Black Talk
เขาว่ากันว่าความรักจะทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง ผมไม่เคยเชื่อ จนกระทั่งได้เจอกับตัวเอง หลายวันมานี้ผมเอาแต่ขังตัวอยู่ในห้อง บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยขวดเหล้า ผมรู้ว่ามันไร้สาระเกินไปกับการที่เราจะทำตัวแบบนี้ประชดชีวิตเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนผมไม่เคยคิดจะพึ่งเหล้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมดื่มเพื่อความรัก
โทรศัพท์ของผมดังมาตลอดทั้งวันทั้งคืน ผมไม่รับสายใคร ไม่เปิดอ่านข้อความของใครสักคน แม้ว่าจะมีเพื่อนมาหาถึงหน้าห้องแต่ผมก็ไม่ยอมออกไปเปิดประตูให้พวกมันเข้ามา
ผมอยากอยู่คนเดียวยังไม่อยากเจอใคร
เบอร์โทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด โมนาโทรมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้วเธอก็ยังไม่หยุดโทร ราวกับว่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องติดต่อกับผมให้ได้
"มีอะไร?"
ผมตัดสินใจรับสายเธอด้วยความรำคาญ
'เป็นอะไร ทำไมไม่รับสายโมนา หรือว่าถอดใจเรื่องนั้นแล้ว'
"ป่าว"
ผมได้ยินเสียงแค่นหัวเราะก่อนจะได้ยินเธอเอ่ยประโยคถัดมา
'อกหักมาล่ะสิ'
"เรื่องส่วนตัวของฉันเธอไม่ต้องมายุ่ง"
ถึงแม้ว่าเธอสถานะเป็นแฟนของผมแต่ก็ใช่ว่าจะเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวทุกอย่างของผมได้ และยิ่งความสัมพันธ์นี้เป็นแค่เรื่องหลอกลวงด้วยผมยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ที่เธอทำแบบนี้
'วันนี้มาเจอกันหน่อย'
ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงจะต้องมานัดเจอกับโมนาในสถานที่แบบนี้ ผมก้าวเข้ามาในชั้นใต้ดินที่ไม่ได้เข้ามาเหยียบนานเป็นเดือน แสงสีเสียงทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม จะมีก็แค่ความรู้สึกของผมที่เปลี่ยนไป
"พี่แบล็ค"
โมนาเอ่ยทักทายผม เธอนั่งอยู่ข้างๆไอ้ฮอร์สชนิดที่แทบจะเบียดเสียดกัน ไอ้เพื่อนรักยกยิ้มมุมปากก่อนจะใช้มือตบลงบนเบาะคล้ายกับเชิญชวนให้ผมไปนั่งลงข้างๆมัน
"หายหัวไปไหนมาตั้งนานวะ?"
มันเอ่ยถามแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าสงสัยอะไรออกมามากมายนักคล้ายกับว่าถามไปอย่างนั้นไม่ได้อยากรู้จริงๆ
"ช่วงนี้กูยุ่งๆ"
ผมเลยตอบไปอย่างนั้นเพื่อตัดบทไม่ได้อยากให้ใครรู้ว่าจริงๆแล้วที่ผมหายไปมันเป็นเพราะอะไรและเกิดจากอะไร
"แน่ใจหรอว่ายุ่ง?"
ครั้งนี้โมนาเป็นฝ่ายเอ่ยถามพร้อมกับเลิกคิ้ว ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอย่างขอไปที ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมไม่ได้รู้สึกอินกับที่นี่แล้ว ทั้งที่เมื่อก่อนที่นี่คือที่ที่ผมมักจะมาคลุกคลีอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อกี้ที่เดินเข้ามาผมกลับอยากเดินออกไปทันที
ผมได้เจอเพื่อนแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกยินดีเลยสักนิด กลับกันผมยังรู้สึกเบื่อๆอยากจะออกไปจากที่นี่เร็วๆด้วยซ้ำ
ผมแค่รู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของผมอีกต่อไป
"กูว่ามึงดูแปลกๆไป"
อย่าว่าแต่พวกมันสงสัยเลยขนาดตัวผมเองก็ยังรับรู้ได้ว่าตัวเองแปลกไปมาก ไม่รู้ว่าผมเปลี่ยนไปหรือผมกำลังกลับไปเป็นตัวเองกันแน่ ผมยอมรับว่าตอนเด็กๆผมเคยดีกว่านี้ ผมเคยมีเพื่อนที่ดีกว่านี้ แต่ทำไมกันล่ะ ทำไมจู่ๆถึงได้เข้ามาอยู่ในวังวนนี้ได้
คล้ายกับว่าผมหลงผิดไปชั่วขณะและกำลังหมดใจกับสิ่งไม่ดีเหล่านั้น
"ช่วงนี้กูแค่เครียดๆ ไม่มีอะไรหรอก"
หลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามาทำให้ผมรู้สึกเหนื่อยและท้อแท้ ทั้งเรื่องพ่อแม่แล้วเรื่องของเจนนี่ก็ทำให้ผมหมดพลังงานไปเยอะแล้ว นี่ผมยังต้องมาหัวเสียกับเรื่องของโมนาอีก
น่าเบื่อเป็นบ้า! เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบลงไปสักที
"มีอะไรจะพูดก็พูดมา"
ผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับนั่งลงข้างๆไอ้ฮอร์ส แขนมันข้างหนึ่งโอบไหล่โมนาส่วนอีกข้างถือแก้วเหล้า
"น่าแปลกว่ะที่มึงไม่เห็นแสดงอาการอะไรเลยทั้งๆที่กูกำลังกอดแฟนมึงอยู่"
ผมสบตาโมนาที่มีสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่ม
"กูใจกว้าง ของแค่นี้กูไม่หวงหรอก"
โมนาหน้าตึงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูดออกไป ในเมื่อเธอตั้งใจเข้าหาไอ้ฮอร์สเพื่อยั่วโมโหผมอยู่แล้วเพราะฉะนั้นผมจะยั่วกลับบ้างจะเป็นอะไรไป
"ถ้ามึงมีแฟนใหม่ มึงก็สามารถแบ่งแฟนใหม่ของมึงให้กับเพื่อนได้ใช่ไหมวะ?"
ไอ้ฮอร์สถามผมพร้อมกับมองด้วยสายตาแปลกๆ ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันถามเล่นๆหรือต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ ผมรู้แค่ว่าระหว่างผมกับมันไม่น่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ คล้ายกับว่ามีเส้นบางๆบางอย่างกั้นอยู่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดต่อกัน
บางทีความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับมันอาจใกล้จบเร็วๆนี้ก็ได้
"อย่าคิดมากดิวะ กูแค่ล้อเล่น"
คงเห็นว่าผมนิ่งไปมั้งมันก็เลยตบไหล่พร้อมกับหัวเราะยกใหญ่ท่าทางสนุกที่ได้แกล้งผม
"กูไม่ได้คิดมากหรอก ว่าแต่โมนามีอะไรจะพูด?"
ผมหันไปถามโมนาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เธอปรายตามองผมก่อนจะส่งซองเอกสารให้
"อะไร?"
"เอกสารชิ้นสุดท้ายแลกกับสิ่งที่โมนาอยากได้"
"แล้วอะไรที่อยากได้"
ผมชักไม่ไว้ใจเธอเลย ยิ่งเห็นแววตาของเธอที่มองมาแล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้สิ่งที่เธออยากได้จากผมนั้นมันต้องเป็นสิ่งที่ผมไม่สามารถให้เธอได้อย่างแน่นอน
"พี่แบล็คต้องสัญญามาก่อนว่าจะให้โมนา"
"ว่ามาสิ"
ผมไม่สนหรอกว่าสิ่งที่เธอต้องการเป็นอะไร แต่ถ้าเธอเรียกร้องอะไรที่มันเกินตัวไปล่ะก็ผมคงต้องปฏิเสธอย่างช่วยไม่ได้...