6
เสียงหัวเราะหวีดหวิวเริงร่าแซวกันไปมาระหว่างชายและหญิงที่เหลืออยู่อีกเพียงแค่ห้าหกคน ไม่นับรวมเจ้าของบ้านหนุ่มใหญ่ที่นั่งมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย แม้กระทั่งถูกล้อวงหน้าคมคร้ามก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย คงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้เห็นใบหน้านั้นเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ตอนที่มีสาวสวยร่างอวบอัดเดินเข้ามาคลอเคลียแลกจุมพิตดูดดื่มให้แก่กันนั่นแหละ
สองหนุ่มสาวหายเดินตามกันไปในห้อง และกลับออกมาเมื่อเวลาผ่านไปกับสภาพของสาวน้อยที่หน้าแดงก่ำ ริมฝีปากบวมเป่งเหมือนกับถูกกดทับอย่างแรง ไหนจะท่าทางระเริงรื่นสุขสมล้นปรี่ เสื้อผ้ายับย่นไม่ถึงกับมากมายแต่ก็ยังดูรู้ว่าไปทำอะไรกันมา
พอมองไปที่ราชันย์ สภาพเขายังจะหล่อเนียบนิ้งเหมือนเดิม อ๋อ...มีเหมือนกันที่เปลี่ยนไป ก็คือผมเผ้าที่หวีไว้อย่างเรียบร้อยยุ่งเหยิงเล็กน้อยกับอารมณ์ที่ดีขึ้น กับประกายแพรวพราวระยับในดวงตาที่สะท้อนกับแสงไฟนีออน
‘เราเป็นอะไรไปนี่ ทำไมถึงล่ะสายตาจากคุณราชันย์ไม่ได้’ บ่นงึมงำด้วยไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ทำไมถึงต้องมาแอบดูพฤติกรรมของราชันย์ด้วย หรือเป็นเพราะความรู้สึกในวันนั้นยังค้างคาอยู่ใช่ไหม คิดแล้วก็น่าอายเหลือเกิน ถ้าป้าจันทร์มาไม่ทัน ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง แต่ไม่น่าแปลกใจ ด้วยบุคลิกของราชันย์ถึงจะเงียบขรึมและเย็นชา แต่ลักษณะเหล่านั้นกลับเป็นเพียงภาพมายาที่หลอกสายตาคนอื่นเท่านั้นเอง
เพราะความจริงแล้วภายในชายหนุ่มกลับร้อนฉ่าเหมือนกับเปลวเพลิง เป็นตัวดึงดูดทุกคนให้เข้าหาโดยที่ไม่ต้องทำอะไรแม้แต่น้อยนิด อีกทั้งชายหนุ่มถูกเสริมด้วยความร่ำรวยที่กินใช้สิบชาติก็ไม่หมด เป็นหัวเชื้อชั้นดีที่ใช้เรียกเหล่าแมลงวันดมกลิ่นให้ตามตอม แล้วดูเหมือนเขาเองก็จะชอบใจเสียด้วยซ้ำ
ผู้ชายก็อย่างนี้แหละใครจะโง่ไม่เอาล่ะถ้าผู้หญิงหยิบอ่อยให้น่ะ
“ชิ ผู้ชายเฮงซวย” มือเล็กจับมีดจนแน่นและสับไปบนเขียงอันใหญ่ระบายอารมณ์ กลัดกลุ้ม ปวดร้าว อิจฉา น้อยอกน้อยใจ ทำไมทุกอย่างต้องมาอัดแน่นสุมเข้ามาในตอนนี้ด้วย หนี้ก้อนใหญ่ที่เสี่ยออกเงินกู้ตามทวงและพูดจาหว่านล้อมให้เธอยอมรับการเป็นเมียคนที่สี่อยู่ทุกวี่ทุกวัน
ในขณะบรรดาเมียสองเมียสามที่ไม่พอใจก็มาหาเรื่องระรานทุกวันเช่นกัน แล้วไหนจะน้าขี้เมาที่ชอบเอ่ยปากพูดถึงกึ่งบังคับให้เธอเลือกว่าจะยอมเป็นเมียคนที่สี่ของเสี่ยเจ้าของตลาด เพื่อปลดหนี้สินทั้งหมดและเขาจะได้สบายไปด้วยหรือว่าจะเลือก...
“ฉันอยากจะเลือกคุณน่ะ แต่...” กันติชาหันไปมองร่างหนาที่ยืนเอนกายอิงขอบโต๊ะวางเครื่องดื่มสารพัดที่จะทำให้คนเราครองสติไม่อยู่ ในมือมีแก้วใส่น้ำสีเหลืองอมส้มจับอยู่ ราวกับถูกบังคับให้ดวงตากลมโตต้องไล่มองมือหนาที่กำลังขยับเคลื่อนไหวขึ้นไปอย่างช้าๆ ลำคอระหงแห้งผากเหมือนคนที่อดน้ำมานาน กระหายหิวจนคิดว่าเพียงแค่น้ำหนึ่งหยดก็มีค่าอันมหาศาล
“คุณอยู่ใกล้เกินผู้หญิงบ้านๆ อย่างฉันจะเอื้อมมือไปถึง” ดวงตากลมโตสดใสเป็นประกายเหมือนลูกแก้วสบกับดวงตาคมกริบซึ่งมีประกายแปลกๆ มันทำให้เธอสั่นกลัว ขนกายลุกชัน และอยากลองอยากรู้ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงและเร็วกับสายตาที่ไล่มองไปตามส่วนต่างๆ ของเรือนกายและหยุดตรงปทุมถันอวบอิ่มที่มันกำลังกระเพื่อมไหวไม่เป็นจังหวะ
กันติชาตัวสั่นระริก รู้สึกเหมือนกับว่าริมฝีปากหนาร้อนของอีกฝ่ายกำลังไล้เลียดูดกลืนตรงปลายยอดเล็กๆ บนทรวงอก ทำเอาเรือนกายถึงกับปวดร้าวและวาบหวิวในคราวเดียวกัน แม้อยากจะถอนเท้าถอยกลับไปด้านหลัง แต่มันเหมือนกับถูกตรึงไว้ด้วยดวงตาคมกริบคู่นั้นและยังจะมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นตรึงไว้อีกชั้น
“หยุดนะ” กันติชาห้ามหัวใจที่เต้นตึกตักๆ รัวเร็วเหมือนกลองเพล ไหนจะอาการสั่นจนทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
สองมือเล็กลูบไล้ลำขาเสลา มองตามสายตาคมกริบที่ขยับเคลื่อนลงไปหยุดตรงจุดอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก เหมือนกับถูกไฟช็อตจนมีไอร้อนผ่าวไหลพุ่งจากกึ่งกลางเรือนกายขึ้นไปถึงวงหน้า พวงแก้มนิ่มร้อนผ่าวเหมือนกับเอาหน้ายื่นล้ำไปให้ไฟร้อนๆ ลน ปลายลิ้นเล็กยื่นออกมาไล้เลียริมฝีปากนุ่ม เมื่อปากหนาของราชันย์ขยับและเธออ่านได้ว่า
‘เดี๋ยวเจอกันสาวน้อย’
“ค่ะ...คุณอยากเจอฉันหรือ” กันติชาเอ่ยถามเหมือนละเมอ เรือนกายโปร่งบางสั่นไหวเหมือนสองขายืนอยู่บนกราบเรือ ซึ่งกำลังโคลงเคลง เท้าเล็กเรียวพาร่างสูงโปร่งถอยไปด้านหลัง ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ เรี่ยวแรงเหมือนจะถูกดูดออกไป พร้อมหัวใจที่พยายามจะกระโดดออกมาจากทรวง ความรู้สึกในวันนั้นที่เธอพยายามลืมก็ย้อนกลับมาในสมองอีกครั้งอย่างไม่สามารถหักห้ามได้
สัมผัสจากมือและปากร้อนผ่าวเหมือนถ่านไฟลากไล้ลามเลียไปทั่วกายา ไม่เว้นแม้แต่จุดอันอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก นำพาให้เธอได้รับรู้ถึงสัมผัสอันลี้ลับระหว่างชายหญิงที่มีทั้งความร้อนปนอ่อนหวาน ทั้งซาบซ่าน วาบหวิว ปั่นป่วนไหววูบในช่องท้องอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ สองขาเรียวยาวสั่นระริกจนยืนทรงตัวไม่อยู่และเกือบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้ยินเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง
“เป็นอะไรไปนะว่าว เหนื่อยมากหรือไงเรา ก็น่าจะเหนื่อยอยู่หรอกนะ งานวันนี้คนที่มาเรื่องมากจะตาย เดี๋ยวจะเอานั่น เดี๋ยวจะเอานี่ ไอ้นั่นไม่ดี ไอ้นี่ไม่ได้” จันทร์เอ่ยทักสาวน้อยที่นางเลือกใช้ให้มาทำอาหารวันนี้อย่างเห็นใจระคนสงสาร
กันติชาเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เมื่อต้องเดินให้วุ่นระหว่างสนามหญ้าหน้าบ้านกับห้องครัว จนขาแทบจะสะดุดพันกันเองอยู่หลายครั้ง เพื่อลำเลียงอาหารไปเสิร์ฟพวกคุณหญิงคุณนาย แต่ปากและนิสัยไพร่สถุล ชอบดูถูกเหยียดย่ำคนที่ต่ำต้อยกว่า ถ้าเป็นหญ้าก็คงจะจมหายไปในดิน โผล่หน้าขึ้นมารับแสงที่ดวงตะวันสาดส่องมาให้แก่สรรพสิ่งบนพื้นโลกไม่ได้เลย
สำคัญคือนางกำลังหนักใจ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่คนเป็นนายเจอกับกันติชา ดูเหมือนว่าสายตาของราชันย์มักจะคอยจับจ้องอยู่ที่ร่างของแม่ครัวสาว ทั้งที่ปกติแล้วนายซึ่งเงียบเฉยและเงียบขรึมไม่เคยที่จะสนใจใคร
ก็นะ...จะไปสนใจทำไมกันล่ะ ในเมื่อผู้หญิงที่อยู่รายล้อมรอบข้างล้วนแล้วแต่จัดเจนพร้อมที่จะมอบกายให้ทุกคน แม้กระทั่งกันติชา ถ้าวันนั้นนางมาไม่ทัน สาวน้อยตรงหน้าคงได้แต่นั่งเสียใจ น้ำตาตกในเพราะพลาดท่าเสียทีให้กับหนุ่มจอมเจ้าชู้ที่ฟันแล้วทิ้งไปแล้ว แต่มาคิดอีกทีก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ปกติราชันย์ไม่สนใจสาวไร้เดียงสาไร้ประสบการณ์ แต่ในค่ำคืนนี้กลับเฝ้าจับตามองกันติชาเหมือนเป็นขนมหวานชนิดที่โปรดปรานจนไม่อาจละสายตาได้
จันทร์เหนื่อยกับพฤติกรรมของนายจ้างที่เจ้าเสน่ห์เหลือเกิน เพียงแค่เดินผ่านเท่านั้นเอง สาวๆ ก็พร้อมกระโดดขึ้นเตียงมอบบริการเร่าร้อนให้ในทันควัน ชั้นเชิงการล่อหลอกก็เปรียบเทียบได้เป็นชนชั้นปรมาจารย์ แม้กระทั่งหญิงที่ว่าสวย เลิศ เชิด หยิ่ง นายก็สอยลงมาจากบนฟ้าพามาคลุกคลีบนเตียงนอน ก่อนสลัดทิ้งเหมือนกับถุงเท้าคู่เก่าที่ขาดแหว่งเป็นรู แล้วมีหรือที่สาวน้อยไร้เดียงสาและใสซื่ออย่างกันติชาจะต้านทานเสน่ห์อันล้นหลามและทันเล่ห์เหลี่ยมหมาป่าตัวร้ายและเจ้าแผนการได้นะ
“หนูว่าว”
“ค่ะป้าจันทร์...มีอะไรหรือเปล่าคะ” เอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายร้องเรียกแล้วไม่เอ่ยใดๆ นอกจากมองหน้าเธอดวงตาค่อนข้างกังวล
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” จันทร์ปฏิเสธ แม้ใจจะหวาดวิตก กลัวว่าตัวเองจะเป็นคนชักนำกันติชาให้มาเจอกับซาตานร้ายในคราบเทพบุตรมาร อย่างที่สาวๆ บางคนให้ฉายา
ราชันย์หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม แต่นิสัยแย่สุดๆ ปากร้าย ถ้าทำให้ไม่พอใจก็เตรียมตัวไว้เถอะ พ่อด่าไม่ไว้หน้าแม้ว่าคนที่สร้างความไม่พอใจให้จะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแม่ หรือแม้จะมีผมสองสีแล้วก็ตาม เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง ไม่ได้ดั่งใจเมื่อไหร่จะอาละวาดจนข้าวของพังเสียหาย
‘แม่ง...จะไปสนใจมันทำไม ของเสียก็ซื้อใหม่เอาซิ ไม่เห็นยากเงินทองก็มี’ ทำอย่างกับว่าเงินทองที่มีสะสมไว้จะมากมายจนใช้ชั่วชีวิตไม่หมดอย่างนั้นแหละ เพราะถ้ามีแต่ใช้ ไม่หาเก็บแล้วมันจะไม่หมดได้ยังไงกันล่ะ