ตอนที่3.ชายหนุ่มเลือดฮ่องกง

1516 คำ
“คุณ!!” “อลัน” เขาพูดแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเข้าไปใกล้ “ชื่อของผมคือ อลัน  หยาง” ดุลยาอ้ำอึ้งไปไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าเขาจะลุกขึ้นมาแนะนำตัวเองแบบนี้   “ตามมารยาทคุณก็ควรแนะนำตัวเองเสียหน่อยนะ อย่างน้อยผมก็ช่วยคุณไว้” พอโดนเขาจี้เข้าแบบนี้ดุลยาก็ได้สติขึ้นมา “ชื่อดุลยาค่ะ เรียกดาวก็ได้”   เธอกวาดตามองเขาอย่างไม่เกรงมายาท  แต่กลับทำให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมา ก็แน่ล่ะ คนอย่าง อลัน หยาง ไม่เคยถูกมองแบบนี้แน่ หากเป็นหญิงสาวก็ส่งสายตาเชิญชวน หากเป็นผู้ชายถ้าไม่อยากฆ่าเขาก็หวาดกลัวไม่กล้าสบตา การหัวเราะอย่างเปิดเผยของเขาทำให้ดุลยาขมวดคิ้ว ทำไมล่ะ เขาวิปริตไปแล้วเหรอ จู่ๆ ก็หัวเราะออกมาแบบนี้ “คุณ! หัวเราะอะไรกัน แล้วที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” “รีสอร์ทริมทะเล”              เขาตอบจ้องมองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาเป็นคนฮ่องกงแต่พูดไทยได้ชัด แต่เป็นสำเสียงไทยปนจีนนั้นแหละ แต่เขาก็ฟังภาษาไทยได้รู้เรื่อง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคลายอาการตื่นตระหนกได้บ้างก็เบาใจลง แต่เพราะใส่ชุดไทยแบบนี้หรือเปล่านะ ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนเธอหลุดออกมาจากภาพวาดยังไงไม่รู้ “แล้ว?” “ผมแบกคุณออกมาจากเวทีประมูล” เขาพูดง่ายราวกับว่าเพิ่งไปร้านสะดวกซื้อมา ดุลยารู้สึกปวดหัวตุบๆ จนต้องหลับตาลงทันที นี่ความจริงใช่ไหม?  เธอถูกวางยาสลบแล้วเอาไปเร่ขายเหมือนสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง  และ ‘เขา’ คือผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ที่อยู่ดีๆ ก็มาซื้อตัวเธอในราคาสองแสนบาท เดี๋ยวนะ เขาประมูลเธอมาใช่ไหม?   อลันเห็นสีหน้าซีดเผือดของเธอแล้วก็ประหลาดใจ เมื่อครู่ยังเห็นเหมือนเธอจะลุกขึ้นมาตะปบเขาด้วยซ้ำไป ตอนนี้กลับกลายเป็นหนูน้อยผู้อ่อนแอแล้วรึ “ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ”  ดุลยาพยายามอธิบาย “คงจับตัวผิดคนแน่ๆ เลยค่ะ” “ผมไม่รู้หรอก แค่รู้ว่าเสียเงินสองแสนแล้วต้องได้อะไรตอบแทนคืน” ดุลยารู้สึกหวาดกลัวเขาขึ้นมา ท่าทางของเขาดูราวกับราชสีห์ แม้สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ แต่ดูแล้วเขาไม่ใช่คนธรรมดาเลย และถ้าให้พูดกันตามตรง เงินสองแสนที่เขาซื้อตัวเธอมา เธอจะหาเงินก้อนนี้มาจากไหนเพื่อมาคืนเขา  อลันเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของอีกฝ่ายแล้วลอบยิ้ม ก้าวเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว ใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้น ดวงตากลมยังมีความสับสนชัดเขน ทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว รวดเร็วราวงูพิษฉกเหยื่อ ริมฝีปากของเขายื่นมาประกบกับริมฝีปากของเธอแล้ว กว่าจะตั้งสติและยกมือขึ้นดันแผงอกของเขาได้นั้น เรียวลิ้นเจ้าเล่ห์ก็ชิมความหวานจากริมฝีปากเธอหนำใจแล้ว “คุณ!” “เอาล่ะ คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ผมรออยู่ข้างนอกก็แล้วกัน ใจเย็นๆ คิดอะไรได้ค่อยมาคุยกัน หรือจะเตรียมแต่งเรื่องดราม่าให้ผมใจอ่อนก็ได้นะ แต่ผมเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง” เขาหมุนตัวเดินออกไปด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับเห็นเรื่องพวกนี้จนชินตา ดุลยาได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้มีเขาคนเดียวที่เธอจะหวังพึ่งพาได้ หรืออาจจะไม่ได้ ดุลยามองเห็นเสื้อผ้าชุดหนึ่งพับวางไว้บนโต๊ะพร้อมผ้าขนหนู เธอรวบทั้งหมดแล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่มุมหนึ่งของห้อง อุปกรณ์อาบน้ำครบครัน หญิงสาวถอดชุดนางรำออกแล้วจัดการอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังสังเกตเห็นว่ามีรอยช้ำหลายแห่ง พ่อกับแม่เลี้ยงจะเป็นห่วงเธอไหม? จะรู้หรือเปล่าว่าเธอหายไป คิดแล้วก็ใจหาย ไม่รู้ว่าหายตัวมากี่วันแล้ว เพื่อนร่วมงานคนอื่นล่ะ ไม่เห็นเธอตามขึ้นรถไปด้วย ป่านนี้อาจจะแจ้งความคนหายแล้วก็ได้ คิดถึงตรงนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ถึงพ่อแม่ไม่ใส่ใจ ก็ยังมีเพื่อนและพี่ที่ทำงานด้วยกันมากนานหลายปี คงมีใครสักคนเป็นห่วงเธอบ้างละนะ ดุลยาคิดพลางน้ำตาเอ่อล้น ความหวาดกลัวแล่นขึ้นจับขั้วหัวใจ แล้วชีวิตเธอต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรเล่า? ไม่ได้นะ ไม่ใช่เวลาที่จะมาร้องไห้ คนๆ นั้น ถึงจะดูน่ากลัวไปนิด แต่...เขาไม่ได้ฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่ได้สติ แต่เขาอาจแค่หลอกให้เธอตายใจก็ได้ อย่างไรก็อย่าเพิ่งไว้ใจเขานักเลยนะ หญิงสาวสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ มันเป็นเสื้อยืดกับกางเกงผ้าฝ้ายแบบมีเชือกผูก คนซื้อคงกะขนาดเอวไม่ถูกถึงได้เลือกแบบนี้มา แต่มันก็ใส่สบายดี เสียตรงที่... เธอไม่มีชุดชั้นในตัวใหม่เปลี่ยนนั้นแหละ จำใจต้องซักของเก่าแอบหาที่ตากไว้ในห้องน้ำนั้นแหละ จัดการตัวเองเสร็จแล้วจึงออกมาพบผู้ชายคนนั้นแล้ว อลันเดินเข้าครัว เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ชอบบริการใคร ที่ทำให้เพราะสงสาร หากสายตาเขาไม่ย่ำแย่จนเกินไป ก็มีบ้างอย่างไม่ชอบมาพากลในการปรากฏตัวของหญิงสาวคนนั้นนัก  แต่เพราะเคยเชื่อใจ-ไว้ใจไม่ใช่รึ เขาจึงเกือบตายมาแล้ว  ชายหนุ่มกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟของตัวเอง ตู้เย็นไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเบียร์ขวดเล็กครึ่งโหล ถ้าเธอหิวค่อยว่ากัน ไม่ซิ ยังไงก็คงต้องหิวอยู่แล้วล่ะ  โอ๊ย! แย่ล่ะ!  ไหนบอกตัวเองว่าเป็นคนไม่สนใจคนอื่น ทำไมถึงเป็นห่วงว่าผู้หญิงคนนั้นจะหิวไปได้นะ ไม่หรอก เขาไม่ได้เป็นห่วงอะไรนักหรอก แค่...แค่... แค่อะไรดีล่ะ ยังไม่ทันคิดหาคำตอบของความรู้สึกที่เกิดขึ้น ร่างบางในชุดเสื้อยืดกางกางขายาวเดินเข้ามา ท่าทางเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้จะตัวใหญ่ไปนิด ดูท่าทางขัดเขินของเธอแล้วก็กดหัวคิ้วลง เธอดูตัวเล็กกว่าที่คิดไว้มาก หรือเพราะเสื้อผ้าตัวใหญ่เกินไปก็ไม่รู้ “เอ่อ...” ดุลยาไม่รู้ว่าควรพูดขอบคุณเขาไหม เพราะไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของเขา “หิวไหม?” อลันเพียงพยักหน้าให้ แล้วก็เห็นเธอพยักหน้าน้อยๆ เขาชี้นิ้วไปที่กระติกน้ำร้อน “ดูแลตัวเองไปก่อนแล้วกัน ผมโทรสั่งอาหารให้” “ขอบคุณค่ะ”  เธอเดินไปหยิบแก้วสำหรับใส่น้ำร้อนชงกาแฟ เหลือบมองเห็นเขาถือแก้วกาแฟของตัวเองเดินออกมา ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเขาโทรศัพท์สั่งอาหารให้เข้ามาส่งที่พัก ดุลยาประคองแก้วกาแฟเดินกลับมาหาที่นั่ง เห็นเขานั่งที่เก้าอี้ยาวริมระเบียงที่มองเห็นวิวทะเล เธอถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ว่างอีกตัว “อีกครึ่งชั่วโมงอาหารจะมาส่ง” อลันพูดง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรสลักสำคัญ “เอ่อ... ฉันคิดว่าต้องคุยกับคุณเรื่องนั้น” “ก็เอาซิ” เขาไม่ได้หันหน้ามามองเธอ แต่ยังมองวิวทะเลเบื้องหน้า “คือ...เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันเป็นนางรำมาทำงานพิเศษที่โรงแรม...เสร็จแล้วกำลังจะกลับแต่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอให้ไปถ่ายรูปกับลูกของเธอเป็นที่ระลึก ฉันออกไปแล้วก็เหมือนถูกยาสลบทำให้หมดสติ รู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่เวทีประมูลบ้าๆนั้นแล้ว” เธอเล่าไปตามความจริง หวังให้เขาเข้าใจ แต่ก็เห็นเพียงเขาจิบกาแฟด้วยท่าทีเฉยชา “ฉันไม่ได้เต็มใจ แล้ว...ก็อาจจะจับตัวผิดคนก็ได้” “จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ยังไงผมก็เสียเงินไปแล้วสองแสน” “ฉัน...ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนคุณ” “ด้วยวิธีไหน? โทรไปขอเงินพ่อแม่หรือไง” เขายกกาแฟขึ้นดื่ม ดุลยาไม่กล้าหวังว่าพ่อกับแม่จะเข้าใจ แต่เธอก็อยากลองดู  “ฉันขอใช้โทรศัพท์นะคะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว เขาล้วงโทรศัพท์มือถือของตนออกมา ปลดระบบล็อกแล้วยื่นให้เธอ “ตามสบาย”  ดุลยากลืนกาแฟไม่ลง เธอรับโทรศัพท์จากเขาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่อื่น กดหมายเลขบ้านที่กรุงเทพฯ  รออยู่นานจนได้ยินคนรับสายโทรศัพท์ “แม่วาณีหรือคะ”  ดุลยากำโทรศัพท์แน่น ไม่อยากเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่เลยสักนิด แต่เพราะพ่อบังคับทำให้เธอต้องเรียกแม่ “อ้าว ยัยดาว ทำไมถึงโทรมาได้ล่ะ”   ปลายเสียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงตกใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม