Jennie Talk
"ชอบมั๊ย?"
ฉันมองสร้อยจี้เพชรสีชมพูอ่อนที่สะท้อนกับกระจกบนลำคอตัวเองด้วยความรู้สึกเขินๆนิดหน่อย วันนี้เป็นวันครบรอบหกเดือนที่ฉันกับเปอร์คบกันเขาเลยพาฉันมากินอาหารที่ร้านริมแม่น้ำเพื่อฉลองให้กับความสัมพันธ์ของเรา
"อะไรที่นายให้ฉันชอบทุกอย่างแหละ"
ฉันว่าพร้อมกับหัวเราะเบาๆโดยปกติแล้วฉันไม่ใช่คนพูดจาหวานอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่
แต่สำหรับเปอร์เป็นข้อยกเว้น
"งั้นกินข้าวเถอะ ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยงเลยไม่ใช่เหรอ?"
ฉันพยักหน้าเพราะตั้งแต่เช้าก็มีเรียนยาวแถมยังงานท่วมหัวจนไม่มีเวลากินข้าวอีก ชีวิตนักศึกษาปีสุดท้ายก็เป็นแบบนี้แหละ ค่อนข้างจะลำบากนิดหน่อย แต่เอาเถอะไหนไหนก็ปีสุดท้ายแล้วเหนื่อยเต็มที่ไปเลยก็ดี
เปอร์คอยตักอาหารให้ฉันอยู่ตลอดและส่วนใหญ่ก็จะเป็นอาหารที่ฉันชอบ เขาเป็นคนที่เก็บรายละเอียดของคนอื่นเก่งมาก ตอนที่คบกันฉันก็กังวลว่าเราจะไปกันได้มากแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าเปอร์ทำให้ฉันเซอร์ไพรส์มากกว่าที่คิด
เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฉันเหมือนกับที่ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขา
และถึงต่อให้เราไม่ได้คบกันเราก็รู้ใจกันอยู่ดี
"ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเราจะคบกันมาได้นานถึงขนาดนี้"
ความรักในช่วงอายุ20กลางๆแบบนี้มันทำให้ฉันกังวลเกี่ยวกับการสกินชิพระหว่างเราสองคน แต่เชื่อเถอะว่าเปอร์ไม่เคยกดดันฉันให้ฉันยอมเขาทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเราจะคบกันมาได้ถึงครึ่งปีแล้วก็ตามแต่ที่ทำได้มากที่สุดคือจับมือและกอดเท่านั้น
อีกอย่างฉันก็ยังมีความกลัว กลัวว่าเปอร์จะรู้ว่าฉันเคยผ่านเรื่องแบบนั้นมาก่อน ตั้งแต่ฉันคบกับเขาความกลัวหลายๆอย่างมันก็ผุดขึ้นมาในใจ ยิ่งมารู้ว่าเขากับแบล็คเป็นญาติกันด้วยแล้วฉันก็ยิ่งเป็นกังวลทุกครั้งที่เขาสองคนเจอกัน
"เป็นอะไรเจน?"
ฉันสะดุ้งเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสะกิดตรงต้นแขน เปอร์ขยับเข้ามาใกล้แล้วมองฉันด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
"แค่คิดอะไรนิดหน่อย"
เปอร์พยักหน้าก่อนจะกลับไปนั่งที่ตัวเอง ฉันค่อนข้างชินชากับพฤติกรรมและนิสัยของเขาไปแล้ว ซึ่งปกติถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะถามว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าเป็นเปอร์เขาจะไม่มีวันทำเด็ดขาดจนกว่าฉันจะเป็นฝ่ายเล่าเอง
"ว่าแต่เมื่อวานหายไปไหนมาหรอ?"
เมื่อวานเปอร์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ากลับเข้ามาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืน ฉันไม่กล้าถามเพราะเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ จนกระทั่งตอนนี้เขาดูสบายใจมากขึ้นฉันจึงได้กล้าเอ่ยปากถามออกไป
"ออกไปเยี่ยมเพื่อนน่ะ"
ฉันแกล้งพยักหน้าไปอย่างนั้นแต่ในใจกลับไม่เชื่อเลยสักนิด
ฉันรู้สึกได้ว่าเขากำลังโกหก
"จริงสิ วันก่อนฉันเห็นผ้าอ้อมกับนมผงเด็กในห้องนายอ่ะ เพื่อนของนายมีลูกหรอ?"
"อืม"
"ถ้าฉันอยากจะขอไปเยี่ยมด้วยจะได้ไหม ฉันอยากลองอุ้มเด็กดูสักครั้งน่ะ"
ความจริงฉันก็ไม่ได้ชอบเด็กขนาดนั้นหรอกนะ แต่ไหนๆก็มีโอกาสแล้วก็อยากจะลองคลุกคลีด้วยสักครั้ง อาจเป็นเพราะว่าฉันใกล้จะเรียนจบแล้วก็เลยมีความคิดเรื่องแต่งงานแวบเข้ามาในหัวบ้างเป็นบางที
"ไว้วันหลังจะพาไป"
เปอร์รับปากก่อนจะหันมองไปทางด้านหลัง
"ขึ้นเรือกันมั๊ย?"
"เรืออะไร?"
เขาพยักพเยิดหน้าไปทางเรือยอร์ชที่จอดเทียบท่าอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ฉันมองเขาแบบงงๆก่อนจะพยักหน้าทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราจะขึ้นเรือนั่นได้ยังไง
"ฉันจองเอาไว้แล้ว"
"อ๋อ"
เปอร์จูงมือฉันเดินมาเรื่อยๆจนใกล้จะถึงเรือเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นเบอร์ที่ไม่มีในรายชื่อแต่ดูท่าทางแล้วเขาคงจะรู้ว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา
"ว่าไง?"
ปล่อยมือฉันก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ฉันมองเขาตาไม่กระพริบคอยสังเกตสีหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนไปของเขา จากใบหน้าที่เรียบนิ่ง คิ้วเข้มก็เริ่มขมวดแน่นก่อนที่เขาจะตัดสายเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงและเดินตรงมาหาฉัน
"ฉันมีธุระ ไว้วันหลังจะพามา เธอกลับเองได้ใช่มั๊ย?"
ฉันเลิกคิ้ว ชั่วครู่หนึ่งเกิดความรู้สึกช็อคเล็กน้อยเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยคิดว่าจะโดนเทกลางทางแบบนี้ถึงขั้นต้องหาทางกลับเอง
"กลับได้ นายไปเถอะ"
หลังจากตั้งสติได้ฉันก็ฉีกยิ้มและบอกให้เขาไปจัดการธุระที่คาดว่าน่าจะสำคัญมาก เปอร์เดินออกไปเรื่อยๆทิ้งฉันให้ยืนอยู่ตรงนี้ ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ มันแย่มากนะแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะฟูมฟายไปทำไมในเมื่อเขาบอกแล้วว่าจะไปทำธุระ
ฉันควรจะมีเหตุผลมากกว่านี้แต่ในความรู้สึกกับไม่ยอมเข้าใจ
ช่วงเวลา6เดือนที่ฉันตัดสินใจเริ่มความสัมพันธ์กับเปอร์มันทำให้ความสัมพันธ์ที่ใกล้เลือนลางกลับมาเต็มเปี่ยมในใจอีกครั้ง แล้วยิ่งความรู้สึกของฉันมีมากเท่าไหร่ความกลัวและความกังวลก็เพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย
ตอนนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าฉันรักเขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยังไม่เต็มร้อยเลยซะทีเดียว คล้ายกับว่า ฉันรักเขาแต่ก็พร้อมที่จะไปจากเขาในวันที่เขาไม่ต้องการฉันเช่นกัน ฉันรู้สึกนะว่าเปอร์รักฉันแต่ฉันก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่ยอมเปิดเผยมันออกมา
คล้ายกับว่าเขามีเรื่องบางอย่างปิดบังฉันอยู่ ถึงฉันจะอยากรู้แค่ไหนเขาก็ไม่มีวันบอกอยู่ดี