"ฉันจะถามเธออีกครั้ง หนีอะไรมา?"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉะฉันต้องไปแล้ว.." เธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างตะกุกตะกัก เขาเป็นคนแปลกหน้าจะมาอยากรู้เรื่องคนอื่นไปทำไมกัน ไม่เข้าใจ!
หมับ!
"อ๊ะ!" เธอตกใจเมื่ออีกฝ่ายจับแขนของเธอเพื่อไม่ให้เดินหนีไป เธอไม่ไว้ใจชายคนนี้แปลกๆ ทำไมเขาดูถึงอยากรู้เรื่องเธอจัง ถ้าจะถามเพราะรู้จักกับเจ้าของโรงแรมนี้ก็คงจะไม่แปลกอะไรที่จะสงสัย แต่นี่มันเหมือนเขามีอะไรในใจแปลกๆ น่ะสิ เธอไม่ไว้ใจเขาเอามากๆ ตอนนี้เธออยากออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
"เธอมาแปลกๆ ฉันก็ต้องรู้สิ บางครั้งพวกศัตรูของเพื่อนฉันหรือแม้แต่ของฉันก็ได้ พวกมันชอบใช้ผู้หญิงมาเป็นตัวล่ออย่างเธอก็เป็นได้" เขาเอ่ยเสียงเรียบ พรางจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่นี่อย่างไม่แสดงความรู้สึกอะไรเพราะเขาต้องการให้เธอตอบคำถามเขาในตอนนี้โดยไม่ขัดขืนหรือดื้อดึง
"นี่คุณจะบ้าเหรอคะ คุณลองคิดกลับกันสิ เราเพิ่งเจอกันเมื่อกี้ไม่กี่นาที แล้วคุณคิดว่าคุณบ้าเสียสติที่ไหนจะเล่าเรื่องของตัวเองให้คนแปลกหน้าฟัง!?" เธอถามกลับอย่างใช้อารมณ์หงุดหงิดไม่น้อย อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนเอาตัวเองเป็นที่ตั้งชะมัดเลย ดูเหมือนต้องให้ทุกคนทำตามคำสั่งของตัวเองอย่างห้ามขัด ก็รู้แล้วว่าเป็นนักธุรกิจมันก็ต้องมีคนให้ความเคารพ แต่ต้องไม่ใช่กับเธอ!
"โอเค นี้เธอจะไม่พูดจริงๆ ใช่ป่ะ" เขากระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เมื่อรู้ว่า ว่าที่ภรรยาของตนนั้นดื้อรั้นเอาแต่ใจไม่ใช่น้อย เขารู้แล้วว่าต้องรับมือกับผู้หญิงอย่างเธอแบบนี้ยังไง
"ใช่ค่ะ ตอนนี้รบกวนคุณปล่อยมือจากฉันด้วยค่ะ เดี๋ยวใครเขาผ่านมาเห็นเขาจะมองฉันไม่ดี ฉันจะถูกนินทาว่าร้ายเอาได้เอาได้ กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ อ๋อ แต่ถ้าคุณยื้อเวลาเหมือนผู้ชายคนอื่นที่ฉันเจอมาเพราะอยากจีบฉัน ฉันต้องบอกคุณเอาไว้เลยนะคะว่า ฉันกำลังจะแต่งงานค่ะ!" เธอกระแทกเสียงใส่เขาอย่างหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปสักที จะอะไรนักหนาเนี่ย!
เรากลัวว่าลูกน้องของมารดาเธอผ่านมาเห็นน่ะสิ เธอไม่ได้อยากจะกลับเข้าไปในงานเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอต้องการหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
"งั้นก็ตามเข้ามาในงาน ฉันให้ลูกน้องไปตามสืบมาหมดแล้วและรู้ว่าเธอหนีมาเพราะอะไร กลับเข้ามาในงานกับฉันจนกว่างานจะเลิกเธอถึงจะเป็นอิสระ พอหลังจากนี้เธอมีเรื่องที่จะต้องรู้อีกเยอะ แล้วก็เตรียมตกใจไว้ดีๆ ล่ะ"
"ก็ได้ๆ ฉันยอมบอกคุณก็ได้ แต่คุณก็ต้องยอมรับปากมาก่อนว่าถ้าฉันบอกคุณไปคุณจะต้องปล่อยฉันไป เพราะฉันเองก็ไม่ได้อภิรมย์ใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อนักหรอก และที่สำคัญฉันไม่ใช่ผู้ร้ายที่ไหน ฉันก็เป็นแขกของนักธุรกิจที่จัดงานที่นี่เหมือนกัน" เธอจะเอายังไม่ยอมพร้อมกับจ้องหน้าของเขายังเอาเรื่องเลยลืมไปเลยว่าเขานั้นเป็นนักธุรกิจ เธอลืมไปเลยว่าคนตรงหน้าเขาไม่พอใจเขาอาจจะส่งเธอไปนอนใต้ลากม่วงเลยก็ว่าได้
"งั้นเล่ามาสิ ฉันรอฟังอยู่" เขายอมปล่อยมือจากเธอจะดูดีแล้วเอ่ยออกไปนิ่งๆ ในขณะที่จ้องมองพิจารณาว่าที่ภรรยาของตนด้วยความรู้สึกที่อยากจะกำราบ คงจะจริงที่รู้มาว่าคุณหนูโอลิเวียร์นิสัยดื้อเงียบ ไม่งั้นก็คงไม่อยู่ต่างประเทศคนเดียวตั้งแต่อายุ 10 กว่าปี
ที่เขากำลังเสียเวลาในเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็เพราะเขาอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับว่าที่ภรรยาของตนแต่ก็มีบ้างที่อยากรู้อะไรบางอย่างและเป็นความรู้สึกของเขาส่วนตัว ที่แบบว่าก็แค่ถูกชะตา แต่ไม่ได้อยากจะเอามาเป็นเมียสักหน่อย
"ฉันไม่ได้อยากแต่งงานค่ะ เค้าเป็นใคร นิสัยเป็นยังไงฉันไม่รู้เลยค่ะ คุณบอกว่าคุณรู้จักกับเจ้าของที่นี่ใช่มั้ยคะ บอกเค้าอย่าเอาเรื่องฉันเลยนะคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ อย่างที่เข้าใจ ฉันแค่ไม่อยากแต่งงานตั้งแต่แรกๆ และที่ฉันหนีออกมาก็พองานสังคมข้างในนั้นจอมปลอม ดูถูกฉันตั้งแต่ที่ฉันก้าวเท้าเข้าไปเลยด้วยซ้ำ คนอย่างฉันไม่ได้ขาดผู้ชายอย่างนั้นหรอก แต่ที่ฉันต้องยอมตกลงแต่งงานก็เพราะครอบครัวบังคับต่างหาก" เธอบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดจนลืมไปว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอไม่ได้อยู่กับตัวเองคนเดียวในห้องเหมือนทุกครั้ง
"หึ งั้นนับตั้งแต่วันนี้ไป เธอก็รู้จักว่าที่สามีเธอซะสิ"
"คะ? คุณหมายความว่าอะไรคะ?" หญิงสาวเอ่ยเสียงตะกุกตะกักแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ ทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา เรียวขาเล็กก็เหมือนจะเข่าอ่อนในทันที โชคดีที่มีมือของเขามาช่วยพยุงเธอเอาไว้เสียก่อนที่เธอจะเข่าอ่อนล้มลงไปกับพื้น เมื่อเจอเรื่องเซอร์ไพรส์อย่างที่เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ
"เพราะฉันนี่แหละ ว่าที่สามีของเธอ เฟรเดอริก คลาร์ก ยินดีที่ได้รู้จัก คุณว่าที่ภรรยา..." เขาเอ่ยเสียงเรียบ กระตุกยิ้มที่มุมปาก พรางจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่อยากจะคาดเดา
"มะไม่จริง.." เธอส่ายหน้าเอ่ยเสียงสั่นเหมือนกำลังจะช็อคเมื่อได้รู้ความจริงว่าคนตรงหน้านั้นเป็นว่าที่สามีของเธอ คนที่เธอกำลังจะแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วย คนที่เธอต้องมาทำความรู้จักในวันนี้ได้อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้
"หึ ฉันนี่แหละว่าที่ผัวของเธอสาวน้อย" มาเฟียหนุ่มเอ่ยพร้อมกับเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายๆ
"ไม่จริง! คุณโกหก เท่าที่ฉันรู้ ว่าที่สามีของฉันเขาเป็นคนนิ่งๆ แทบจะไม่สนใจอะไรนอกจากงาน อย่าหวังไปถึงเรื่องที่จะมาสนใจว่าที่ภรรยาที่คลุมถุงชนเลยเถอะ"
"แล้วมันแปลกตรงไหนที่ฉันจะรู้เรื่องว่าที่ภรรยาของตนเป็นคนยังไงมีนิสัยใจคอยังไงและดื้อรั้นขนาดไหน" มันก็จริงอย่างที่ทุกคนรู้ว่าเขาไม่ค่อยชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงโดยที่ไม่เลือกหรือแม้กระทั่งเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้
แต่ถ้าเป็นเรื่องของว่าที่เมียของตัวเองก็คงต้องรู้ จริงไหม?
"นี่คุณหาว่าฉันดื้อรั้นงั้นเหรอ!?" เธอถึงกับหมวดคิ้วพร้อมกับกระแทกเสียงถามเขาอย่างไม่ชอบใจในคำว่าดื้อรั้นมากขนาดไหน
"ใช่ และฉันก็ได้รู้ว่าเธอนั้นดื้อรั้นขนาดไหน เถียงคำไม่ตกฟาก น่าจับมาตีตูดซะให้เข็ด!"