บทที่ 9 ร่องรอยของนักฆ่า

1330 คำ
              “พี่สามเมื่อเช้าคนที่เดินหน้าห้องนอนข้าเอ่ยถึงคนของสำนักมืออสูร”             “พวกมันปรากฏตัวที่แคว้นหมิงอีกแล้วหรือ?”             “เห็นว่ามีผู้วิชากระบี่แบบเดียวกับพวกมัน ไม่รู้ว่าจะใช้พวกเดียวกันหรือไม่?”             “เหตุใดจึงคิดว่าอาจมิใช่พวกเดียวกัน?”             “นางเป็นสตรีสูงวัย”             “หือ” ฮ่องเต้ขมวดคิ้วตามพระอนุชา “ยังไม่เคยเห็นนักฆ่าของสำนักมืออสูรที่เป็นสตรีมาก่อน”             “ข้าจึงสงสัยว่านางอาจจะเป็นคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางของพวกมันดี แต่อาจจะมิใช่พวกมัน” ท่านอ๋องเก้าผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการตามทำลายสำนักมืออสูรซึ่งมีนักฆ่าอันดับหนึ่งอยู่ในสังกัดมากมายและเคยบุกเข้ามาลอบสังหารฮ่องเต้ถึงสองครั้ง เคยลอบสังหารชินอ๋องพระเชษฐาของอ๋องเกาเอง รวมถึงเคยบุกเข้าไปสังหารคนในวังจีของท่านฝู่กั๋วกงที่เป็นเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่งด้วย             “เพราะเหตุใด?”             “นางมิได้มีเจตนาฆ่าผู้ใด เพียงลงมือช่วยคนที่ถูกทำร้ายเท่านั้น”             “คนของสำนักมืออสูรครั้งสุดท้ายก็หมายจะสังหารคนในวังจีของฝู่กั๋วกงเมื่อครั้งคิดแย่งชิงตรามังกรคู่ของห้าตระกูล จากนั้นก็เงียบหายไปพักใหญ่ ข้าคิดว่าครั้งนี้เราเองต้องจริงจังกับการหารังของพวกมันให้พบ หากทำลายไม่สิ้นซากคงยากจะนอนหลับสนิท” คุณชายสามหรือฮ่องเต้หมิงเฟยหลงยกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง แม้เขาจะอยู่ในวังหลวงที่มีการคุ้มกันแน่นหนาแต่ก็มิเคยคลายพระทัยกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง             “หากจะคิดไปตั้งแต่ข้าสืบข่าวสำนักอสูรมาโดยตลอด พวกเขาเหมือนจะไล่ล่าแต่เพียงคนในราชวงศ์และบุคคลสำคัญที่เกี่ยวพันกับวังหลวง”             “บางทีเบื้องหลังของสำนักมืออสูรอาจจะเป็นผู้ที่มีความแค้นกับตระกูลหมิง   ก็เป็นได้ ยุทธภพล้วนมีเรื่องความรักความแค้นซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอ แม้จะมีผู้ทำเพื่อเงินอยู่บ้าง แต่มิเคยอยู่เหนือเรื่องความแค้นส่วนตัวเลย”             ท่านอ๋องเก้าพยักหน้ารับว่าเสด็จพี่ของท่านวิเคราะห์ได้อย่างน่ารับฟัง “ข้าก็รู้สึกอยู่ว่าหากพวกเขารับเงินจากผู้ว่าจ้างมาจริง ผู้ว่าจ้างคนนี้คงจะแค้นเคืองคนในราชวงศ์ยิ่งนัก ซ้ำยังรู้หลายเรื่องในตระกูลเราเสียด้วย”             “คนในอาจจะน่ากลัวกว่าคนนอก เจ้าว่าหรือไม่?” ฮ่องเต้ใคร่ครวญอยู่ครู่      จึงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้  “บางทีคนผู้นั้นอาจจะอยู่ไม่ไกลจากตัวข้า”             อ๋องเก้าจ้องหน้าพระเชษฐาเขม็ง “แสดงว่าท่านมีผู้ต้องสงสัยในใจ”             “ข้าขอกลับไปดูให้แน่ใจแล้วจะมาบอกเจ้า ส่วนสำนักมืออสูรฝากเป็นธุระให้เจ้าช่วยจัดการให้เรียบร้อยด้วย ปีนี้เราควรจะคว้านหาพวกเขาพบได้แล้ว”             “ได้! ข้าจะวางทุกอย่างเพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่างเทียว”             “ดี!” ฮ่องเต้ตบบ่าท่านอ๋องหนักๆ “เช่นนั้นเราไปดูการประลองสักหน่อยเถิด ไม่รู้ว่าพวกเขาใกล้จะเลิกกันหรือยัง?”             คุณชายสามเดินเคียงข้างไปกับอ๋องเก้าถึงลานประลองหน้าโรงเตี๊ยมยุทธภพ พวกเขาไปทันได้ชมการประลองของสองคู่สุดท้าย จอมยุทธ์ผู้ใช้ขวานคู่ช่างแปลกตายิ่งทว่าวิชาของเขาก็ร้ายกาจ ขวานคู่นั้นสามารถขว้างออกไปแล้วหมุนวนกลับมาหาเจ้าของได้อย่างน่าเกรงขาม             “อา...ขว้างเป็นวงกลมได้เสียด้วย ไม่ธรรมดาจริงๆ”             “เจ้าดูกระบวนท่าของเขาสิ! เหมาะกับการล้มคู่ต่อตัวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าตนเอง เขาใช้ขวานคู่รับแรงที่โถมเข้าย่อกายแล้วใช้ขาขัดอีกฝ่ายให้ล้ม เพราะยามนี้คู่ต่อสู้มิได้ระวังขาเสียแล้ว” คุณชายสามผู้มีสายตาคมกริบมองทุกท่วงท่าการต่อสู้อย่างไม่ละสายตา             “พี่สาม ท่านยังคงชอบวิเคราะห์ทุกสถานการณ์จริงๆ นี่หากพี่ห้ามาด้วยพวกท่านคงสนุกกันน่าดู”             “นั่นสินะ! รอให้เจ้าห้าจัดการเมืองฉู่จิ้งเรียบร้อยเสียก่อนเถิด กองทัพทางนั้นต้องจัดระเบียบให้เรียบร้อยต่อไปการศึกจะได้เบาบางลงเสียบ้าง ข้ายังเสียดายที่หาตรากระเรียนทองคำมาเปิดขุมทรัพย์พระบิดาไม่ได้”             ชายหนุ่มผู้พี่มัวแต่มองการแข่งขันจึงมิได้เห็นว่าอ๋องเก้าใบหน้าเผือดสีลงเล็กน้อยยามพี่ชายเอ่ยถึงตรากระเรียนทองคำ นั่นเป็นตราประจำราชวงศ์โจวของแคว้นผิงที่ท่านตาของเขาลอบชิงกลับไปให้ฮ่องเต้โจวใช้รวบรวมพระราชอำนาจ ทว่าน่าแปลกยิ่งที่ตราที่ว่านี้กลับมีความสำคัญต่อพระบิดาของเขาในการกำหนดให้เป็นกุญแจในการเปิดขุมทรัพย์ที่ทรงซ่อนเอาไว้ ‘ถ้าหากต้องการตรากระเรียนทองคำก็ต้องไปขโมยมาจากแคว้นผิงน่ะสิ แล้วผู้ใดจะกล้าให้ยืมตราสำคัญของแว่นแคว้นเช่นนั้นเล่า?’             ครั้งก่อนหากมิได้เป็นเพราะนินจาหมีขาวตัวนั้นได้ช่วยขโมยมาก็ไม่รู้ว่าท่านตาฝู่กั๋วกงแห่งแคว้นผิงของเขาจะสามารถนำตรากระเรียนทองคำกลับไประงับสงครามในแผ่นดินเกิดได้อย่างไร? ท่านอ๋องเก้าได้แต่มองเสี้ยวหน้าของพระเชษฐา ‘หากเสด็จพี่อยากได้ตรากระเรียนทองคำก็หายอดฝีมือไปช่วยขโมยกลับมาเองก็แล้วกัน’             สองพี่น้องยืนดูอยู่จนกระทั่งการประลองฝีมือของคู่ที่สองจบสิ้นลง             “ภรรยาของเจ้าหายไปไหนแล้วเจ้าเก้า”             “นางอาจจะไปเดินเล่นแถวนี้”             คุณชายสามได้ยินน้ำเสียงที่ดูไม่กระวนกระวายของน้องชายแล้วก็แปลกใจ “เจ้าดูไว้ใจจอมยุทธ์หงผู้นี้เสียจริง ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาค่อนข้างจะใช้ได้ เจ้าไม่กลัวเขาจะนึกชอบภรรยาเจ้าบ้างหรือ?”             ท่านอ๋องเก้านิ่งอึ้งก่อนจะหัวเราะเสียงดังออกมา ทำเอาคนเป็นพี่ยิ่งทำสายตาฉงน “สองคนนั้นสนิทสนมกันมาก่อนจะแต่งงานกับข้าตั้งหลายปี ท่านไม่สังเกตหรือว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นพี่น้องมากกว่าอย่างอื่น”             “อืม เจ้าพูดมีเหตุผล มิน่าจึงไม่หึงหวงอย่างที่ข้าเคยเห็น”             “ท่านเคยเห็นข้าหึงหวงเมื่อใดกัน?” อ๋องเก้าตีหน้าเคร่งขรึม             “น้องเก้า เจ้าหึงบ่อย ข้าเห็นจนเบื่อล่ะ ยิ่งในงานเลี้ยงที่วังหลวง แค่มีคนเดินเฉียดกรายหานซู่ลี่ข้าก็เห็นเจ้าแทบจะเอากระบี่ปาดคอคนผู้นั้น ฮ่าๆ” พี่ชายทำเสียงเล็กเสียงน้อยยั่วเย้าแล้วเดินนำหน้าหัวเราะดังๆ             อ๋องเก้าไม่ยอมแพ้ ตะโกนตามหลังพี่ชายไป “ใครจะเหมือนท่านกันเล่า? ไม่มีคนจะให้หึงหวงน่ะสิ”             คำพูดนั้นแทงใจดำพี่ชายสามยิ่งนัก เขาหันกลับมาชี้หน้าน้องชาย “เจ้าจำไว้ ข้าจะหาคนเอาไว้ให้หึงหวงให้ได้ ตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างเว้นตอนนี้ข้าจะเหลือไว้ให้      คนผู้นั้น”             น้องชายร่างสูงโย่งยิ้มเย้ย “ขอให้ท่านหาสตรีโชคร้ายคนนั้นให้เจอเถอะ ข้าเกรงว่าท่านจะได้นักฆ่ามาร่วมเรียงเคียงหมอนอีกคนมากกว่า”             ฮ่องเต้ส่ายหน้าความเจ็บปวดใจที่ฮองเฮาคนก่อนวางแผนฆ่าเขาเพื่อชิงบัลลังก์กลายเป็นเรื่องขบขันในหมู่พี่น้อง ระหว่างเขา ชินอ๋อง และอ๋องเก้าเรื่องภรรยาที่คิดฆ่าสามีได้คงมีแต่เขาหมิงเฟยหลงผู้เดียวเท่านั้นที่ต้องเผชิญ  *************** ไรท์แนะนำ....นิยายทั้งหมดมี 7 ภาคนะคะ...อีบุ๊กมีจำหน่ายใน mebmarket.com ค่ะ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม