บทที่ 8
อดีต
Earth ET : เอิรธ์ไง จำไม่ได้เหรอ ชื่อไลน์น่าจะรู้นะ
Tonhom : เอิร์ธเหรอ!? อ้าว มีไลน์เราได้ไง
Earth ET : ความลับ
Tonhom : บอกมาเลยนะ
Earth ET : ไม่บอกครับ
ฉันว่าเอิร์ธก็โคตรจะกวนประสาทเลยนะ ฉันละอยากรู้จริงๆว่าใครให้ไลน์ฉันกับเขา ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นยัยมิวสิคแน่ๆ
ฉันนั่งจิ้มไลน์คุยกับเขาได้พักใหญ่ๆ ตอนนี้ฉันยังอยู่ที่ผับกับพี่ชาย และนั่งที่โต๊ะเดิมอยู่ไม่ไปไหน เพราะยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องไปโต๊ะนั้น...
“แกมัวแต่เล่นโทรศัพท์ แล้วเมื่อไหร่จะลุกออกไปห๊ะ!” ร่างสูงที่นั่งข้างๆเอ่ยเสียงทุ้ม ก่อนจะจ้องมองไปยังโทรศัพท์มือถือของร่างบาง
“ทำใจก่อนดิ” ฉันเอ่ยอย่างอวดครวญ พลางกำโทรศัพท์แน่นอย่างกังวลใจ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เมื่อเห็นกันต์ที่นั่งอยู่ จู่ๆก็หายตัวเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ สายตาของฉันก็ไม่ลืมเหลือบมองไปที่ ‘มินตรา’
“ คุยกับผู้ชายอยู่รึไง”
“เปล่า หนูแค่นึกอะไรขึ้นมาได้”
Tonhom : นายมาผับxxx ด้วยเหรอ ???
Earth ET : มาครับ
Tonhom : อยู่ตรงนี้ใช่ไหม ?
ฉันกดส่งครั้งสุดท้าย ก่อนจะถ่ายรูปเอิร์ธที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นกับเพื่อนๆหลายคน ก่อนจะส่งเข้าไปในแชทของฉันกับเขา ให้เขาได้เห็นรูปเหวอของตัวเองที่กำลังอ้าปากคุยกับเพื่อนๆอยู่
ไม่นานไลน์จากเขาก็เด้งมาโดยทันที ฉันเห็นเขาก้มลงจดจ้องมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองแว๊บนึง ก่อนจะหันไปมองรอบๆตัว
Earth ET : เธออยู่ตรงไหน !?
Tonhom : ไม่บอก นายต้องตอบคำถามฉันก่อน
Earth ET : คำถาม?
Tonhom : ผู้หญิงที่นั่งข้างๆกันต์ชื่อมินตราใช่ไหม ?
Earth ET : ใช่ ทำไมอ่ะ
Tonhom : มานั่งโต๊ะฉันแล้วชวนมินตรามาด้วย
Tonhom : แค่นี้อ่ะ ได้ป่ะ ?
Earth ET : ถ้าไม่ได้ล่ะ ?
Tonhom : ไม่เห็นจะยาก ฉันก็จะบล็อกไลน์นายไง J
Earth ET : โอเคๆ
ฉันเงยหน้ามองไปยังโต๊ะที่มีมินตรากับเอิร์ธนั่งอยู่ รวมถึงเพื่อนๆของพวกเขาด้วย เอิรธ์หันไปพูดอะไรบางอย่างกับมินตราอยู่สักพัก ก่อนที่เขาทั้งคู่จะลุกขึ้นยืนจากโซฟาหรู เอิร์ธขมวดคิ้วสอดส่องสายตาไปทั่วผับสักพัก ก่อนจะก้มมองโทรศัพท์แล้วพิมพ์อะไรบางอย่างส่งมาให้ฉัน
Earth ET : อยู่ไหน ?
Tonhom : ลองกลับหลังหันเงยมองมาสี่สิบห้าองศา แล้วจะเห็นเอง
Tonhom : มาเร็วๆนะ ฉันรออยู่
ฉันกดส่งครั้งสุดท้ายก่อนจะโบกมือหยอยๆให้กับเอิร์ธที่ยืนขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งของร่างสูงกอบกุมมือของหญิงสาวที่ชื่อมินตราเอาไว้อย่างหวงแหน พวกเขาทั้งสองคนเริ่มออกก้าวเดินมาทางที่ฉันนั่งอยู่
“ผู้หญิงคนนั้นจะมาหาพี่แล้วอ่ะ” ฉันหันไปบอกพี่ชายที่ตอนนี้กำลังกระดกเหล้าในแก้วให้หมดอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเห็นท่าทีว่าฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่ข้างๆเขาไม่ยอมขยับไปไหน
“ห๊ะ ว่าไงนะ ?” เสียงเข้มเอ่ยอย่างงุนงง พลางทวนคำถามใหม่อีกรอบ ก่อนจะวางแก้วเหล้าไว้บนโต๊ะ
“นั่นไง” ฉันชี้ไปยังเด็กสาวหน้าตาหวานสวยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้กับโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่
“ไง เอิร์ธ” ฉันยิ้มทักทายให้เอิร์ธตามมารยาท เมื่อเห็นว่าเขากับมินตรามาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะที่พวกฉันนั่งกันอยู่
“แก... แกทำยังไงให้มินตราเดินมาว่ะ” พี่ชายของฉันช็อกไปแว๊บนึง เมื่อเห็นมินตรามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเราทั้งสี่คน พลางกระซิบที่ข้างหูของฉันอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ผู้มาใหม่ได้ยินสิ่งที่พูดออกมา
“หนูเก่งไง อย่าลืมที่สัญญากันล่” ฉันขยิบตา พร้อมกับชูสองนิ้วให้พี่ชาย ก่อนจะหันไปมองเอิร์ธกับมินตราที่ยืนงงงวยกันอยู่*
“มานั่งกันๆ เอิร์ธนั่งตรงนี้นะ ส่วนมินตรานั่งข้างๆพี่ชายฉัน” ฉันเอ่ยเชิญพวกเขาทั้งสองคนให้นั่งลง โดยให้เอิร์ธนั่งข้างๆฉัน ส่วนมินตรานั้นก็ไปนั่งข้างๆพี่ชายฉันที่ถัดจากฉันไป แว๊บนึงฉันเห็นสีหน้าลำบากใจของเธอ แต่ก็ต้องจำยอมลงไปนั่งตามมารยาท
เธอก็ดูไม่ได้เลวร้ายอะไร กิริยามารยาทก็ดี แถมยังหน้าตาน่ารักอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยที่พี่ชายของฉันจะแอบชอบแบบรักแรกพบ ฉันแปลกที่ฉันรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเธอเท่าไหร่...
“เจอเธอสักที คิดถึงอ่ะ” ร่างสูงที่มาใหม่พูดยิ้มๆ ก่อนจะเอามือมาโอบไหล่ฉัน ทำให้ฉันต้องพยายามเบี่ยงเบนตัวออกมาจากเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือหนาสัมผัสเข้าที่ไหล่มนของฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยกยิ้มมุมปากให้อย่างเจ้าเล่ห์
“นายไปเอาไลน์ของฉันมาจากยัยมิวสิคใช่ไหม” ฉันเอ่ยอย่างจับผิด พลางจ้องมองหน้าเขาเขม็ง
“ไม่รู้สินะ” เขายักไหล่ทีนึง ก่อนจะจ้องมองเรือนร่างของฉันอย่างสำรวจ “ ชอบมาเที่ยวที่นี่เหรอ ทำไมไม่เคยเห็นเลย ? ” เขาถามต่อ
“ไม่อ่ะ เพิ่งมาเที่ยวครั้งแรก” ฉันตอบไปตามความจริง ฉันเพิ่งจะอยู่ที่นี่นานขนาดนี้ก็วันนี้นี่แหละ
“ไว้มาเที่ยวบ่อยๆกับฉันไหมละ”
“ไม่เอาอ่ะ น่าเบื่อ”
“อยู่กับฉันไม่มีอะไรไม่น่าเบื่อหรอก เนอะ มินตรา” เอิร์ธพูดประโยคแรกกับฉัน ประโยคที่สองนั้นพูดกับมินตราที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าเงียบไม่พูดอะไร
“อะ อืม ทำไมพี่เอิร์ธต้องพามินมาด้วยอ่ะ” ดวงตากลมโตเอ่ยอย่างสงสัย เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ที่รู้จักของตัวเองพูดจาคลุมเครือเกี่ยวกับสักอย่าง ก่อนจะจับมือจูงเดินมาโต๊ะนี้โดยทันที ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถามไถ่อะไรมากมายจากเอิร์ธ จู่ๆเสียงทุ้มต่ำของใครบางคนก็เอ่ยขึ้นมา
“จำพี่ได้ไหมครับ น้องมินตรา”
“ค่ะ ?” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วอย่างสงสัย พลางจ้องมองคนตรงหน้า
“พี่ชื่อต้นไม้ไงครับ ที่น้องมินตราเคยช่วยพี่เอาไว้เมื่อหนึ่งปีก่อน...” ร่างสูงพูดออกมาอย่างจริงจัง ในใจพลางนึกถึงเรื่องราวในอดีตเมื่อหนึ่งปีก่อน
“พี่ชื่อต้นไม้เหรอค่ะ...” ร่างบางทวนชื่อของร่างสูงอีกครั้ง แต่ก็กลับจำชื่อนี้ไม่ได้และไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน ร่างสูงได้แต่จ้องมองร่างบาง พลางภาวนาให้ร่างบางนึกเรื่องเกี่ยวกับเขาออก
“หนูจำไมได้อ่ะค่ะ หนูว่าพี่คงจำผิดคนแล้วมั้ง” ร่างบางเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ทำให้ร่างสูงที่นั่งอยู่รู้สึกสลดใจขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น ใบหน้าหล่อยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆเขารู้สึกอึดอัดใจไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรครับ...” ร่างสูงถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อ
“งั้นยินดีที่ได้รู้จักนะครับ พี่ชื่อต้นไม้”
“เช่นกันนะค่ะ พี่ต้นไม้” ร่างบางเอ่ยทำความรู้ใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
‘รอยยิ้มเธอไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว’ ร่างสูงได้เพียงแต่คิดในใจ ก่อนจะหลับตาลงเบาๆเพื่อคลายความรู้สึกที่อัดแน่นมาตลอดหนึ่งปี
หนึ่งปีที่เขาตามหาเธอ มันช่างนานแสนนานสำหรับชายหนุ่มคนนี้นัก เธอเปรียบเสมือนเป็นรักแรกพบของเขา ในวันนั้นถ้าเขาไม่ได้เธอช่วยเอาไว้ คงไม่มีเขาในตอนนี้…
24 มิ.ย. 25xx
New York , U.S.A
“คุณบ้าไปแล้วเหรอค่ะ!!!” เสียงหวานใสของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาดังสนั่น ทำให้ชายหนุ่มที่ตอนนี้นั่งอยู่บนพื้นถนนได้สติขึ้นมาลางๆ นัยน์ตาสีดำเข้มจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานได้รูปของหญิงสาว
“...”
เงียบ... ไม่มีเสียงใดๆรอดออกมาจากริมฝีปากหนาของร่างสูง
“เมื่อกี้คุณกำลังจะถูกรถชนนะค่ะ ทำไมคุณไม่มองถนนเลย ถ้าฉันไม่ดึงแขนคุณเอาไว้ รับรองคุณได้ตายแน่ๆ!” หญิงสาวใบหน้าสวยเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ถนนในยามค่ำคืน แสงไฟในเมืองที่สาดส่องลงบนพื้นถนน มีเพียงธอและเขาสองคนเท่านั้นที่กำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้มีรถมากมายหลายคัน กำลังขับแล่นไปมาด้วยความเร็วสูง ถ้าพลาดเดินออกไปสุ่มสี่สุ่มห้ามีหวังโดนรถชนตายได้แน่ๆ
เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา หญิงสาวใบหน้าหวานได้ช่วยชีวิตของชายหนุ่มเอาไว้ เธอเห็นชายหนุ่มหน้าตาดูดีคนหนึ่งกำลังรอจะข้ามถนน แต่แล้วเธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนนี้ ซึ่งเขากำลังจะก้าวขาเดินไปในใจกลางท้องถนนที่มีรถขับไปมาอย่างอันตราย
ใบหน้าหล่อได้รูปก้มลงมองถนนอย่างเหม่อลอย เมื่อเธอเห็นดังนั้นเธอจึงรู้สึกตกใจมากที่เขากำลังจะโดนรถชน เธอจึงวิ่งไปหาเขา ก่อนจะออกแรงดึงร่างสูงเอาไว้อย่างแนบแน่น เพื่อไม่ให้เขาก้าวขาลงบนไปบนท้องถนนที่มีรถแล่นไปมา พร้อมกับตะโกนเรียกสติของเขา ตอนนี้ขาทั้งสองของเขาทรุดนั่งลงไปกับพื้นฟุตบาททางเดิน
ร่างบางยืนมองด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเป็นปม เธอได้แต่คิดในใจอย่างสงสัยใคร่รู้ว่าเขากระทำแบบนี้ทำไม
“ฉันอยากตาย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าลงมองพื้นอีกครั้ง
“คุณพูดอะไรออกมาน่ะ” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง พร้อมกับก้มลงมองหน้าร่างสูงให้เห็นอย่างชัดเจน ใบหน้าเขาดูเศร้าสร้อย ไม่ต่างจากคนกำลังมีทุกข์ หรือคนที่อยากจะคิดฆ่าตัวตายด้วยวิธีให้ตัวเองโดนรถชน
“ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ฮึก...” ร่างสูงพูดออกมาอีกครั้ง พร้อมกับแค่นหัวเราะในลำคอ นัยต์ตาคมเข้มเริ่มมีน้ำใสๆซึ่งเรียกว่า ‘น้ำตา’ ไหลลงมาอาบแก้ม
“ใจเย็นๆก่อน คุณเป็นอะไรค่ะ ค่อยๆเล่านะ” เสียงหวานใสเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่นั่งก้มหน้าอยู่เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเสียงร้อง
“ฉันทนไมไหวแล้ว พวกมันตามตัวฉัน... พวกมันกำลังจะโกงทุกอย่างไปจากฉัน” ร่างสูงกัดฟันแค่นเสียงพูดออกมา พร้อมกับกลั้นน้ำตาที่ไหลลินลงมาเลอะใบหน้าหล่อเรื่อยๆ ร่างบางเห็นเช่นนั้นจึงรู้สึกอดสงสารไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆใช้มือเรียวยาวจับใบหน้าหล่อขึ้นมาเงยมองกับใบหน้าเธอชัดๆ พลางเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลลินออกมาจากคนตรงหน้า
ทำไมใบหน้าเขาหล่อ แถมยังดูเศร้าเช่นนี้กัน...
ร่างบางพลางคิดในใจ พร้อมกับปลอบกระโลมเขาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ใครตามตัวคุณเหรอค่ะ ?” หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“...” ร่างสูงไม่ตอบ ได้แต่มองใบหน้าหญิงสาวตรงหน้าเขา เขาคิดว่าเธอนั้นมีหน้าตาที่สวยมาก ดวงตาที่กลมโตน่าดึงดูดสายตาจากคนรอบข้าง อีกทั้งยังมีริมฝีปากที่แดงละเลือ เธอเป็นนางฟ้างั้นเหรอ ?
“เธอสวยมาก...” ร่างสูงเอ่ยออกมา พร้อมความเจ็บปวด ก่อนจะใช้มือหนากุมขมับเข้าที่เอวของตัวเอง ทำให้หญิงสาวชะงักไปสักพัก สายตาคู่สวยเหลือบมืองไปตามมือของเขาที่เหมือนกำลังกอบกุมอะไรสักอย่างที่ไหลออกมาจากเอวของร่างสูง
“คะ คุณค่ะ เลือดคุณไหล!!!” น้ำสีแดงสดพลั่งพลูไหลออกมาตามตรงเอวของร่างสูงอย่างไม่ขาดสาย ตอนนี้เสื้อของร่างสูงที่สวมใส่เริ่มกลายเป็นสีแดงแทนสีขาวสะอาด
“ฉันคงใกล้ตายแล้วสินะ...” ร่างสูงพูดด้วยเสียงแหบพร่า สายตาทั้งสองคู่เริ่มเลือนราง พลางเหลือบมองเห็นร่างบางที่ตอนนี้มีสีหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นเลือด แต่ร่างบางก็ไม่ลดละความพยายามที่จะช่วยคนตรงหน้า
“คุณจะต้องไม่ตายค่ะ!!! ฉันจะตามหมอเดี๋ยวนี้แหละ คุณไม่เป็นอะไรแน่นอน” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงร้อนลน พลางก้มลงค้นกระเป๋าสะพายของตัวเอง เพื่อหาโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะรีบโทรเข้าเบอร์โรงพยาบาลอย่างเร็วไว
“ไม่ต้อง! ปล่อยฉันไปเถอะ” ร่างสูงตะหวาดเสียงเข้ม สายตาเริ่มพร่ามัว ความเจ็บที่บริเวณเอวเริ่มปะทุขึ้นมา เลือดไหลไม่หยุด
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ! คุณต้องห้ามตายนะค่ะ ชีวิตยังมีอะไรอีกเยอะ คุณจะมาตายง่ายๆไม่ได้นะ” ร่างบางตะโกนอย่างร้องขอไม่ให้คนตรงหน้าเธอตัดสินชีวิตด้วยความตาย
“…”
“ถ้าคุณตายไป ทั้งครอบครัวคุณ หรือคนที่คุณรักก็จะเสียใจไปด้วย” ร่างบางพยายามคิดคำพูดปลอบประโลมที่มาจากใจจริงของเธอเอง เพื่อไม่ให้ร่างสูงที่ตอนนี้เอาแต่เงียบได้สติขึ้นมา
“…”
“เพราะงั้นคุณห้ามตายนะค่ะ! อดทนอีกนิดนะรถพยาบาลจะมาแล้ว” ร่างบางทำสีหน้าเป็นกังวล ก่อนจะก้มลงกอดร่างชายหนุ่มอย่างอ่อนโยนคล้ายกับกำลังให้กำลังใจคนตรงหน้า
“ฉันเจ็บ...” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา
“จับมือฉันไว้ค่ะ ความเจ็บของคุณจะหายไปเดี๋ยวนี้แหละ” ร่างบางสังเกตุเข้าที่บาดแผลของร่างสูงที่ตอนนี้เลือดกำลังไหลลินเรื่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือหนา พร้อมกับบีบแรงๆเพื่อเรียกสติของคนตรงหน้า
“…”
“คุณจะต้องไม่ตายแน่ๆค่ะ” ร่างบางยิ้มบางอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาคู่สวยเริ่มน้ำตาคลอ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกเป็นห่วงเขาเอามากๆ เธอรู้สึกไม่อยากให้เขามาตายในเวลาที่ยังไม่สมควรแก่ชีวิต
“เธอชื่ออะไร ?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ดวงตาคมเข้มเริ่มจะปิดลง
“ฉันชื่อมินตราค่ะ ฉันชื่อมินตรา!” ร่างบางของหญิงสาวเปล่งเสียงตะโกนเรียกคนตรงหน้า
“มินตรา” ร่างสูงทวนชื่อของเธอซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับจดจำใบหน้าและเลือนร่างทั้งหมดที่เป็นเธอ ก่อนจะสลบไปไม่ได้สติ
“คุณค่ะ ฟื้นขึ้นมาสิ!!!” ร่างบางตาเบิกโพรง พร้อมกับตะโกนเรียกชายหนุ่มสุดเสียง ให้ตื่นจากการหลับใหล แต่เสียงเธอนั้นก็ส่งไปไม่ถึงเขา...
“…”
หลังจากเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น ชายหนุ่มก็ได้แต่คิดในใจถึงเรื่องราวที่ตัวเองอยากจะตายไป เพราะเขาโดนพวกมาเฟียตามล่า เนื่องจากไปทำเรื่องผิดกฎกับผู้มีอิธิพลมา ทำให้เขาเกิดบาดแผลสาหัส โดนยิงเข้าไปที่เอว และหลบหนีมา คาดหวังว่าจะได้พบเจอกับความตายกลางท้องถนนแทนโดยพวกนั้นฆ่า
แต่แล้วความคิดของชายหนุ่มก็แปรผันเปลี่ยนไป เพียงเพราะคำพูดของหญิงสาว ที่ให้กำลังใจเขาอย่างไม่ย่อท้อ
ชายหนุ่มถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาล หลับไม่ตื่นไปประมาณสามวัน วันสามที่ ร่างสูงตื่นขึ้นมา เขาจำใบหน้าและน้ำเสียงของเธอได้ และเขาหวังว่าจะพบเจอเธออีกครั้ง แต่สุดท้ายมันก็ว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของเธออีกเลย เขาจึงเริ่มที่จะหาหนทางตามหาเธอให้พบ
เขาใช้เวลาหาเธอประมาณ1ปี สุดท้ายเขาก็หาเธอทั่วอเมริกา แต่ก็ไม่พบ จากนั้นเขาจึงได้มาก่อร่างสร้างตัวด้วยการเปิดผับที่ไทยในปีนี้ ทำให้เขาได้พบเจอกับเธอโดยบังเอิญที่ผับแห่งนี้ เขาพยายามจะหาจังหวะเข้าไปหาเธอ แต่มันก็ไม่เป็นผล เธอไม่มีความรู้สึกที่จะสนใจเขาอีกเลย
ฉันมองพี่ชายตัวเองที่ตอนนี้กำลังนั่งหลับตาพริ้ม ไม่รู้ไปเข้าฌานที่ไหนมา
“มินตรา มาอยู่ตรงนี้กับเอิร์ธทำไม ฉันบอกว่าอย่าลุกไปไหนไง!!!” เสียงทุ้มที่ดังออกมาจากบุคคลมาใหม่ ทำให้ฉันสะดุ้งอย่างตกใจ พลางหันไปมองโดยทันที สายตาคู่สวยหันไปเห็นใบหน้าหล่อที่คุ้นเคยทำสีหน้าบ่งบอกถึงความเคร่งเครียด
“เอ่อ คือ พี่เอิร์ธชวนมินมาด้วยอ่ะ อย่าโกรธไปเลยนะ” มินตราเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นว่ากันต์กำลังอารมณ์เสีย
“เฮ้อ เธอนี่มัน...” เขากำหมัดอย่างอดกลั้นอารมณ์โกรธ ก่อนจะถอนหายใจออกมา สายตาเหลือบไปเห็นร่างบางที่ตอนนี้นั่งมองพวกเขาทั้งคู่อย่างมึนงง
“อ้าว! ต้นหอม” ร่างสูงชะงักแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยทักร่างบางที่ยิ้มทักทายเขากลับมา*
“ว่าไงกันต์ มาด้วยเหรอ” ฉันส่งยิ้มแหยๆไปให้เมื่อเขารู้สึกตัวว่ามีฉันนั่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้เป็นแค่อากาศธาตุ
“อืม บังเอิญจังนะ ได้เจอเธอด้วย”
“ไอ้กันต์ มานั่งด้วยกันมา” เอิร์ธเอ่ยชวนเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองทำสีหน้างุนงงที่เห็นร่างบางของหญิงสาวที่ดูสะดุดตา
“ไม่ล่ะ วันนี้ฉันขอตัว... มินตรา กลับกับฉันได้แล้ว” ร่างสูงหันไปจูงแขนมินตราให้ลุกขึ้น ก่อนจะพูดต่อ พร้อมกับมองหน้าเพื่อนสนิท
“ส่วนมึง น้องสาวมึงรอจะกลับกับมึงอยู่ เร็วๆ!”
“อ้าว เฮ้ย จริงด้วยว่ะ กูลืมเลย เออๆ เดี๋ยวไป” เอิร์ธเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะบอกลาฉันแล้วรีบเดินออกไปทันที
“ฉันไปก่อนนะต้นหอม” กันต์หันมามองฉันก่อนจะยกมือเป็นการบอกลาให้
“เอ่อ สวัสดีค่ะพี่ต้นไม้” มินตรายิ้มแหยๆให้กับร่างสูงที่ตอนนี้พยายามแสร้งยิ้มให้กับร่างบางอย่างเต็มที่
ทั้งกันต์และมินตราจูงมือเดินออกไปพร้อมกันจากผับนี้ ฉันใช้สายตามองสองคนนั้นเรื่อยๆก่อนจะแอบสะกดรอยตามพวกเขาไป
ใช่! ฟังไม่ผิดหรอก ฉันสะกดรอยตามพวกเขาอยู่ -*-
‘ทำไมถึงดูสนิทสนมกันนักนะ มันต้องมีอะไรลับลมคมในแน่ๆ’ ฉันคิดในใจก่อนจะเดินตามพวกเขาไปทางลานจอดรถ จู่ๆเสียงทุ้มจากกันต์ก็เอ่ยขึ้น ทำให้ฉันได้ยินถึงสองรูหู
“เธอไปยุ่งกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไงมินตรา ในเมื่อวันนี้เธอบอกจะเป็นของฉัน!!!”