“ดาวอยากคุยกับพ่อค่ะ” เธอมั่นใจว่าแม่เลี้ยงไม่ช่วยเธอแน่ๆ
“พ่อไม่อยู่หรอกจ๊ะ ไปคุมงานหมู่บ้านจัดสรรที่สระบุรีอีกสี่ห้าวันถึงจะกลับ”
“พ่อไปต่างจังหวัดเหรอคะ” เธออึกอัก “เดี๋ยวดาวโทรหาพ่อเองค่ะ”
“คุณพ่อเค้ายุ่งอยู่นะ ไม่รู้จะสะดวกรับสายหรือเปล่า”
“แม่วาณีคะ คือดาวกำลังเดือดร้อนค่ะ” เธอลองเสี่ยงดู
“เดือดร้อนอะไร แกไปเที่ยวอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ดาวไม่ได้มาเที่ยวนะคะ ดาวมาทำงานแล้วดาวก็ถูกจับตัว”
“โอ๊ย! แกอย่ามาแต่งเรื่องหน่อยเลย พ่อแกก็ไม่อยู่ อยากไปเที่ยวทำตัวเหลวแหลกที่ไหนก็เรื่องของแก แต่อย่าคิดจะมาขอเงินฉัน! บาทเดียวฉันก็ไม่ให้!”
“เข้าใจผิดแล้วค่ะ...มัน..เอ่อ... แม่วาณี...”
ปลายสายวางโทรศัพท์ไปแล้ว ดุลยาได้แต่กำโทรศัพท์อย่างทำอะไรไม่ถูก ที่บ้านก็พึ่งพาไม่ได้แล้ว เธอจะโทรศัพท์ไปยืมเงินใครสองแสนล่ะ มันไม่ใช่เงินยี่สิบสามสิบบาทนะ เธอลองเสี่ยงกดโทรศัพท์โทรเข้าเบอร์มือถือของพ่อ แต่ก็ไร้สัญญาณการตอบรับ ปกติพ่อแทบไม่สนใจเธออยู่แล้ว แล้วนี่ก็ติดต่อไม่ได้อีก จะทำอย่างไรดี
“อาหารมาส่งค่ะ”
เสียงด้านนอกประตูทำให้ดุลยาสะดุ้ง เธอวางโทรศัพท์แล้วหันไปมองเขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีจะขยับตัว เธอจึงเดินไปประตูให้พนักงานเอาอาหารมาวางไว้ให้ กลิ่นอาหารหอมกรุ่น จากที่คิดว่าตนเองเครียดจนกินอะไรไม่ลง กลายเป็นเสียงท้องร้องโครมครามไม่เกรงใจใครเลย เสียงนั้นไม่เบาเอาเสียด้วย ทำเอาอลันถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“คุณนี่! ทำเป็นไม่ได้ยินบ้างก็ได้” ดุลยาเผลอขึ้นเสียงใส่เขา “ฉันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน”
ดุลยาตำหนิเขาแต่ใบหน้าตัวเองแดงก่ำ พอเห็นท่าทางหัวเราะขบขันเอาจริงเอาจังของเขาแล้ว บรรยากาศในห้องที่ตึงเครียดกลับผ่อนคลายลง ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในห้องครัวขนาดเล็ก เขานั่งที่เก้าอี้และปล่อยให้เธอจัดจานและช้อนสำหรับรับประทานอาหาร
“ฉันต้องเตรียมเผื่อคุณไหม?”
“ผมขอจานเปล่ากับช้อนก็พอ” เขาหยุดหัวเราะแล้ว แต่ยังเหลือรอยยิ้มทิ้งไว้
“คุณจะกินข้าวก็ได้นะ ฉันกินคนเดียวไม่หมดหรอกนะ”
เธอทำหน้ามุ่ยแต่ก็หยิบจานกับช้อนวางให้เขาอย่างเรียบร้อย ด้วยความคุ้นเคยที่ทำให้คนที่บ้านบ่อยๆ เมื่อคิดถึงตอนนี้สีหน้าเธอก็หมองลงไปอย่างที่ชายหนุ่มสังเกตได้
“เอาน่า กินข้าวเสียก่อน เดี๋ยวน้ำย่อยกัดกระเพาะทะลุ”
อลันเองออกจะแปลกใจที่เขาเอาใจใส่คนแปลกหน้าคนนี้นัก เห็นเพียงแวบเดียวที่ชายหาดถึงกับยอมลงทุนเสียเงินสองแสนซื้อตัวเธอมาเลยหรือเนี้ย เงินแค่นั้นไม่เท่าไหร่ แต่มันจะคุ้มอะไร คนอย่างอลัน หยาง ไม่เคยต้องเสียเงินซื้อผู้หญิงอยู่แล้ว แค่ปรายตา ผู้หญิงแถบถลาเข้ามานั่งตัก นับประสาอะไรกับผู้หญิงผอมๆบางๆ คนนี้
อาจเพราะเขาเป็นฝ่ายผ่อนทีท่าทางเคร่งเครียดแล้ว เธอจึงเริ่มผ่อนคลายบ้าง ความหิวทำให้เธอกินข้าวได้มากกว่าที่ตัวเองคิด กับข้าวสามอย่างตรงหน้าเหมือนว่าเธอจะกินเพียงคนเดียว ส่วนเขาก็แค่เขี่ยๆ จิ้มเนื้อ จิ้มผักกินไปไม่กี่คำ
เมื่อเธออิ่ม สมองก็ปลอดโปร่งขึ้น หลังจากเก็บถ้วยชามจานช้อนแล้ว เธอตั้งใจคุยกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
“เอ่อ...คุณ”
“อลัน”
“คะ?”
“เรียกแต่คุณๆ นั้นแหละ เรียกชื่อผมก็ได้”
เขาพูดน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจนิดๆ คล้ายเด็กเอาแต่ใจ ทำให้ดุลยาเอียงคอมองอย่างสับสน แต่เอาเถอะ ถ้าเขาอยากให้เรียกชื่อก็ได้
“คุณอลัน” เธอเริ่มต้น และเห็นเขาพยักหน้าเป็นเชิงพอใจ ทำให้เธอกล้าพูดต่อ “อย่างที่ฉันบอก ฉันไม่ได้เต็มใจที่จะถูกซื้อขาย และไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ว่า...ตอนนี้ฉันไม่มีเงินมาคืนคุณ แต่ฉันจะทำงานผ่อนคืนให้คุณ คุณร่างสัญญากู้ยืมเงินก็ได้ ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุด”
ดุลยาพูดจบก็แทบกลั้นใจรอฟังคำตอบ แต่เขาเพียงแค่พยักหน้ารับรู้
“ปกติคุณทำงานอะไร” เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมเธอใส่ชุดไทยมาเดินที่ริมทะเลแบบนั้น
“เอ่อ...ฉันเพิ่งเรียนจบค่ะ ยังไม่มีงานทำ แต่ทำงานพิเศษเป็นนางรำ งานแสดงค่ะ รำโชว์ในร้านอาหารหรืองานเลี้ยงหรืองานแก้บน เดือนๆ หนึ่งฉันรับหลายงานพอจะจะผ่อนคืนให้คุณได้บ้างสักเดือนละ...”
ดุลยาคำนวณรายได้ตัวเองในใจแล้วก็เกิดกระด้างปากที่จะพูดว่า เธอหาเงินมาคืนเขาเดือนละพันหรือเต็มที่ไม่เกินสองพันบาท
“พูดง่ายๆว่าตอนนี้ว่างงานอยู่”
“เรียกอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอสูดลมหายใจลึกอย่างไม่ค่อยพอใจที่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
“แล้วคุณหายมาแบบนี้ที่บ้านไม่ห่วงอะไรเลยหรือไง”
ดุลยาเดาน้ำเสียงเขาไม่ถูก ไม่ใช่ดูแคลนแต่ก็ไม่มีความห่วงใย ก็แน่ล่ะ เขาจะมาเป็นห่วงเธอทำไม
“พ่อไม่อยู่ติดต่อไม่ได้ ส่วนแม่เลี้ยงก็...” ก็คงดีใจที่เธอไม่อยู่บ้านได้นะสิ แล้วก็คงเอาเธอไปฟ้องพ่อว่าใจแตกหนีเที่ยวไม่กลับบ้าน
“เอาเป็นว่า คุณว่าง และไม่ต้องติดต่อใครก็ได้ใช่ไหม”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ” เธอหายไปเป็นวันๆ ไม่มีใครตามหา ก็...คงจะเป็นอย่างที่เขาพูดมานั้นแหละ
“คุณเป็นหนี้ผมสองแสน ถ้างั้นก็เอาตัวคุณมาทำงานใช้หนี้ก็แล้วกัน”
“อะไรนะคะ!” ดุลยาแทบจะหวีดร้อง ยกมือขึ้นทาบอกที่ไร้ชุดชั้นใน เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
“นี่ๆ คนอย่างผมไม่ต้องซื้อผู้หญิงกินหรอกนะ” เขาโบกมือไปมาไล่ความคิดด้านลบของเธอไปซะ
“ผมจำเป็นต้องอยู่เมืองไทยสักระยะ กำหนดวันเวลาแน่นอนไม่ได้อาจจะแค่สองสัปดาห์หรืออย่างมากก็สักเดือนนึง ผมอยากได้ผู้หญิงอยู่เป็นเพื่อนสักคน แบบที่จะทำให้ผมกลมกลืนกับคนไทยได้”
“ผู้หญิงอยู่เป็นเพื่อน?” เธอขมวดคิ้ว เท่าที่ได้ยินเขาพูดไทยได้ชัดไม่จำเป็นต้องมีล่ามนี่นะ แต่ความหมายของเขาเกรงว่าจะหมายถึง ‘เมียเช่า’ มากกว่า
“ผมไม่มีรสนิยมขืนใจผู้หญิงนะ” เขากระตุกยิ้มที่มุมปาก “แต่ถ้าคุณจะบริการเสริมละก็...ผมก็หักลบกลบหนี้ให้ได้ ปกติคิดค่าตัวยังไงล่ะ”
“บ้าซิ! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวนะ!” เธอเผลอตวาดเขาลั่น แต่ผู้ชายตรงหน้ากับคลี่ยิ้มอย่างพอใจ
“ว่าไงล่ะ อยากรับงานพิเศษเล่นเป็นผู้หญิงของผม หรือจะอยากเป็นผู้หญิงอย่างว่าจริงๆ”
“ฉันอยากได้กำหนดเวลาที่แน่นอน ไม่อย่างนั้นก็ทำงานใช้หนี้ไม่หมดเสียทีซิ”
“ได้” เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองแล้วเลื่อนดูตารางที่ตนบันทึกไว้
“ผมชอบคิดตัวเลขกลมๆ ผมให้คุณวันละหมื่น ยี่สิบวันก็สองแสนพอดี อยู่กับผมยี่สิบวันแลกหนี้สองแสนบาท”
จำนวนเงินกับข้อเสนอของเขาทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก ทำงานยี่สิบวันแลกเงินสองแสนที่...จะว่าไป เธอไม่ใช่คนก่อหนี้ก้อนนี้เสียหน่อย แต่ถ้าเขาไม่ประมูลเธออกมา ก็ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองจะเป็นอย่างไร
“แล้ว...ยี่สิบวันนี่ฉันต้องทำอะไรบ้าง”
อลันยักไหล่ ไม่แปลกใจที่เธอสนใจข้อเสนอของเขา
“ไม่มีอะไร อยู่ใกล้ๆ ผม ทำตามที่ผมสั่งก็พอ”
“แล้วถ้าคำสั่งของคุณมันลามกจกเปรตล่ะ”
พรวดดดดด
คราวนี้อลันสำลักน้ำที่เพิ่งยกขึ้นดื่ม เขาสำลักแรงจนดุลยาต้องรีบลุกขึ้นไปลูบแผ่นหลังให้เขา
“คุณไม่เป็นอะไรนะ”
อลันที่หายใจคล่องขึ้นแล้วก็เงยหน้ามองหญิงสาว เขาระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง ก็ดีเหมือนกัน จ้างผู้หญิงคนนี้มาทำให้เขาหัวเราะ เขาไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
“เอาอย่างนี้นะ ผมจะไม่ชวนคุณเมคเลิฟด้วย แต่ถ้าคุณต้องการผมก็ยินดีสนองให้ดีไหม”
ดุลยาหน้าแดงที่เขาพูดออกมาแบบไม่กระด้างปาก เอาเถอะ ถ้าเขากล้ารับปากว่าจะไม่ล่วงเกินเธอเล่นตามน้ำกับเขาแล้วกัน ไหนๆ ชีวิตต้องมาเจอเรื่องประหลาดแล้ว ถ้ามีอะไรเข้ามาคงไม่หนักหนาสาหัสไปกว่านี้หรอก ที่สำคัญ ลึกๆแล้วเธอไม่เชื่อว่าตัวเองจะถูกจับผิดตัว เพราะน้ำเสียงแม่เลี้ยงประหลาดใจที่เธอโทรศัพท์กลับบ้านได้
“ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีรับข้อเสนอ แต่ขอทำสัญญาจ้างงานได้ไหมเผื่อคุณเล่นตุกติก”
“เอาซิ อยากได้อะไรก็ทำ” เขายกมือประสานกันแล้ววางหลังท้ายทอยพร้อมกับเอนกายสบายๆ บนเก้าอี้ยาวริมระเบียง