บทนำ
“มาห้องของเจ้าทีไร ก็รู้สึกขนลุกขนพองทุกที เมื่อใดเจ้าจะเลิกสะสมภาพวาดของท่านแม่ทัพจ้าวสักที ทั้งที่เพียงแค่เข้าไปทักทาย เจ้ายังไม่กล้าด้วยซ้ำ” หวงเหม่ยอิง สหายสาวคนสนิทของเจ้าของห้องพักในโรงเตี๊ยมเอ่ยขึ้นหลังจากเดินเข้ามาในห้องของนาง ก็พบว่าผนังห้องด้านหนึ่งนั้น ถูกแขวนด้วยภาพวาดของท่านแม่ทัพจ้าวหลี่จวินชนิดหาพื้นที่ว่างไม่เจอ บ่งบอกถึงความคลั่งไคล้จนน่าขนลุกทีเดียว
“เจ้าก็พูดเกินไป ที่ข้าซื้อเอาไว้ก็เพราะเห็นว่ามันขายไม่ได้แล้วต่างหาก” หวังอี้หยางเอ่ยกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงปลื้มปีติ ถึงนางจะเอ่ยปัดไปเช่นนั้น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าท่านแม่ทัพจ้าวหลี่จวินนั้นเป็นบุรุษที่นางตกหลุมรักจนถึงขั้นสมัครเป็นหน่วยแพทย์สนามเต็มตัวเพื่อติดตามบุรุษหนุ่มไปทำสงคราม
หวงเหม่ยอิงส่ายศีรษะเล็กน้อย แม้ว่าหวังอี้หยางจะปฏิเสธ แต่สายตาของนางยามมองภาพของท่านแม่ทัพบ้าเลือดผู้นั้นกลับเปล่งประกายยิ่งกว่าท้องฟ้าในตอนกลางวันเสียอีก
“ขายได้ก็แปลก สมัยนี้บุรุษรูปงามอ่อนหวานนุ่มนวลต่างหากที่เป็นที่นิยม อย่างเช่นองค์รัชทายาทโจวซงเชียน”
หวังอี้หยางหัวเราะเบาๆ นางไม่อาจปฏิเสธได้ว่าองค์รัชทายาทนั้นรูปงามกว่าบุรุษใดในใต้หล้า ทว่านางกลับนิยมบุรุษที่มีดูแข็งแรงสุขภาพดีมากกว่าคุณชายเอวบางร่างน้อย
“แต่ข้าชอบแบบท่านแม่ทัพ บุรุษที่แบกต้นไม้ได้ต่างหากถึงจะมีเสน่ห์” หวังอี้หยางหวนคิดถึงวันที่นางเป็นแพทย์สนามฝึกหัด ในคืนนั้นเกิดพายุ ฝนตกหนักลงน้ำในแม่น้ำล้นท่วมค่ายพักแรม กระโจมของเหล่าทหารนั้นมั่นคงแข็งแรงจึงไม่เป็นอันใด ทว่ากระโจมของหน่วยแพทย์กับพังไม่เหลือซาก ท่านแม่ทัพไม่อาจดูดายจึงรีบสั่งคนไปตัดต้นไม้เพื่อสร้างที่พักใหม่ให้เหล่าหน่วยแพทย์ ยามที่ได้เห็นบุรุษผู้นั้นแบกลำต้นขนาดใหญ่มาวางไว้ ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
ทว่าสิ่งที่ทำให้นางปักใจในตัวของท่านแม่ทัพ ไม่ใช่แค่แบกต้นไม้สร้างกระโจม แต่เป็นร่างกายที่เข้ามาขวางทางดาบตอนที่นางกำลังให้การรักษาทหารในสนามรบต่างหาก อีกทั้งยังใจดีช่วยเปิดทางให้นางสามารถพาทหารบาดเจ็บกลับไปยังที่พักได้สำเร็จ
และนั่นจึงเป็นเหตุให้นางสมัครเข้าหน่วยแพทย์สนามแทนการเป็นแพทย์หลวง ถึงขั้นทะเลาะกับท่านพ่อเสียใหญ่โต จนต้องออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง
แต่กลับสะดวกใจมากกว่าที่คิด เนื่องจากที่พักนั้นเป็นห้องเช่าในโรงเตี๊ยมของครอบครัวตระกูลหวง นางจึงได้รับส่วนลดพิเศษแลกกับการดูแลแขกที่เจ็บป่วยในบางครา การออกจากบ้าน นับว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย และนางจะสะสมภาพวาดของท่านแม่ทัพมากมายเท่าใดก็ย่อมได้!
“เห้อ... ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด ว่าแต่คืนนี้เจ้าจะไปงานเลี้ยงฉลองชัยชนะหรือไม่ หน่วยแพทย์สนามเห็นว่าได้รับบำเหน็จมากกว่าทุกครั้งไม่ใช่หรือ” หวงเหม่ยอิงถาม แม้จะรู้คำตอบของสหายอยู่แล้วก็ตาม
“ต้องไปอยู่แล้ว! ก็ท่านแม่ทัพก็ไปด้วยนี่นา” หวังอี้หยางตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ด้วยเหตุนี้นางถึงได้กลับห้องพักก่อนเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงฉลองชัยชนะในคืนนี้
หวงเหม่ยอิงถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับคลี่ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู แม้ว่าในสนามรบหวังอี้หยางจะต้องพบเจอกับความน่ากลัวมากมายเพียงใด แต่ดาวโชคดีก็ยังเคียงข้างนางอยู่เสมอ เพราะกลับมาจากสนามรบอย่างไร้รอยขีดข่วนจนน่าประหลาดใจเสียทุกครั้ง ทว่าแค่เห็นนางยิ้มได้สดใสเช่นนี้ก็หมดห่วงแล้ว
“แล้วเจ้ามีชุดหรือยัง ตั้งแต่กลับมาจากสนามรบ เจ้าก็ไม่ได้ออกจากค่ายทหารเลย”
หวังอี้หยางมองตู้เสื้อผ้าของตนเองอย่างไม่มั่นใจนัก
เพราะตั้งแต่นางออกจากบ้าน พวกข้าวของเครื่องใช้ นางก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วยสักชิ้น มีเพียงแค่ชุดสำหรับใส่ทำงานเท่านั้นที่ใช้สับเปลี่ยนในแต่ละวัน เพราะส่วนใหญ่นางใช้เวลาในตึกแพทย์หลวง โรงเตี๊ยมจึงเป็นเหมือนที่พักชั่วคราว
“ข้าใส่ชุดเก่าก็ได้” เสียงหวานเอ่ยพร้อมถอนหายใจออกมา ทั้งที่รู้ว่าทางวังหลวงจะจัดงานฉลอง ก็ควรจะรีบไปซื้อเสื้อผ้าใหม่เสียก่อน เวลานี้ที่ร้านขายผ้าและร้านตัดเย็บคงมีแต่ชุดของเหล่าลูกสาวขุนนางที่มาร่วมมาฉลองหมดแล้วกระมัง
หวงเหม่ยอิงไม่อาจทนเห็นท่าทางซึมเศร้าน่าสงสารของสหายได้ จึงดึงมือของเพื่อนสาวเดินตามไปยังห้องพักของนาง
“อย่ากังวลไปเลยเสี่ยวหวัง สหายของเจ้าเป็นถึงลูกสาวร้านตัดเสื้อ คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้สมหวังกับท่านแม่ทัพของเจ้าอย่างแน่นอน”
หวังอี้หยางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นนั้น ก่อนจะเหลือบมองพื้นเพราะรู้ว่าแก่ใจว่าความรักของนางในครั้งนี้ยากจะสมหวัง เนื่องจากได้ยินข่าวลือมาว่าจักรพรรดิจะทรงมอบสมรสพระราชทานเป็นรางวัลแก่ท่านแม่ทัพจ้าวหลี่จวินกับองค์หญิงโจวเหรินฮวา ในขณะที่นางทำได้เพียงแค่ยืนมองดูและแสดงความยินดีจากที่ห่างไกล
นางไม่มีวันที่จะไขว่คว้าบุรุษผู้นั้นมาอยู่ข้างกายเคียงบ่าเคียงไหล่ได้ แต่ถ้าหากนางยังอยู่ในหน่วยแพทย์สนาม นางก็ยังสามารถช่วยเหลือเขาได้
สองปีที่นางได้เฝ้ามอง ได้เคียงข้างในสนามรบ ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว...