ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จก็เข้าไปช่วยกันล้างจานในครัวก่อนจะพากันเดินกลับมายังห้องนอนของเอื้องทรายที่ข้าวของทุกชิ้นยังอยู่ครบไม่ได้ถูกพับเก็บเข้าตู้แต่อย่างใด แม้ว่าเจ้าตัวจะย้ายไปอยู่ที่บ้านสามีแล้วก็ตาม
“คุณแม่ให้ค้างที่นี่แค่คืนเดียวนะ ท่านว่าพวกเราไม่อยู่แล้วบ้านเงียบ” เอื้องทรายอมยิ้มก่อนจะพยักหน้าตกลงคนที่เพิ่งจะวางสายจากมารดาเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เธอลังเลอยู่ครู่ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง ที่ตอนนี้มีร่างสูงโปร่งกำยำของธเนศยืนเช็ดผมให้ตัวเองอยู่เพียงลำพัง
“มานั่งสิเดี๋ยวฉันทำให้ ขืนปล่อยให้แกยืนเช็ดเองพรุ่งนี้เช้าคงยังไม่ได้นอนกันพอดี!” เธอเอ่ยเพียงสั้นๆ ก่อนจะคว้าผ้าขนหนูมาค่อยๆ เช็ดผมสากอย่างเบามือ อยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง เพราะตลอดเวลาเขาทำเพื่อเธอมามากแล้ว ไหนจะเรื่องที่ยอมแต่งงานตามคำสั่งคุณย่าทั้งๆ ที่จะไม่ทำก็ได้แท้ๆ แต่เขากลับยอมทำตามความต้องการสุดท้ายของท่านอย่างไม่คิดขัด มันทำให้เธอรู้สึกซึ้งใจ เพราะสิ่งที่เขามอบให้มันมากเกินไปจริงๆ
“พอแกทำแบบนี้เหมือนเราเป็นผัวเมียกันจริงๆ เลยนะแกว่าไหม” มือที่กำลังเช็ดผมให้อยู่นั้นชะงัก รู้สึกเหมือนที่เขาพูดแต่กลับไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะกลัวจะเผลอเปิดเปลือยความรู้สึกที่มีต่อเขาออกไป หากเธอมีความกล้าเพียงสักนิดที่จะพูดออกไป ก็คงไม่ต้องเก็บมันเอาไว้แบบนี้
ไม่ต้องมาทนเจ็บปวดเพราะรักที่ไม่อาจพูดมันออกไป!
“ตื่นเถอะ! แค่คิดก็สยองแล้ว” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียง
“ทำไม! ผู้ชายอย่างฉันไม่ดีตรงไหน แกรู้ไหมว่ามีผู้หญิงกี่คนร้องไห้เพราะอิจฉาแก ที่จู่ๆได้มาแต่งงานกับผู้ชายที่แสนจะเพียงพร้อมอย่างฉัน!”
“จ๊ะพ่อคนดี คนหล่อ ขอโทษทีเถอะอย่างแกยังไกลสเปกฉันเยอะ” เอื้องทรายย้อนตอบ รู้อยู่กับตัวว่าทุกคำที่พูดออกไปมันไม่จริงเลยสักนิด
“แกชอบผู้ชายแบบไหนล่ะ เผื่อว่าฉันรู้จักจะได้แนะนำให้” ธเนศถามกลับอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นเอื้องทรายจะมีท่าทีสนอกสนใจผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ ทั้งๆ ที่ก็มีผู้ชายไม่น้อยที่แวะเวียนมาแจกขนมจีบเธอให้เห็น แต่สุดท้ายก็ต้องกินแห้วกลับไปแทบจะทุกราย
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องฉันหรอกน่า! เอาตัวของแกเองให้รอดก่อนเถอะย่ะ สวยๆ อย่างฉันหาเมื่อไหร่ก็ได้ว่าแต่แกกับคุณป่านตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เรื่อยๆ ป่านเขากำลังเตรียมตัวสอบเลื่อนขั้นอยู่ แฟนของฉันเก่งอยู่แล้ว ต้องทำได้แน่” หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับโดยไม่พูดอะไรออกไปอีก ไม่นานทั้งเธอและเขาก็พากันเข้านอนบนเตียงเดียวกัน จะต่างกันออกไปก็แค่คืนนี้มีอ้อมกอดอุ่นๆ ถูกสวมกอดเข้าที่ด้านหลังทันทีที่ทิ้งตัวลงนอน
“คืนนี้อากาศหนาวจัง ขอกอดหน่อย ตัวแกอุ่นดีฉันชอบ” เอื้องทรายไม่ได้ขัดขืนหรือต่อว่าคนที่กำลังกอดเธอจากด้านหลัง เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยมากไปกว่าเพื่อนกัน ผิดจากเธอที่หัวใจยังเต้นกระหน่ำให้กับสัมผัสแนบชิดจนไม่รู้ว่าคืนนี้ทั้งนอนจะหลับตาลงได้อย่างไร
“ฉันชักไม่อยากให้แกมีแฟนแล้วสิทราย” ธเนศเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบลงเมื่อจินตนาการไปถึงวันที่เอื้องทรายมีใครบางคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตขึ้นมา จะว่าเห็นแก่ตัวก็คงไม่ผิดนักที่เขาจะรู้สึกหวงหลายๆสิ่งในตัวเธอ ไม่คิดอยากให้ใครมาแบ่งเอาความสนใจที่มันเคยเป็นของเขาไป
“ทำไมละ”
“ไม่รู้สิ! ถ้าแกมีแฟนฉันก็คงกอดแกไม่ได้ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบเห็นแฟนตัวเองใกล้ผู้ชายอื่นหรอก ต่อให้ไอ้คนที่ว่าจะเป็นเพื่อนก็เถอะ” พูดไปก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้น แค่คิดว่าจะมีใครสักคนมากอดร่างบอบบางนี้หัวเขาก็ร้อนขึ้นทันตาเห็น และหากมันได้ทำอะไรที่มากกว่านั้นเล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้เพียงแต่ว่าเขาไม่ชอบ ไม่อยากให้เกิดขึ้น ไม่อยากให้เอื้องทรายปันความห่วงใจที่มีให้เขาไปให้ใคร
“ใจคอแกจะให้ฉันขึ้นคานไปจนแก่เลยรึไง! ทีแกยังมีแฟนได้เลย สักวันถ้าแกแต่งงานกับคุณป่านแล้วมีลูกด้วยกัน ถึงวันนั้นเมื่อไหร่แกก็คงจะลืมฉัน” หรือไม่ก็เป็นเธอที่ต้องเป็นฝ่ายพาตัวเองไปให้ไกลชีวิตของเขา
เธอคงทนไม่ได้หากต้องทนมองเห็นเขามีความสุขในขณะที่ตัวเองทุกข์ทรมานสาหัส มันคงง่ายกว่ามากถ้าเธอจะตัดใจจากเขา ดีกว่าทนเจ็บ
“ไม่มีวันนั้นหรอกทราย ฉันไม่มีวันลืมแก แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ลืม” คำว่า ‘เพื่อน’ ยิ่งตอกย้ำให้คนแอบรักข้างเดียวเจ็บหนัก ความจริงเธออยากจะสารภาพทุกสิ่งออกไปตรงๆ แต่เพราะกลัวว่ามันจะทำลายทุกสิ่ง กลัวกับคำตอบที่จะได้รับ กลัวว่าแม้แต่ความเป็นเพื่อนเขาก็จะไม่มีให้ กลัวความผิดหวังที่รู้แก่ใจดีว่ามันคงได้เกิดขึ้นแน่ๆ
กลัวจับใจ…