คำสัญญาที่ได้ให้กับมารดาว่าจะพากันกลับบ้านในเช้าวันใหม่เป็นอันต้องถูกเลื่อนออกไปเพราะเอื้องทรายเกิดตัวร้อนจัดขึ้นมา เดือดร้อนคนอื่นๆต้องผลัดกันเช็ดตัวให้ ก่อนหน้าที่หนักหนาที่สุดจะตกเป็นของธเนศไป
“ลุกมากินยาก่อนเร็ว!” คนดื้อดึงส่ายหัวจนผมเผ้าสะบัดเต็มหมอน ไม่ว่าใครจะเกลี่ยกล่อมยังไง หญิงสาวก็ไม่ยอมลุกขึ้นมากินยาท่าเดียว
“ไอ้ทรายอย่าดื้อ! หรือจะให้ฉันลากไปหาหมอ!!” ชายหนุ่มไม่คิดยอมแพ้ เรื่องอื่นเขาอาจยอมให้ได้ แต่เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีวันยอมให้แน่
“ไม่เอา!”
“ไม่เอาไม่ได้! เลือกเอาว่าจะลุกขึ้นมากินยาดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้มขึ้นรถพาไปโรงพยาบาล!” เมื่ออีกคนยังดื้อไม่ยอมลดละธเนศจึงตวาดขึ้นพร้อมกระชากแขนแม่ตัวดีให้ลุกขึ้นนั่ง เธอจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่องชั่วครู่แต่สุดท้ายก็ยอมกินยาแต่โดยดีเหมือนจะรู้ว่าเขามีทางเลือกให้เพียงแค่นั้น
“นอนพักซะจะได้หายปวดหัว” เมื่ออีกคนว่าง่ายน้ำเสียงที่ใช้เอ่ยขึ้นจึงเบาบางลง ธเนศจัดการห่มผ้าให้คนป่วยที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิดเพราะยังมีแรงอาละวาดเขากับใครๆ ได้เหมือนเดิม จะมีก็แต่ตัวเท่านั้นที่ร้อนจัด
“คุณหนูเป็นยังไงบ้างคะคุณวิน” นมบุษเดินเข้ามาเอ่ยถามหลังจากเสียงทะเลาะวิวาทเงียบลงไป สีหน้าไปด้วยความห่วงใจเหลือคนา
“ตัวยังร้อนอยู่เลยครับนม ผมบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ยอมไป ไม่รู้ว่าดื้อเหมือนใคร” คนได้ยินเพียงแต่ยิ้มรับ ทั้งๆที่ความจริงอยากตอบกลับธเนศไปเหลือเกิน ว่าคุณหนูของนางก็ดื้อเหมือนสามีของเธอนั่นประไรเล่า
“อย่าไปถือสาเธอเลยนะคะ คุณทรายน่ะกลัวหมอมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เห็นสดใสร่าเริงแบบนี้…ตอนเด็กๆ เธอน่าสงสารมากนะคะ” นางกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนจะปรายสายตาไปยังรูปถ่ายครอบครัวที่ถูกใส่กรอบตั้งเอาไว้ที่ข้างเตียงเป็นอย่างดี ทำให้ธเนศมองตามไปบ้างก่อนจะถามขึ้น
“คนในรูปนี้…คือพ่อแม่ของทรายเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ คุณชาติกับคุณนุช ทั้งสองคนเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากเลยนะคะ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังน้อยๆ แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละค่ะ เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาให้คุณหนูสักเท่าไหร่ จนพวกท่านเสียชีวิตไปนั่นแหละค่ะคุณหญิงท่านถึงได้ไปรับคุณทรายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ ตอนมาอยู่ที่นี่แรกๆ เธอค่อนข้างเป็นเด็กเก็บตัว ไม่ค่อยพูดคุยกับใครสักเท่าไหร่ ดีหน่อยที่ได้คุณท่านดูแลจนกลายมาเป็นเด็กที่ร่าเริงสดใสได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ ทั่วไป” เรื่องราวที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนของเอื้องทรายทำให้ธเนศต้องหันกลับมามองเธออีกครั้ง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าชีวิตเธอเคยมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย นั่นเป็นเพราะเธอไม่เคยเล่าให้ฟังและตัวเขาเองก็ไม่เคยนึกสงสัยพอได้รู้ถึงได้รู้สึกตกใจอย่างที่เห็น แล้วนี่มีอะไรอีกที่เขายังไม่รู้
“มิน่าล่ะครับ ทรายเขาถึงได้รักคุณย่าของเขามาก”
“คุณท่านเองก็รักคุณทรายค่ะ ถึงจะชอบดุชอบตีไปอย่างนั้น แต่พอตกดึกทีไรก็ต้องแอบมานั่งร้องไห้เสียใจที่ตีหลานอยู่คนเดียวบ่อยๆ” เขาได้แต่ยิ้ม เรื่องนี้พอจะรู้มาบ้างเพราะได้เห็นความรักของสองย่าหลานด้วยตาของตัวเองมาตลอด เอื้องทรายเองก็คงรักคุณย่าของเธอมากเหมือนกัน
“ขอบคุณมากนะครับนมที่เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง ทรายเขาไม่เคยพูดถึงมันเลย”เขาเองก็ไม่เคยเอะใจว่าคนที่อารมณ์ดีมาทั้งชีวิตจะมีปมหลังฝังใจที่น่าสงสารแบบนี้ อาจเป็นเพราะเธออยากจะให้เห็นเธอแต่ในมุมนั้นมากกว่า ถึงได้ไม่เคยปริปากเล่าถึงปัญหาในชีวิตที่ผ่านมาให้เขาได้ฟังเลย
“เป็นธรรมดาแหละค่ะ บางครั้งคนเราก็ไม่อยากพูดถึงอดีตที่ไม่น่าจดจำของตัวเองสักเท่าไหร่ ยังไงนมขอฝากคุณทรายด้วยนะคะคุณวิน นอกจากคุณท่านที่เสียไปแล้ว คุณทรายเขาก็เหลือแค่คุณคนเดียวแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะครับนม ผมสัญญาครับว่าจะดูแลทรายให้ดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นนมไม่รบกวนแล้วค่ะ ถ้าเกิดมีอะไรคุณวินลงไปเรียกนมได้ตลอดเวลาเลยนะคะ” นมบุษทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมปิดประตูให้ ปล่อยหน้าที่ดูแลคุณหนูของนางเป็นของธเนศต่อไป
“อื้อ…คุณย่า ทรายปวดหัวจังเลยค่ะ” คนป่วยครางขึ้นเบาๆ ก่อนจะขยับเข้ามากอดเอวสอบของคนที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนข้างๆ ด้วยคิดว่าเป็นอีกคนที่คิดถึง ทุกลมหายใจเข้าออกคนที่จากไปในที่ที่เธอตามไปไม่ได้
“ปวดมากไหม”
“อื้อ หนาว” ไม่มีคำใดตอบกลับมานอกเสียจากเสียงครางที่ร้องขึ้น
“ถ้าเราสองคนไม่ได้เป็นเพื่อนกัน เรื่องมันจะเป็นยังไงต่อกันแน่นะทราย” เขากับเธอจะเป็นสามีภรรยากันอย่างจริงๆ จังๆ ได้ไหมนะ ถ้าเขาเกิดไม่ได้คนรักอย่างป่านฤทัย เขากับเอื้องทรายจะรักกันจริงๆ ได้รึเปล่า
ไม่อาจรู้ได้เลยจริงๆ
การได้ตื่นมาพบหน้าคนที่ได้แต่แอบรักเป็นคนแรกทำให้เอื้องทรายไม่อยากทำอะไรนอกจากมองเขาอยู่แบบนี้ ใบหน้าคมคายในยามหลับดูสุขุม นุ่มลึก ชวนมองมากกว่าครั้งไหน ทุกๆ อย่างที่มันรวมเป็นเขาช่างเหมาะเจาะพอดี แต่มันช่างน่าเสียดายที่คนๆ นี้ไม่มีวันที่จะเป็นคนของเธอ
และเธอก็ไม่มีวันใช่คนของเขาด้วยเช่นกัน
ทั้งๆ ที่เขาก็อยู่ใกล้เพียงลมหายใจคั่นเอาไว้เท่านั้น แต่มันกลับยิ่งดูห่างไกลเหลือเกินในความรู้สึก และยิ่งจะไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาที่มีขีดจำกัด มันกำลังจะหมดลงไปทุกวันจนกว่าวันที่ทุกอย่างต้องจบจะมาถึง
แต่จนกว่าจะถึงวันนั้นมันจะดูเห็นแก่ตัวมากเกินไปไหมถ้าเธอจะขอใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า ก่อนที่จะต้องส่งคืนทุกสิ่งไปให้คนที่เหมาะสมกว่า
หญิงสาวคิดก่อนจะทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังตกใจนั่นคือค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหาคนที่กำลังหลับสนิทอยู่ข้างกาย ก่อนจะแนบริมฝีปากลงที่เรียวปากบางเฉียบของเขาอย่างแผ่วเบา ไม่นานก็ค่อยๆ ผละมันออกมา
‘จูบแรกของฉัน…ให้แกนะวิน’