บทที่ 6 ตามดูฝีมือ

1704 คำ
หว่านอิ๋งอิ๋งยังคงสงสัยเรื่องที่มารใต้ในช่วงที่ปลอมเป็นใต้เท้าเสิ่นทำตัวเหมือนอยากแตะต้องพวกนางทั้งสามแต่ไม่กล้า นางคิดว่าบางทีอาจจะความลับซ่อนอยู่จึงนำเรื่องนี้ไปหารือกับคุณหนูชิง “ท่าทางของมันดูหื่นแต่กลับไม่เรียกพวกท่านให้ร่วมหอห้อง ข้าว่าก็ดูผิดปกติอยู่นะ” “เจ้าค่ะ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง คุณหนูลองสืบดูสักหน่อยเถิด เผื่อว่าอาจจะมีเบาะแสบางอย่างเพิ่มเติม” ชิงเว่ยเว่ยจึงให้หัวหน้าองครักษ์หลิวเฉิงเป็นคนไปสืบ สุดท้ายจึงได้รู้ว่าสาเหตุที่เจ้ามารใต้คือผู้ที่ปลอมมาเป็นใต้เท้าเสิ่นฝึกวิชาลึกลับวิชาหนึ่งที่ไม่อาจจะร่วมเตียงกับสตรีได้ “ในยุทธภพมีวิชาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?” “โชคดีเป็นของพวกท่าน หากว่ามันไม่ฝึกวิชานี้ล่ะก็ บางทีเสิ่นฮูหยินก็อาจจะตกเป็นของคนชั่ว” “จริงของท่าน เดิมทีพวกข้าก็เป็นแค่ตัวหลอกเท่านั้น หากว่าเจ้ามารใต้คิดจะเรียกเข้าห้องหอ พวกเราก็ไม่มีทางยินยอม” “คนของพวกมันยังหลบหนีอยู่อีกหลายคน ข้าจะพยายามหาตัวพวกมันออกมารับโทษให้หมดทุกคน” “คุณหนูชิง ปณิธานท่านช่างยิ่งใหญ่ ผดุงคุณธรรม กำจัดคนชั่ว ข้าหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ทำงานร่วมกับท่าน” “ไม่ดีกระมังขอรับ?” เสียงของหลิวเฉิงดังขึ้น “สกุลชิงไม่เคยรับองครักษ์หญิงเพราะยากจะดูแล ให้นางอยู่ที่จวนเจ้าเมืองนี้ดีอยู่แล้วขอรับ” หว่านอิ๋งอิ๋งหันขวับไปมองคนที่พูดอยู่ข้างหลัง “ท่านอคติไปหรือไม่? สตรีเป็นองครักษ์ไม่ได้หรือไร?” “เสี่ยงภัยเกินไป ไม่เหมาะสม อีกอย่างที่สกุลชิงมีแต่องครักษ์บุรุษ หากเพิ่มสตรีเข้ามาคงจะยุ่งยาก” ใบหน้าขององครักษ์หญิงสกุลโม่ชาขึ้นมาทันที “ยุ่งยากอย่างไรกัน? ท่านก็เห็นฝีมือของข้าแล้ว ฝีมือกระบี่ของข้าไม่นับเป็นรองผู้ใด ซ้ำยังขว้างมีดได้แม่นยำ หากไปเป็นมือปราบก็คงไม่เหมาะ ฝีมืออย่างข้าน่าจะเป็นองครักษ์เสื้อแพร ท่านว่าจริงหรือไม่?” หลิวเฉิงถูกหว่านอิ๋งอิ๋งสวนกลับเช่นนั้นก็ถึงกับชะงัก “อนุหว่าน ท่านจะเก่งอย่างไรก็ช่าง แต่ก็ไม่เหมาะจะมาเป็นองครักษ์ที่สกุลชิงหรอก อยู่เป็นคนสกุลโม่นั่นล่ะดีแล้ว” “ข้าไม่ใช่อนุหว่านนะ ท่านเลิกเรียกอย่างนี้ได้แล้ว” “ขออภัย ข้าเรียกจนชินปากแล้ว” “หึ! คนอย่างท่านนี่...ช่างเป็นบุรุษที่น่ารำคาญเสียจริง” ชิงเว่ยเว่ยนั่งมองคนทั้งสองทะเลาะกันแล้วก็นึกขำ นางรีบยกมือห้ามคนทั้งสอง จากนั้นก็รีบให้หลิวเฉิงออกไปสืบข่าว หว่านอิ๋งอิ๋งจึงได้รู้ว่าตอนนี้ชิงเว่ยเว่ยกับหัวหน้าองครักษ์หลิวกำลังทำคดีใหญ่ นั่นคือการสืบหาท่านข่านน้อยฉง ผู้ทำให้เกิดสงครามชายแดน เพราะท่านข่านน้อยผู้นี้คือบุตรชายคนโตของท่านข่านแห่งเผ่าฉงที่มีเป้าหมายอยากจะแย่งชิงดินแดนแคว้นหมิงมานานแล้ว โดยเฉพาะเมืองฉู่จิ้งซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดฝั่งตะวันออกของแคว้นหมิงและเมืองสำคัญทางการค้าซึ่งมีเส้นทางสายไหมมาถึง เผ่าฉงอยากจะครอบครองเมืองนี้จึงได้หาหนทางก่อสงครามชายแดนขึ้นมาและท่านข่านน้อยเป็นผู้ที่คอยสืบข่าวไปทั่วแคว้นหมิงเพื่อหาจุดอ่อน “เจ้าทำหน้าเช่นนี้...โดนผู้ใดเหยียบเท้ามาหรือ?” เจียงลี่จังมองหน้าสหายที่ใบหน้าบูดบึ้งเดินลงส้นเท้าตึงๆ เข้ามาในเรือนด้วยความสนใจ “ลี่จัง ข้าโมโหยังไม่หายเลยนะ” “เรื่องอันใดหรือ?” “หัวหน้าองครักษ์ตาผีจมูกสุนัขของเจ้านั่นล่ะ เขาพูดออกมาเองว่าสตรีไม่อาจจะเป็นองครักษ์ในสกุลชิงได้” เจียงลี่จังได้ยินก็หัวเราะหึๆ “เจ้าจะเดือดร้อนไปไย พวกเราอยู่สกุลโม่อยู่แล้วนี่? จู่ๆ เจ้าจะอยากย้ายไปอยู่สกุลชิงด้วยเหตุใด? มิใช่ว่า...เกิดสนใจในตัวองครักษ์หนุ่มสกุลชิงขึ้นมาหรอกนะ” “ไม่มีทาง! เจ้าคนน่าทุบให้ตายผู้นั้น ต่อให้ทั่วห้าแคว้นนี้ไร้บุรุษข้าก็ไม่มีทางจะให้คนเช่นนี้มาเป็นสามีเด็ดขาด” “อิ๋งอิ๋งเจ้าอย่าเพิ่งโมโห! คำกล่าวที่หมู่บ้านข้าเคยว่าไว้ เกลียดสิ่งใดมักจะได้อยู่ใกล้สิ่งนั้น หากเจ้าเกลียดชังหัวหน้าหลิวมากๆ เข้าระวังเจ้าจะหลีกหนีเขาไม่พ้น” หว่านอิ๋งอิ๋งสะดุ้ง “ข้ารู้แล้วๆ ต่อไปข้าจะเกลียดเขาให้น้อยๆ ลง ไม่สิ ข้าจะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาจะดีกว่า” “ไหนๆ เจ้าเล่าเรื่องให้ข้าฟังที เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?” เจียงลี่จังฟังจนจบก็เลิกคิ้วสูง “พวกเขาสืบคดีใหญ่นี่? สุดยอดเก่งๆ คุณหนูชิงผู้นี้ สมแล้วที่เจ้าอยากจะติดตามนาง ด้วยฐานะของบุตรีเจ้ากรมกลาโหม นางมีทั้งคนในมือและอำนาจของบิดา เรื่องนี้น่าจะสำเร็จได้ไม่ยาก” “น่าเสียดายที่หัวหน้าองครักษ์ของคุณหนูชิงมีอคติกับสตรี หากหลิวเฉิงผู้นี้ไม่ได้เป็นองครักษ์ของคุณหนูชิงวันใด ข้าก็คงพอจะมีโอกาส” “คุณหนูชิงให้เจ้าไปดูแลความปลอดภัยใต้เท้าฉีมิใช่หรือ?” “จริงด้วย ข้ามัวแต่พูดกับเจ้าเพลิน ต้องไปเตรียมตัวแล้ว ยามนี้คุณหนูชิงออกไปจากจวน ที่เรือนพักของพวกเขาก็จะเหลือคนดูแลอยู่น้อย” หว่านอิ๋งอิ๋งรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วตรงไปเฝ้าคนที่ได้รับบาดเจ็บตามคำขอร้องของชิงเว่ยเว่ย ทว่าเจียงลี่จังกลับขอติดตามไปด้วย “ลี่จัง เจ้าไม่อยู่ดูแลคุณหนูหรือ?” “ไม่จำเป็นหรอก ให้สามีภรรยามีเวลาส่วนตัวได้ดูแลกันบ้าง คุณหนูกับใต้เท้าเสิ่นผ่านความเป็นความตายด้วยมาถึงเพียงนี้คงไม่อยากแยกจากกันแล้ว” “อืม...ก็จริงของเจ้า เวรยามคุ้มกันก็เตรียมไว้อย่างแน่นหนา พวกเราไปดูใต้เท้าฉีกันเถอะ” สตรีทั้งสองยืนดูสภาพของฉีหรงที่ผอมโซนอนหายใจสม่ำเสมอหลับสนิทบนเตียงด้วยความสงสาร “ถูกทารุณถึงเพียงนี้ยังรอดชีวิตมาได้ นับว่าคนผู้นี้โชคดีนัก” “เป็นเพราะเขามีวรยุทธ์ พวกมันจึงได้กระทำรุนแรงยิ่งกว่าที่ใต้เท้าเสิ่นโดน คนร้ายพวกนี้ร่วมมือกับคนเผ่าฉงเพื่อทำเรื่องเลวร้าย นี่ต้องพัวพันกับศึกชายแดนเป็นแน่” “ลี่จัง ถ้าอย่างนั้น เจ้าช่วยเฝ้าใต้เท้าฉีเอาไว้ที ข้าอยากจะรู้เหลือเกินว่าคุณหนูชิงไปสืบเรื่องพวกนี้ที่ใด?” “ได้! ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน แต่หากเราถามตรงๆ พวกเขาก็คงจะไม่ยอมบอก ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปสืบมาเถอะ ทางนี้ข้าดูแลเอง” หว่านอิ๋งอิ๋งตามขบวนคนของคุณหนูชิงไปถึงนอกเมืองก็เห็นคุณหนูชิงกับไห่ฮ่าวลอบเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่ง นางกำลังคิดจะขยับเข้าไปตามแต่เหลือบเห็นหัวหน้าองครักษ์หลิวที่กำลังออกมาจากที่ซ่อนเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ‘ตามไปดูเสียหน่อยว่าคนผู้นี้ฝีมือที่แท้จริงเป็นเช่นใด?’ ทุกครั้งยามเกิดเหตุ ต่างคนต่างมัวแต่ต่อสู้ หว่านอิ๋งอิ๋งจึงไม่เคยเห็นว่าวรยุทธ์ของหลิวเฉิงยอดเยี่ยมเช่นใด? ในเมื่อเขากล้าปรามาสว่าสตรีไม่สมควรเป็นองครักษ์ นางก็อยากจะรู้นักว่าเขาเก่งนักหรือ? หว่านอิ๋งอิ๋งจึงได้ย่องไปด้านหลังขององครักษ์กลุ่มของหลิวเฉิงไป ยามนั้นบนหอคอยด้านในของเรือนนั้นมีคนกำลังเล็งเกาทัณฑ์มายังหัวหน้าองครักษ์หนุ่มสกุลชิง ฟิ้ว! ฉึก! ร่างของคนเฝ้ายามผู้นั้น ร่วงลงมายังพุ่มไม้ที่อยู่ด้านล่าง ดีที่ยามนั้นไม่มีคนเดินผ่าน แต่หลิวเฉิงที่หันไปเห็นพอดีรีบบอกให้คนของตนเองรีบหาที่หลบซ่อน หว่านอิ๋งอิ๋งกระโจนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่เพื่อมองเข้าไปในเรือนแห่งนั้น จึงเห็นว่ามีเวรยามเดินไปมาอยู่หนาแน่น พลันเสียงของคนผู้หนึ่งในเรือนแห่งนั้นก็ร้องขึ้น “มีคนร้าย! มีคนร้าย!” หลิวเฉิงที่ซุ่มอยู่ยกมือขึ้นโบกไปข้างหน้าเป็นเชิงให้บุก องครักษ์สกุลชิงทั้งหมดก็กระโจนขึ้นบนหลังคาแล้วเข้าไปในเรือนพร้อมกัน หว่านอิ๋งอิ๋งเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า นางรีบตามพวกเขาไปทันที ชิงเว่ยเว่ยต่อสู้กับบุรุษผู้หนึ่งอยู่ที่ลานหน้าเรือนรอง ครู่หนึ่งนางก็ผลุบหายไปในเรือนปล่อยให้ไห่ฮ่าวกับหลิวเฉิงรับหน้าแทน อีกฟากหนึ่งของเรือนอาจารย์หนุ่มสองคนที่ติดตามมาจากเมืองหลวงก็พุ่งเข้ามาช่วย ‘ฝีมือดียิ่ง อาจารย์ไต้ผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง ส่วนอาจารย์จงก็นับว่าไม่ด้อย’ หว่านอิ๋งอิ๋งไม่อยากแสดงตัว นางซุ่มดูอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นคนร้ายจะพุ่งเข้าไปใส่ไห่ฮ่าวจากด้านหลังก็ขว้างมีดออกไปอีกคราหนึ่ง ปักหลังคนเฝ้าเรือนนั้นฟุบลง นางพยายามสงบใจอย่าขว้างออกไปมากเพราะพวกมันจะสังเกตเห็นนาง หญิงสาวส่ายหน้ามองหาหัวหน้าองครักษ์หลิว ครั้นตรงนี้ไม่มีเขา นางก็ค่อยๆ ย่องไปอีกฟากของหลังคา จึงได้เห็นว่าหลิวเฉิงกำลังช่วยองครักษ์ในสังกัดของเขาต่อสู้กับพวกคนเฝ้าเรือนอย่างดุเดือด ‘ใช้ได้ๆ สักวันข้าจะขอประลองยุทธ์กับท่านสักครา’ *********************** *ไต้เส้าจวิน พระเอกจากเรื่อง “เว่ยเว่ยสาวน้อยสลับวิญญาณ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม