บทที่4
หลังจากเดินทางด้วยรถม้าออกจากเมืองฝู่โจวตั้งแต่ฟ้าส่าง จนจวบช่วงเข้าวันที่ 3 ในที่สุดขบวนรถของคุณหนูใหญ่สกุลจื่อก็เดินทางมาถึงประตูเมืองหลวง
จื่อรั่วคล่อยเอื้อมหลังมือรั้งให้ผ้าม่านรถม้าเปิดออก เวลานี้ล่วงเข้าสู่ยามเซิน(เวลา 15.00 - 16.59 น.) ทำให้การตรวจตราเอกสารเข้าออกเมืองเข้มงวด จึงทำให้มีผู้คนออกันแน่นขนัดอยู่ประตูเมือง ตากลมโตกวาดสายตามองผู้คนที่ยืนอยู่นอนกรถม้า มีทั้งชาวบ้าน พ่อค้าวาณิชย์ การแต่งการสีสันสดใสหลากหลาย หากไม่เห็นด้วยตาคงไม่อาจเชื่อได้ว่าบ้านเมืองเพิ่งจะผ่านพ้นกลียุคมาได้ไม่นาน เนื่องจากการกระทำอันเลวทรามผิดมนุษย์ ตำช้าเกิดที่ใครๆจะรับได้ของฮองเต้องค์ปัจจุบัน แต่ทุกคนเลือกที่จะเงียบ สงบปากสงบคำ ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนต่อไป หากอยากมีชีวิตรอดก็ต้องก้มหัวให้กับผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งตอนนี้ผู้ที่กำอำนาจสูงสุดจะไปใครไปไม่ได้‘ฮองเต้เจ้าหลง’ หากขุนนางและราษฎร์ต้องก้มหัวให้คือฮองเต้
ตัวนางเองก็ยังต้องก้มหัวให้บิดา การอาศัยอยู่ที่เมืองฝู่โจ่ว จริงอยู่สิ่งที่ได้คืออิสระเล็กๆน้อยๆ แต่มันคืออิสระที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยซักเท่าไร เมืองฝู่โจวเป็นเพียงเมืองเล็กๆทางตอนเหนือ ตัวนางเองไม่มีทรัพย์สมบัติติดตัวไปเลย อาศัยเพียงเบี้ยหวัดน้อยนิดจากจื่อฮูหยิน หรือต่อไปนางควรต้องเรียกแม่ใหญ่ให้ชินปาก หากแต่งออกไปนางต้องได้สินเดิมของมารดา อีกอย่างคือนางก็ยังได้ชื่อว่าคุณหนูใหญ่แห่งสกุลจื่อ นั้นคือหนึ่งเหตุผลที่ยอมกลับมาง่ายๆ ประการสุดท้ายคือต้องการเดิมพนันครั้งสุดท้ายกับความรักจากบิดานั้นเอง หากคนที่ต้องแต่งงานไม่ย่ำแย่มากนางอาจจะยอมแต่ง แต่ถ้าหากไม่นางนี้ล่ะจะล้มกระดานของบิดาเอง จ้าวกรมอารักษ์ จื่อเหลียง คิดจะใช้นางเป็นเบี้ยเพื่อผลประโยชน์ นางยอมหากมีสักชั่วขณะที่บิดานั้นรักนาง
ผ่านไปเกือบชั่วยามรถม้าของคุณหนูจื่อค่อยๆขยับ นั้นหมายถึงการตรวจตรานั้นเรียบร้อยแล้ว มือบางจึงค่อยๆ ปล่อยผ้าม่านลง
ในขณะนั้นเอง
อาชาสีดำขลับ ขี่ผ่านสวนทางออกนอนประตูเมืองไป
หากว่าอาชาตัวนั้นรูปร่างกำยำสง่างามทุกย่างก้าวแล้ว บุรุษที่ควบขี่อาชาตนนั้นกลับยิ่งสง่างามกว่าหลายส่วนมากนัก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สวมเกราะสีทอง ใบหน้าคมเข้ม จนสาวๆน้อยใหญ่ที่ยืนต่อแถวตรวจเอกสารเข้าเมืองต่างพากันมองเหลียวหลังแม้
ร่างสูงตกตะลึงแม้จะเพียงแวบเดียวที่เห็นใบหน้าหลังผ้าม่านนั้น แต่เขามั่นใจ
นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ใจแกร่งเต้นเร่า อยากจะหันม้าควบกลับเข้าเมืองสืบให้แน่ชัดว่าเหตุใดนางจึงมาปรากฏตัวที่เมืองหลวง แต่ภาระหน้าที่ต้องมาก่อน จึงทำได้แต่กัดฟัน ควบขี่ม้ามุ่งตรงไปยังจุดนัดหมาย พลางก้นด่าตัวเองไปพลาง ปลอบใจตนเองไปพลาง
หน้าที่ หน้าที่สำคัญรออยู่ เขารู้ว่าว่านางคือใคร อย่างไรจุดหมายของนางคงไม่พ้นจวนสกุลจื่อ รีบสะสางและรีบกลับเมืองหลวง
จุดนัดหมายของเขากลับสหายนั้นคือวัดแห่งหนึ่งในเมืองฝู่โจว หนึ่งคือเป็นเมืองที่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุดเหมาะแก่การแลกเปลี่ยนข่าวสาร ด้วยกำลังของเขาและพรรคพวกยังมีไม่มากพอ ยังแทรกซึมเข้ามาในเมืองหลวงไม่ได้ อีกประการคือเขาอยากกลับดูใบหน้าของนาง เก็บเกี่ยวความคิดถึง เพื่อที่จะได้กลับมาทำงานสำคัญ เพราะครั้งนี้อาจจะนานแรมเดือนกว่าเขาจะได้เจอนางอีก
แต่เรื่องราวมันกลับผิดพลาด เขากับนางดันมาสวนทางกันที่หน้าประตูเมืองหลวงเสียได้
เฟ้ย ไอ้คนที่มันเฝ้าดูแลนางมันทำงานยังไง นางมาเมืองหลวงไม่มีใครแจ้งข่าวเขาสักคน