วันต่อมา
หลังจากที่หมอตรวจร่างกายยายบัวและอนุญาตให้กลับบ้านได้ คมกฤษที่อยู่ค้างตั้งแต่เมื่อคืน ก็พาทั้งสองยายหลานกลับไปส่งที่บ้านเช่า จากนั้นก็ขอตัวกลับไปทำงานปราภัทรสรเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าแจ่มใสหลังจากที่ไปส่งคมกฤษขึ้นรถ
"โอมกลับไปแล้วเหรอลูก" ยายบัวเอ่ยขึ้น
"กลับไปแล้วจ้ะ" เอ่ยพลางนั่งลงข้างๆ หญิงสูงวัย
"ต่อไปยายคงต้องฝากให้โอมดูแลแก้มจริงจังสักที"
"ทำไมยายถึงพูดอย่างนั้นจ๊ะ"
"ยายอายุเยอะมากขึ้นทุกวัน เดี๋ยวก็ป่วยออดๆ แอดๆ ไม่มีอะไรแน่นอน ยายคงอยู่กับแก้มไปตลอดไม่ได้หรอกลูก"
"ยายอย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ แก้มใจไม่ได้ดีเลย" ร่างบางสวมกอดหญิงสูงวัยเสียงสั่นเครือ
"หนูต้องเข้มแข็งเอาไว้นะลูก ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน ยายจะพยายามอยู่กับหนูให้นานที่สุดนะ" มือเหี่ยวย่นลูบศรีษะบางไปมาด้วยความรักใคร่
"แก้มรู้จ้ะ ยายอย่าพูดแบบนี้อีกนะ ยายไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงสักหน่อย ยายต้องอยู่กับแก้มตลอดไปจ้ะ" กอดรัดหญิงสูงวัยแน่นขึ้นทั้งน้ำตา
"ขี้แยอีกแล้วนะเรา ไม่เอาไม่ร้อง" มือเหี่ยวย่นรีบปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มหลานรัก
"ยายอย่าทิ้งแก้มไปนะจ๊ะ ถ้าแก้มขาดยายไป แก้มคงจะอยู่ไม่ได้"
"ไม่เอา ไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว"
"ต่อไปนี้ถ้ายายรู้สึกป่วยไม่สบายตรงไหน รีบบอกแก้มเลยนะ อย่าปล่อยทิ้งไว้ แก้มจะได้รีบพาไปหาหมอ จะได้รักษาทัน นะจ๊ะ"
"จ้ะ" ยายบัวยิ้มรับ
ตกเย็นมีนานั่งแท็กซี่ไปยังคอนโดหรูตามที่ได้นัดหมายกับคมกฤษเอาไว้ทางโทรศัพท์ที่พูดคุยกันอยู่เป็นประจำ ร่างบางในชุดเดรสอกเกาะสีขาวสั้นรัดรูปถูกมือหนาคว้าดึงเข้าไปในห้องทันทีเมื่อประตูเปิดออกต้อนรับเธอในเวลาเย็นเกือบทุกวัน
"ใจเย็นๆ สิ" มือบางลูบไล้แผงอกไปมา
"ก็ฉันคิดถึงเนื้อหอมๆ ของเธอ" ก้มลงจูบแก้มเนียนฟอดหนึ่ง
"นา ก็คิดถึงโอมตลอดเวลาเลยรู้ไหม"
"เข้าไปข้างในห้องกันเถอะ" ร่างหนาโอบเอวบางเดินเข้าไปในห้องนอนทันที
ร่างหนาค่อยๆ โน้มตัวลงไปบนร่างบางคร่อมร่างของเธอเอาไว้ ทั้งที่ริมฝีปากทั้งสองคนยังคงจูบดูดดื่มกันไม่ห่าง ทุกสัมผัสที่มอบให้กันต่างคนก็ปล่อยให้เป็นไปตามอารมณ์กลไกของร่างกาย บทพิศวาสอันเร่าร้อนบรรเลงดำเนินไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงจนสงบลงเมื่อต่างฝ่ายต่างได้ปลดปล่อยความต้องการไปจนถึงจุดสูงสุด
"เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ เลย" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลางใช้มือหนาลูบไล้ไปตามสะโพกเปลือย
"เราดีใจนะ ที่โอมชอบ"
"พรุ่งนี้ก่อนจะกลับ เธอช่วยเก็บข้าวของของเธอกลับไปด้วยนะ อย่าให้เหลือสักชิ้นเดียว เข้าใจไหม"
"ทำไมล่ะ" ร่างบางตกใจ
"ฉันกลัวว่าถ้าฉันพาแก้มมาที่นี้ แก้มจะสงสัยเอาน่ะ"
"จะกลัวทำไม แก้มเขาไม่มีทางมาที่นี้หรอก แก้มไม่ยอมมีอะไรกับโอมแน่ๆ "
"หลังจากนี้ก็ไม่แน่หรอก"
"หมายความว่ายังไง" มีนาขมวดคิ้วมุ่น
"เปล่า เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน ถ้าเธอไม่เชื่อฟังกัน อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ฉันอีก"
"ได้สิ นาจะเชื่อฟังโอมทุกอย่าง"
"ดี อีกรอบนะ" ประกบบดขยี้ริมฝีปากบางทันควัน
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
ณ ร้านอาหารใจกลางเมืองคมกฤษพาปราภัทรสรมานั่งทานมื้อเย็นด้วยกันสองคนเพื่อบอกเรื่องสำคัญกับเธอ ซึ่งเขาคิดไตร่ตรองมาหลายวันแล้วเพื่อให้เธอได้เตรียมตัวก่อน
"อร่อยไหม" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
"อืม อร่อยมากเลย" มือบางหั่นสเต๊กในจานใส่ปากอย่างอารมณ์ดี
"เรามีเรื่องสำคัญจะบอกแก้มด้วย"
"เรื่องอะไรเหรอ"
"พรุ่งนี้ไปเจอคุณพ่อกับคุณแม่กับเรานะ"
"โอมพูดจริงๆ เหรอ" ร่างบางยิ้มกว้าง
"จริงสิ ไม่ต้องกลัวนะ โอมเคยเกริ่นเรื่องนี้กับแม่ไว้บ้างแล้ว ท่านเป็นคนใจดีไม่ต้องกลัว รับรองท่านต้องชอบแก้มแน่ๆ " ชายหนุ่มเอ่ยสร้างกำลังใจให้เธอ
"แก้มดีใจจังเลย ว่าแต่พรุ่งนี้กี่โมงเหรอ"
"ตอนเย็นหลังเลิกงานเป็นไง อาบน้ำแต่งตัวสวยๆ นะ โอมจะไปรับ"
"จ้ะ" ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
วันต่อมา ณ เคาน์เตอร์โรงแรมหรูปราภัทรสรกับมีนากำลังเตรียมตัวจะเลิกงานกลับบ้านรอเพียงพนักงานอีกกะมาแทนเท่านั้น ระหว่างนั้นปราภัทรสรก็คุยโทรศัพท์กับคมกฤษไปพลางๆ เพราะเหลือเพียงไม่แค่นาทีก็จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว มีนาเห็นท่าทางปราภัทรสรดูจะมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าในทุกๆ วันก็แอบแปลกใจ เมื่อเห็นว่าปราภัทรสรวางสายจากคมกฤษไปเธอจึงเอ่ยถามขึ้นทันที
"ดูท่าทางแก้มจะมีความสุขมากเลย มีอะไรพิเศษหรือเปล่า"
"อ๋อ พอดีเย็นนี้ โอมเขาจะพาเราไปทานข้าวที่บ้านเขาน่ะ เราก็เลยตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ" ปราภัทรสรยิ้มแก้มปริ
"หมายความว่าพาไปพบพ่อแม่เขาเหรอ" มีนาตกใจหน้าถอดสี
"ใช่จ้ะ ไม่รู้ว่าท่านจะชอบเราไหม"
"เราขอตัวนะ" มีนารีบเร่งฝีเท้าปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำมองตนเองในกระจกน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างด้วยความเจ็บจุกในอก เธอเสียใจที่คมกฤษไม่บอกกล่าวเธอก่อนทั้งๆ ที่มันสำคัญมากสำหรับเธอ ต่อจากนี้ไปเธอคงจะลำบากมากกว่าเดิมหากคมกฤษเปิดตัวคบปราภัทรสรอย่างเป็นทางการ หนทางที่เธอจะแย่งชิงเอาชายหนุ่มมาครอบครองเพียงคนเดียวมันคงจะยากเย็นมากขึ้น แต่เธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดเธอจะทำทุกทางเพื่อครอบครองชายหนุ่มให้จนได้ มีนาจ้องมองกระจกดวงตาแข็งกร้าว
เมื่อมีนาสงบสติอารมณ์ได้แล้วเธอจึงหยิบโทรศัทพ์ออกมาจากกระเป๋าต่อสายหาคมกฤษทันที รอสายไม่นานชายหนุ่มก็รับสายของเธอเหมือนเช่นเคย
"ฮัลโหล โอม" กรอกเสียงใส่ปลายสาย
"ว่าไง" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
"ทำไมโอมไม่บอกนาเลย ว่าวันนี้จะพาแก้มเข้าบ้าน"
"คงจะรู้เรื่องจากแก้มสินะ เธอจะอยากรู้ไปทำไม รู้ไปก็เท่านั้น"
"แต่โอมควรจะบอกนาบ้างนะ แคร์ความรู้สึกของนาบ้างไม่ได้เลยเหรอ นาเสียใจโอมรู้ไหม" เอ่ยเสียงสั่นเครือ
"แล้วเธอจะให้ทำยังไง เธอเป็นคนทำตัวเองทั้งนั้น ฉันเคยลากเธอเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์นี้ไหม ก็ไม่"
"เลิกกับแก้มซะ!"
"หึ ไม่มีทาง แค่นี้นะ" มือหนากดวางสายทันที มีนาได้แต่กำมือแน่นด้วยความโกรธน้ำตาไหลอาบแก้มระบายความอัดอั้นภายในใจออกมาเท่านั้น
หลังจากที่ปราภัทรสรแยกย้ายจากมีนาที่อยู่ๆ ก็ทำตัวแปลกๆ ทำท่าทางบึ้งตึงใส่เธอตรงหน้าโรงแรม เธอก็นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับไปยังบ้านเช่ารีบอาบน้ำแต่งตัว รอไม่นานคมกฤษก็มารับเธอไปยังบ้านของชายหนุ่ม ระหว่างทางที่รถแล่นไปข้างหน้า มีนาก็พยายามต่อสายเข้ามาหาเขาอยู่ตลอดทางชายหนุ่มจึงตัดสินใจปิดเครื่องหนีโดยไม่แยแส
"ใครโทรมาหาโอมเหรอ มีธุระสำคัญหรือเปล่า ทำไมไม่รับล่ะ" ปราภัทรสรเอ่ยถามขึ้น
"ช่างเถอะ พวกโรคจิตน่ะ เราปิดเครื่องหนีแล้ว" เอ่ยเสียงราบเรียบ
"อืม" ร่างบางพยักหน้ารับ
ครืด ครืด โทรศัพท์ในกระเป๋าปราภัทรสรสั่นขึ้นเธอจึงรีบหยิบขึ้นมากดรับสายทันที
"ฮัลโหล นา" เสียงหวานกรอกใส่ปลายสาย
"เธออยู่ไหนเหรอ" มีนาพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองเอาไว้เอ่ยเสียงนิ่งที่สุด
"เราอยู่กับโอมน่ะ กำลังนั่งรถจะไปที่บ้าน นามีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่า เราแค่เป็นห่วงแก้มน่ะ"
"เป็นห่วง เป็นห่วงทำไมเหรอ" ปราภัทรสรขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่มีนาพูด
"เราไม่กวนแล้วดีกว่า โชคดีนะ" พูดจบมีนาก็วางสายไปด้วยความเคืองขุ่น เพราะทำอะไรไม่ได้เลย โทรไปหาคมกฤษกี่สายชายหนุ่มก็ไม่ยอมรับสายจากเธอเลย แถมยังปิดเครื่องหนีเธออีก จะให้ทำยังได้เธอยอมเป็นของตายให้ชายหนุ่มเองไม่ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรเธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้
"นา โทรมาทำไมเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบกลืนน้ำลายลงคอเหนียวหนืด
"นาถามแค่ว่าแก้มอยู่ที่ไหน เป็นห่วง เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นห่วงด้วย แล้วก็วางสายไป"
"ช่างเขาเถอะ ไม่ต้องไปสนใจหรอก"
"แก้มว่านาเขาดูแปลกๆ นะ"
"ยังไงเหรอ"
"ไม่รู้สิ แก้มบอกไม่ถูก เราคงคิดไปเองมั้ง"
"อย่าเก็บเอามาคิดให้รกสมองเลย ใกล้จะถึงแล้ว"
"อืม" ร่างบางพยักหน้ารับ
ไม่นานนักรถคันหรูก็แล่นเข้าไปจอดตรงลานจอดรถภายในบ้านหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่กว้างขวางมากพอสมควร ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบๆ บริเวณหน้าบ้านด้วยความประหม่าเมื่อก้าวขาลงมาจากรถหรู คมกฤษเห็นเธอยืนนิ่งจึงเดินเข้าไปโอบรอบเอวบางพาเดินเข้าบ้านไป ชายหนุ่มพาร่างบางเดินไปหยุดตรงหน้าชายหญิงสูงวัยที่นั่งรออยู่ในห้องรับแขกพร้อมกับแนะนำเธอให้ทั้งสองคนรู้จัก
"นี่แก้มครับ คุณพ่อคุณแม่" คมกฤษเอ่ยขึ้น
"สวัสดีค่ะ" ปราภัทรสรพนมมือไหว้ทั้งสองคนด้วยความนอบน้อม
"สวัสดีจ้ะ หน้าตาสะสวยเชียว" มาลาส่งยิ้มให้ปราภัทรสร
"นั้นสิ ไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมเจ้าโอมถึงอยู่ไม่ติดบ้านเลย" ปิติเอ่ยหัวเราะขบขัน
"ครับ" คมกฤษยิ้มแห้ง
"ทำตัวตามสบายนะหนู ไม่ต้องเกร็ง" มาลาเอ่ยบอกปราภัทรสร
"ค่ะ" ร่างบางยิ้มรับด้วยความดีใจที่ทั้งสองท่านไม่มีท่าทีรังเกียจเธอเลย
ทั้งสี่คนอยู่คุยกันในห้องรับแขกไม่กี่นาทีก็พากันไปนั่งทานมื้อเย็นในห้องรับประทานอาหารด้วยกันอย่างเป็นกันเอง จึงทำให้ปราภัทรสรรู้สึกผ่อนคลายลงไม่เกร็งอีกต่อไป ปิติกับมาลาใจดีจนเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ว่าคนฐานะสูงส่งขนาดนี้จะเต็มใจต้อนรับเธอเป็นอย่างดีไม่สนใจว่าเธอจะต่ำต้อยหรือมาจากไหน
"ทานเยอะๆ นะหนู กับข้าวเยอะแยะเลย" มาลาเอ่ยขึ้น
"ค่ะ"
"แหม ผมพาแก้มมาไม่ถึงชั่วโมง ดูท่าผมจะกลายเป็นหมาหัวเน่าแล้วสิ" คมกฤษเอ่ยกับมารดา
"ทานไปเลยเรา ไม่ต้องพูดมาก" มาลามองค้อนลูกชาย
"ครับ" ก้มหน้าทานอาหารตรงหน้า
"วันหลังพายายมาด้วยนะหนูแก้ม แม่อยากเจอจ้ะ"
"ได้ค่ะ"
"พ่อว่าคบกันมาก็นานแล้ว หมั้นกันไว้ก็ดีนะ"ปิติมองหน้าลูกชาย
"นั้นสิจ้ะ หมั้นกันไว้ก็ดีนะ จะได้วางใจกันทั้งสองฝ่าย" มาลาเอ่ยเสริมขึ้น
"เอ่อ...เรื่องนี้ ผมขอคุยกันก่อนดีกว่าครับ" คมกฤษหันไปมองหน้าปราภัทรสร
"จ้ะ ตกลงกันว่ายังไง ก็อย่าลืมบอกแม่ด้วยนะ จะได้หาฤกษ์หายามกัน" มาลาส่งยิ้มให้คมกฤษกับปราภัทรสร
"ครับ" คมกฤษรับคำ
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จอยู่คุยกันอีกเล็กน้อยคมกฤษก็พาปราภัทรสรกลับไปส่งยังบ้านเช่า ระหว่างทางกลับทั้งสองคนก็พูดคุยเรื่องหมั้นหมายกันไปด้วย
"แก้มไม่คิดเลย ว่าจะได้รับการต้อนรับจากคุณพ่อคุณแม่ดีขนาดนี้"
"โอม บอกแล้วว่าพ่อแม่ของโอมท่านใจดี เชื่อหรือยัง"
"เราเชื่อแล้ว แล้วเรื่องหมั้นล่ะ โอมคิดยังไงเหรอ"
"เอาตามกฤษ์ที่แม่หาให้ตกลงไหม แก้มพร้อมหรือเปล่า"
"อืม พร้อมสิ" ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม
"ครับ" จับกุมมือบางขึ้นมาจูบหนักๆ ทีหนึ่ง
เมื่อคมกฤษส่งปราภัทรสรเข้าไปข้างในบ้านชายหนุ่มก็ไม่ลืมที่จะบอกกล่าวเรื่องหมั้นหมายกันให้ยายบัวรับรู้ สร้างความดีใจให้กับหญิงสูงวัยไม่น้อยยายหลานจึงกอดกันกลมอย่างมีความสุข แต่ภาพตรงหน้ามันกลับทำให้คมกฤษเกิดความรู้สึกผิดในใจขึ้นมา แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็เลือกที่จะสลัดความรู้สึกทิ้งไปเอ่ยลาสองยายหลานแล้วเดินออกไป ระหว่างทางกลับคอนโดชายหนุ่มพยายามกดต่อสายหามีนาแต่เธอกลับไม่ยอมรับสายจากเขาแม้แต่สายเดียว มือหนาจึงโยนโทรศัพท์ทิ้งบนเบาะนั่งอย่างหงุดหงิดหัวเสีย