแล้ว
“เริ่มได้!”
“ฮึก…ฮือๆ …..พี่คะ…..ไม่จริง….ฮือ” นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอได้คุยกับเพื่อนรักของเธอ การต่อสู้รอบสุดท้ายได้จบลงแล้ว จบลงพร้อมกับชีวิตของซีฮัน ในช่วงที่ทั้งสองโรมรันกันจนสะบักสะบอม วินาทีตัดสินทั้งสองกระชับมีดสั้นในมือแน่น ก่อนจะพุ่งเข้าหากันด้วยกำลังเฮือกสุดท้าย แต่ก่อนที่คมมีดของซีฮันจะถึงตัวเยว่กวาง อีกฝ่ายก็ลดมือลง เป็นผลให้มีดของเยว่กวางปาดผ่านลำคออีกฝ่ายทันที
“พี่คะ!!!” เสียงตะหนกของเยว่กวางดังขึ้นพร้อมกับร่างของซีฮันที่ล้มลง
“ไม่นะ! พี่คะ!! ทำไมถึงทำแบบนี้!!” เยว่กวางเอ่ยทั้งน้ำตาพร้อมกับกดบาดแผลตรงลำคอไปด้วย
“อึก…แค่ก” ซีฮันพยายามจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดได้เนื่องจากบาดแผลที่ลึกจนตัดเส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอของตน จึงทำได้แค่เพียงยิ้มส่งให้เยว่กวาง หวังเพียงน้องสาวคนนี้จะไม่เสียใจจนเกินไป
“ไม่นะ!! ไม่!!!” เยว่กวางทำได้ตะโกนอยู่เช่นนั้น แต่เพียงครู่เดียวรอยยิ้มนั้นก็จางหายไป พร้อมกับคนตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเสียแล้ว
เธอไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเธอกลับมาถึงห้องพักได้ยังไง ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นครูฝึกพูดอะไรบ้าง รู้เพียงว่าตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกนี้มันชั่งเจ็บปวดจนเหมือนจะฆ่าเธอให้ตายซ้ำๆ รอยยิ้มสุดท้ายท่ามกลางเลือดสีแดงฉานของซีฮันวนเวียนอยู่ในหัวเธอไม่หายไปไหน เธอจมดิ่งอยู่กับความรู้สึกเช่นนั้นจนกระทั่งมีเสียงเอ่ยเรียก
“เยว่กวาง มีคำสั่งจาก ‘คุณแม่’ ให้ทุกคนแต่งตัวไปพบที่ห้องจัดเลี้ยง” ลี่จูเอ่ยเรียกอีกฝ่ายที่นอนจมกองน้ำตามาสักพักแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างกับหลายๆ คนในห้องพักเช่นกัน พวกเธอทั้ง 10 คนตอนนี้มีสภาพไม่ต่างอะไรกับศพไร้วิญญาณเลยจริงๆ
“อืม เข้าใจแล้วล่ะ” เยว่กวางเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นจากที่นอนเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ห้องจัดเลี้ยง
“มาถึงกันแล้วสินะ นั่งลงสิ” จือเมี่ยวหรือ ‘คุณแม่’ ของพวกเธอเอ่ยเรียกเสียงหวาน พร้อมใบหน้าสดใส ช่างแตกต่างกับใบหน้าระทมทุกข์ของบรรดาเด็กสาวเสียจริง
“มาๆ มาดื่มให้กับวันจบการศึกษาของพวกเธอกันเถอะ ในที่สุดพวกเธอก็จะได้เป็นคนขององค์กรเต็มตัวแล้วนะ” จือเมี่ยวยิ้มแย้มให้กับเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ที่ตนได้ลงทุนลงแรงไปมากกว่าจะได้เก็บเกี่ยว
“ค่ะ” เหล่าเด็กสาวรับคำเสียงบางเบา คำว่าจบการศึกษาที่ทุกคนควรดีใจ แต่ตอนนี้มันช่างเป็นคำที่บีบรัดหัวใจเหลือเกิน
บรรยากาศในงานเลี้ยงเป็นไปด้วยความสงบ นอกจากเสียงกระทบกันของช้อนชามแล้ว ก็มีเสียงดนตรีคลอเบาๆ เท่านั้น จะมีบ้างที่จือเมี่ยวชวนเด็กๆ คุยเป็นระยะ แต่ก็ได้เพียงถามคำตอบคำ จนเมื่อทุกคนทานอาหารไปได้สักระยะ ก็มีบริกรนำเครื่องดื่มมาเสริ์ฟให้พวกเธอ
“เอาล่ะ เพื่อเป็นการฉลองวันจบการศึกษาของพวกเธอ เอ้า ดื่ม!” จือเมี่ยวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกคนได้รับเครื่องดื่มครบแล้ว บรรดาเด็กๆ เองก็ค่อยๆ ยกดื่มอย่างช้าๆ รสชาติหวานปนฝาดเฝื่อนไหลรินลงสู่ลำคอ กลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของไวน์ชั้นเลิศช่วยทำให้ทุกคนผ่อนคลาย แต่เมื่อผ่านไปได้สักพัก ร่างกายกลับเกิดปฏิกิริยาแปลกๆ
“อึก!” เสียงหวานละมุนร้องออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวไปเสียทุกส่วนทำให้สติของแต่ละคนเริ่มเลือนลาง
“นี่มะ มันอะไรกันคะคุณแม่!” ซือเหลียง เด็กสาวที่อายุเยอะที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามร่างบางระหงตรงหัวโต๊ะด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“อะ อือ” เด็กสาวคนอื่นๆ เริ่มอยู่ไม่สุขเมื่อความรู้สึกร้อนผ่าวมีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เยว่กวางเองก็เช่นกัน ซึ่งตัวเธอพยายามเต็มที่ ที่จะประคองสติเอาไว้
“พิธีฉลองจบการศึกษายังไงล่ะเด็กๆ เข้ามาได้!” จือเมี่ยวเอ่ยตอบคำถามของสาวน้อยก่อนจะตะโกนเรียกบุคคลภายนอกเข้ามา
“โอ้ สาวน้อยพวกนี้หน้าตาน่ารักดีจริงๆ เลยนะ” หนุ่มมาดนักธุรกิจ ใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยขึ้นหลังจากก้าวเข้ามาจนถึงหน้าโต๊ะอาหาร
“นี่น่ะหรือเด็กๆ ที่จบการศึกษาในปีนี้” เสียงทุ้มแหบสเน่ห์ของหนุ่มวัยกลางคน หน้าตาดูดีไม่แพ้คนแรกหันไปถามจือเมี่ยว
“ใช่แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เหมือนว่าทุกอย่างจะเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เชิญทุกท่านสนุกสนานได้เต็มที่เลยนะคะ” ร่างบางเอ่ยเสียงหวานบอกบรรดาชายหนุ่มกว่าสิบคนที่ยืนมองเหล่าเด็กสาวด้วยสายตาหื่นกระหาย
“คะ คุณแม่คะ นี่มันเรื่องอะไรกัน” เยว่กวางกัดฟันถามด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ กลางกายของเธอช่างร้อนรุ่มจนแทบจะกระโจนใส่ผู้ชายตรงหน้า หากไม่ติดว่าเธอเอาเล็บจิกต้นขาเอาไว้เพื่อประคองสติล่ะก็ เธอคงคุมตนเองไม่อยู่แน่ๆ
“ไหนๆ แล้วฉันจะบอกพวกเธอก็แล้วกันนะ การฉลองจบการศึกษา คือการที่พวกเธอจะต้องสละพรหมจรรย์ของพวกเธอยังไงล่ะ! พวกเธอต้องเรียนรู้ว่า ร่างกายของพวกเธอไม่ใช่ของตนเองอีกต่อไป จงใช้ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเธอเพื่อความรุ่งโรจน์ขององค์กรซะ ในภายภาคหน้าต้องมีภารกิจมากมายที่พวกเธอต้องใช้ร่างกายในการวางแผนเพื่อเพิ่มความสำเร็จให้กับภารกิจ และพวกเธอควรดีใจนะ เพราะบรรดาผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชั้นนำในองค์กรทั้งนั้น พวกเขาจะมอบความสุขให้พวกเธอได้อย่างแน่นอนเลยเชียวล่ะ!!” จือเมี่ยวเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่เด็กสาวทุกคนกลับใบหน้าซีดเผือด สติที่มีอยู่น้อยนิดสั่งให้ตนหาทางหนีจากสถานการณ์บ้าๆ นี่….แต่มันก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เมื่อบรรดาหนุ่มๆ เข้าจับเด็กสาวแต่ล่ะคนที่ดิ้นรนจะออกจากห้อง
“กรี๊ดดดด ไม่! ปล่อยนะ!!”
“ไม่ ฮืออออ ช่วยด้วย”
“อย่านะ อ้าาาาา”
“อ๊ะ อย่าจับตรงนั้นนะ ปล่อย!”
เสียงหวานกระเส่าของเด็กสาวร้องดังไปทั่วห้อง เสียงกรีดร้องดังสลับกับเสียงครางหวานยามถูกสัมผัส ร่างกายของพวกเธอร้อนระอุจากยาปลุกเซ็กส์ชนิดพิเศษขององค์กร ที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในพิธีจบการศึกษาโดยเฉพาะ ยาปลุกที่กระตุ้นความต้องการทางเพศจนถึงขีดสุดพร้อมกับเรี่ยวแรงที่หายไปจากร่างกาย ทำให้เด็กน้อยทั้งหลายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองจากเหตุการณ์นี้ได้เลย
“อืม….อา….ไม่….อ๊ะ” เยว่กวางเอ่ยอย่างอ่อนแรง มือทั้งสองข้างโดนรวบขึ้นข้างบนจากการที่เธอพยายามขัดขืน ลำตัวเธอมีรอยแดงเป็นจ้ำๆ จากการโดนร่างหนาด้านบนทั้งจูบ ทั้งเคล้นคลึงเธอไปทั้งตัว
“อืม ผิวขาวเนียนมาก ไม่น่าเชื่อว่าเธอฝึกหนักขนาดนั้นแต่ยังผิวสวยได้ขนาดนี้” ร่างสูงที่คร่อมเยว่กวางอยู่เอ่ยพึมพำเหมือนบ่นกับตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาซุกจมูกโด่งเป็นสันเข้ากับทรวงอกอิ่ม ลิ้นเรียวไล้เลียไปยังเม็ดบัวสีชมพูระเรื่ออย่างพออกพอใจ
“อ๊าาา….ปะ ปล่อยนะ” ความรู้สึกเปร่งแปลกเหล่านี้ทำให้เธอส่งเสียงหน้าอายออกมา ช่างรู้สึกอัปยศจริงๆ
.......................................................................................