ศรันย์ขับรถเข้ามาจอดเทียบแลมโบกินีคันหรูแบบเปิดประทุนสองที่นั่งถือของฝากกับอาหารตามเข้าไปข้างใน คนใช้บ้านมันเห็นเข้าก็รีบเข้ามาทักทายแล้วช่วยถือของ “ถุงนี้เป็นอาหารช่วยอุ่นใส่จานตั้งโต๊ะมื้อเที่ยงด้วยนะ ถุงนี้เป็นขนมฉันซื้อมาฝากทุกคน แบ่งกินในครัวด้วยกันนะ ส่วนถุงนี้ไม่เป็นไรจ้ะฉันซื้อมาฝากคุณเฟื่อง”
“ขอบคุณนะคะคุณรัน ขนมหน้าตาน่ากินมากเลยค่ะ” ยมพนมมือไหว้
“ไม่เป็นไรจ้ะ แล้วนี่ไอ้ภพมันหายหัวไปไหนซะแล้ว เพิ่งกลับมาถึงเมื่อกี้เองไม่ใช่เหรอ”
“คุณภพเพิ่งมาถึงบ้านไม่นานค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องนั่งเล่นกับคุณหนูกัปตัน”
“แล้วคุณเฟื่องอยู่บ้านหรือเปล่า” เพิ่งจะตั้งคำถาม ทว่าสายตาคู่คมก็มองไปเห็นสาวแปลกหน้าที่เคยเห็นผ่านๆ ในรูปเท่านั้น
“คุณเฟื่องมาพอดีเลย หนูขอตัวเอาอาหารไปเก็บในห้องครัวก่อนนะคะ” สาวใช้กระซิบบอกก่อนจะโค้งกายเดินผ่านศรันย์ไปหาเฟื่องลดา “คุณเฟื่องคะ คุณรันเพื่อนสนิทของคุณภพมาเยี่ยมค่ะ”
“ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวเฟื่องดูแลพาเขาไปหาคุณภพเองค่ะ” กระซิบตอบยม เดินตรงเข้ามาพนมมือไหว้หนุ่มหล่อ ความสูงของสองหนุ่มสูสีกัน หน้าตาก็หล่อเหลากินกันไม่ลง
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเฟื่องลดา คุณภพอยู่ด้านในค่ะ”
“ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ครับน้องเฟื่อง เรียกพี่ว่าพี่รันก็ได้ พี่ซื้อของมาฝากน้องเฟื่องกับลูกด้วยนะ แต่ก่อนอื่นเราเข้าไปข้างในกันก่อน” เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและสุภาพ มองหน้าเมียเพื่อนนานมากเพื่อชื่นชมในความอ่อนหวานของใบหน้าและน้ำเสียง หล่อนสวยแบบไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งใดๆ เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ออกจะธรรมดาแถมสีตกนิดหน่อย คิดถูกแล้วที่ของฝากส่วนใหญ่ของเขาเป็นเสื้อผ้าคอเล็คชั่นใหม่หลายชุด
“เชิญค่ะ” เฟื่องลดาผายมือเชิญก่อนจะเดินนำแขกเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลบสายตารณภพที่กำลังนั่งบนพื้นเล่นลูกบอลกับลูก
“กว่าจะโผล่หัวมาได้นะมึง กูนึกว่าเดินขัดขาหัวทิ่มลงสระว่ายน้ำตายซะแล้ว หรือ… เผลอเดินขัดอย่างอื่นมาล่ะ” คำพูดนั้นจะไม่มีความแฝงหากไม่ได้มองแววตาเขาประกอบด้วย มันติดตรงที่ศรันย์กับเฟื่องลดาเห็นแววตาของเขาเข้าพอดีจึงไม่สามารถตีความไปในทิศทางอื่นได้นอกจากมันหาว่าเขากับเมียมันแอบคุยกัน
“ไม่เอาน่า พูดอะไรอย่างนั้นวะภพ” ถือถุงของฝากไปวางลงบนโต๊ะก่อนจะเข้าไปจ๊ะเอ๋ตาหนูน้อย เด็กน้อยไม่คุ้นคนแปลกหน้าเอียงคอลงต่ำมองหน้าเขานานมาก ศรันย์ยกสองมือขึ้นปิดหน้าเปิดมาจ๊ะเอ๋อีกหน
“ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ทำไม แขกมาบ้านก็ไปหาน้ำหาขนมมาต้อนรับสิ”
“ค่ะ” ขานรับแม้ภายในใจจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่เขาจงใจพูดแดกดัน
“อาการหนักมากกว่าที่กูคิดอีกนะมึงน่ะ เพลาๆ ลงบ้าง น้องเขายังไม่ทำอะไรผิดเลยก็จ้องจะด่าจะหาเรื่องเขา ร้อยทั้งร้อยพระเอกในละครเริ่มต้นแบบมึงก็จบลงที่รักเขาทุกราย อย่าให้กูเห็นว่ามึงเป็นหนึ่งในนั้นล่ะไม่งั้นจะหัวเราะให้ฟันหักเลย”
“ฝันไปเถอะมึง!” เหยียดยิ้มมุมปาก หยิบลูกบอลมาส่งให้ลูกรักโยนเล่นหลายต่อหลายลูก
“ผู้หญิงที่มีแต่ตัวแบบยัยคนนั้นจะมีดีอะไรมาทำให้กูรักได้ รอให้ลูกโตขึ้นอีกหน่อยกูจะเป็นเฉดหัวหล่อนออกจากบ้านเป็นคนแรกเลย แค่ทนมองหน้าได้มาจนถึงวันนี้ก็มหัศจรรย์มากแล้ว”
“ไอ้ภพ พูดเสียงดัง ถ้าเกิดมีใครผ่านมาได้ยินเอาไปเล่าต่อทำยังไง”
“อยากเล่าต่อก็เล่าไปสิ สนทำไม คนในบ้านเขารู้กันหมดว่ากูไม่ได้สนใจไยดีผู้หญิงคนนั้น”
“แต่ยังไงก็น่าจะให้เกียรติเขาสักนิด…” และอีกมากมายที่ผู้ชายหน้าตาท่าทางดีคนนั้นพยายามจะอธิบายให้รณภพเข้าใจ ทว่าเฟื่องลดาไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกน้ำตาของหล่อนกำลังหยดลงบนถาดน้ำกับของว่าง คงจะดีกว่านี้ถ้าหากคนในครัวไม่กำลังเดินออกมาเสิร์ฟพอดี ถ้ามาช้าอีกสักนิดก็จะได้ไม่ต้องได้ยินถ้อยคำบาดใจ
เฟื่องลดากลัวหายไปนานเขาจะไม่พอใจจึงรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วนำแก้วน้ำกับขนมไปเสิร์ฟ ตาหนูกำลังเล่นสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ ป่วนทั้งเขาแล้วก็แขกเฟื่องลดาคลานเข่าเข้าไปจับตัวลูกไม่ให้เดินเล่นไปไกล
“เฟื่องจะพาลูกไปเล่นข้างบนนะคะ คุณภพจะได้คุยกับเพื่อนสะดวกขึ้น”
“ไม่ต้อง โง่หรือเปล่า ไอ้รันมันมาเยี่ยมลูกไม่ได้มาเยี่ยมฉัน”
“ภพ” ศรันย์ปรามเสียงเข้ม เริ่มจะไม่พอใจมากขึ้นที่มันทำนิสัยแบบนี้ต่อหน้าแม่ของลูกตัวเอง
“น้องเฟื่องไม่ต้องพาลูกไปไหนหรอกครับ นั่งเล่นรอกินมื้อเที่ยงอยู่ตรงนี้แหละพี่ซื้อของกินมาเยอะเลยนะ แล้วก็มีของมาฝากน้องเฟื่องด้วย สามถุงนี้ทั้งหมดเลยที่พี่จะยกให้”
“ขอบคุณค่ะ วันหลังคุณรันไม่ต้องซื้อมาให้เฟื่องก็ได้นะคะ เฟื่องเกรงใจ”
“บอกแล้วไงครับว่าให้เรียกพี่รัน ลองเปิดถุงดูสิว่าชอบหรือเปล่า”
“ชอบไม่ชอบก็คงต้องตอบว่าชอบแหละ เพราะนานทีปีหนจะมีคนใจดีบริจาคสิ่งของให้”
“เอ๊ะ! มึงนี่ยังไงวะ หุบปากนั่งเงียบๆ ดูลูกไปเลย ไม่ต้องมาสนใจพวกกู”
“ตามสบาย” ปรายหางตามองเพื่อน ก่อนจะอุ้มลูกอย่างทะนุถนอม หอมแก้มแกสองหน
“กัปตันครับ เราไปดูอาหารในครัวกันดีกว่าลูก ปล่อยให้คนแถวนี้คุยกันสองต่อสองไม่มีมารหน้าหล่อไปขัดคอ!”
“น้องเฟื่องอย่าไปสนใจมันเลยนะ มันติดนิสัยเอาแต่ใจมานานแล้ว แถมปากยังหมาอีก”
ตั้งใจพูดถึงเพื่อนเสียๆ หายๆ ให้หญิงสาวรู้สึกสบายใจมากขึ้น ทว่าสงสัยจะไม่เห็นผลศรันย์จึงชี้นิ้วใส่ถุงช็อปปิ้ง “เปิดดูสิครับ”
“ค่ะ” หญิงสาวขานรับเสียงหวานไม่กล้าสบสายตาชายคนนั้น เปิดถุงช็อปปิ้งล้วงมือเข้าไปหยิบออกมาพบว่าเป็นเดรสผ้าดีหลายชุด เกิดมาไม่เคยซื้อของที่เนื้อผ้าดีๆ ใส่แบบนี้มาก่อนเฟื่องลดาดึงขึ้นมาดู
“ไม่รู้ว่าสั่งไซส์เล็กหรือใหญ่ไปหรือเปล่า หวังว่าจะใส่ได้นะ ไอ้ภพมันไม่ช่วยพี่เลือกเลย”
“ไซส์ไหนเฟื่องก็ใส่ได้ทั้งนั้นค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ซื้อของมาฝากเฟื่อง” พนมมือไหว้ก้มศีรษะให้ต่ำลงกว่าเดิมซาบซึ้งในความเมตตาของเขาที่ยอมจ่ายเงินซื้อของมาฝากผู้หญิงแปลกหน้าอย่างตนเอง นานแล้วที่เฟื่องลดาไม่ได้รับของขวัญจากใคร แม้กระทั่งคนบ้านนี้ยังไม่เคยซื้ออะไรให้ด้วยซ้ำแค่ยอมให้เข้ามาอาศัย
คุณแขไขใจดีกับหล่อนให้ทุนเรียนต่อปริญญาโทก็จริง ทว่าแท้ที่จริงแล้วท่านเพียงอยากให้หล่อนเจริญให้หน้าที่การงานในกรณีที่อนาคตจะต้องย้ายออกจากบ้านหลังนี้กลับไปใช้ชีวิตเพียงลำพัง จะได้มีงานมีเงินเลี้ยงตนเอง แม้ท่านจะไม่เคยเอ่ยถึงข้อความนี้แต่เฟื่องลดาก็สามารถรับรู้และเข้าใจทุกอย่างได้โดยประสบการณ์