2
“น้าจะเอาเท่าไหร่ หนูมีให้ไม่เยอะนะ ต้องเอาไปซื้อของอีก” กันติชาค่อยๆ ดึงเงินใบสีเขียวๆ สองสามใบส่งให้น้าชายที่พอรู้ว่าจะมีเงินไปทานเหล้าอีกก็ลุกขึ้นปร๋อ กระปรี้กระเปร่าเหมือนไม่ใช่คนเมาเลยสักนิด
“เออ...ให้เท่าไหร่ก็เอามาเถอะ ให้กูมีเงินไปซื้อเหล้าก็พอ อ้อ...แล้วอย่าลืมไปจ่ายค่าเหล้าให้ด้วยนะ เดี๋ยวแม่เมี้ยนไม่ยอมให้ติดอีก” ฤทธิ์รงค์บอกเสียงเบาและหวาน แต่คนที่ได้ยินกลับรู้สึกว่าเป็นเสียงปีศาจมาจากนรกมากกว่า
กันติชามองชายวัยกลางคนที่ยืนนับเงินและยกขึ้นจูบเบาๆ ด้วยความดีใจแล้วก็อดที่จะสะเทือนใจไม่ได้ เมื่อก่อนน้าชายไม่ได้เป็นแบบนี้ รูปร่างหล่อเหลา หน้าที่การงานดี แต่เพราะถูกผู้หญิงหักอกหนีไปก่อนถึงวันแต่งงานเพียงแค่วันเดียว โดยไม่บอกกล่าวให้รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ ไหนจะสูญเสียพี่ชายและพี่สะใภ้ในเวลาไล่เลี่ยกันอีก ทำให้คนที่อ่อนแออย่างฤทธิ์รงค์รับไม่ได้ จึงหันหน้าเข้าพึ่งเหล้า จากที่กินเพียงแค่นิดๆ หน่อยๆ ก็เพิ่มปริมาณมากขึ้น จนกินแทนข้าวในปัจจุบัน
น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นในดวงตากลมโตจนต้องรีบเบือนไปอีกฝั่ง รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้ความอ่อนแอเข้ามาครอบงำ ทั้งตัวเธอและน้าชายจะต้องพ่ายแพ้ชะตาชีวิตที่มีอยู่ ดังนั้นเธอจึงล้มไม่ได้ ต้องเข้มแข็ง ด้วยความรักที่มีอยู่รอบๆ ตัว ถึงแม้น้าชายจะไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ก็รักเธอที่สุด เป็นคนเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่
ปลายนิ้วยาวยกขึ้นซับน้ำตา ก่อนจะหันกลับไปและยิ้มหวานให้น้าชายที่รัก “หนูว่าน้าเมามากแล้ว ไปพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวหนูไปจ่ายตลาดแล้วจะซื้อเหล้ามาให้น้าดีไหม” หญิงสาวปะเหลาะเสียงหวานนุ่ม พร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยที่ผุดขึ้นบนวงหน้า
จำไม่ได้เหมือนกัน ได้วิธีนี้มาจากไหน อ่านหรือดูละครที่มีนางเอกมีแม่เป็นคนขี้เมาและเป็นคนไปซื้อเหล้ามาแบ่งๆ และผสมน้ำลงไปในปริมาณที่มากกว่าให้กิน ซึ่งเธอก็แอบทำตามทุกครั้ง เท่าที่โอกาสจะเอื้ออำนวย
“จริงนะโว้ยยายว่าว เออ...กูไปนอนก็ได้ มึงดีอย่างนี้เอง กูรักตายเลย ขนาดไอ้เสี่ยอ้วนนั้นมาทาบทามสู่ขอตั้งหลายครั้งแล้ว กูยังไม่คิดจะยกให้เลยว่ะ” ฤทธิ์รงค์ร้องตะโกนเหมือนกับถูกหวย
วันนี้กันติชาใจดีจะซื้อเหล้ารสชาติแปลกๆ มาให้เขากินอีกแล้ว ถึงจะไม่ชอบในรสชาติเท่าไหร่ แต่ปริมาณที่ได้หลายขวดก็ทำให้ลืมเลือนรสชาติไปเยอะล่ะ
ร่างผอมกะหร่องกะแหร่งผุดลุกจากที่นั่งและ เดินโซซัดโซเซเข้าไปในห้องพักด้วยความดีใจเป็นที่สุด คิดไม่ผิดที่ทำตามคำขอของพี่สาว เลี้ยงหลานให้ดี รักให้เหมือนกับลูกตัวเอง
เขารู้ว่าคนกินเหล้าอยู่ได้ไม่นานนักหรอก แต่ก่อนตาย...เมื่อรักและปรารถนาดีกับหลานสาวที่เก่งการบ้านการเรือน นิสัยก็น่ารักช่างเอาอกเอาใจและใส่ใจกับคนรอบข้างเสมออย่างนี้ สมควรที่ได้กับผู้ชายรวยๆ จะได้สบายไปทั้งชาติอย่างเจ้านายของนังแก่จันทร์เหี่ยวนั่นมากกว่า ที่เหมาะสมและคู่ควร ไม่ควรที่จะกลายเป็นเมียน้อยของเสี่ยปล่อยเงินกู้หน้าเลือดนั่น
คิดแล้วก็เสียอารมณ์เหมือนกัน หลานสาวดันทำเหมือนกับคนโง่และหยิ่งในศักดิ์ศรีบ้าๆ บอๆ ที่ขายเอามาซื้อเหล้ากินไม่ได้ หน้าตาก็สวยและได้ไปทำอาหารที่บ้านหลังนั้นอยู่บ่อยครั้ง แทนที่จะอ่อยไอ้หนุ่มหน้าหล่อและร่ำรวยนั่นให้มาสนใจและจับเอาทำผัวซะ ทั้งเขาและตัวเองจะได้สบาย ดันบอกว่าไม่เคยเจอไม่เคยเห็น คอยดูนะถ้ายายแก่จันทร์เหี่ยวมาจ้างให้ไปทำงานอีกละก็ คราวนี้....
รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าเหี่ยวย่นราวกับคนวัยชรา จะว่าเขาเป็นคนรักสบาย เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองหรืออะไรก็ตาม รู้เพียงอย่างเดียว ถ้ากันติชาทำตามที่เขาคิด ทุกคนก็สบาย นายของยายแก่จันทร์เหี่ยวได้เพชรเม็ดงามไปประดับข้างกาย รวมถึงเขาและกันติชาก็สบาย วินวินทั้งคู่
ฤทธิ์รงค์คิดอย่างมาดหมาย ดวงตาแดงก่ำเป็นประกายมุ่งมั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเริ่มจะฝ้าฝางและแดงก่ำวามวาวด้วยความหวังที่มี
กันติชายืนหน้าคฤหาสน์ด้วยความตื่นเต้นและตื่นกลัว แม้จะมาที่บ้านหลังนี้หลายครั้งแล้ว แต่ความใหญ่โตและหรูหราก็ยังข่มหญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเธอให้มีอาการตื่นตระหนกและกังวลได้เสมอ ที่ต้องรีบระงับอารมณ์ดังกล่าวทิ้งไป เหลือไว้เพียงแค่คำว่างานและเงินเท่านั้น
มือเล็กยื่นไปกดกริ่งประตูบ้านสองสามครั้งและรอให้คนในบ้านมาเปิด ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วอาณาเขตคฤหาสน์ที่พรุ่งนี้จะมีงานใหญ่อีกแล้ว และอย่างเดิมก็คือเจ้าของบ้านชอบที่จัดงานกลางแจ้งและไพล่ไปถึงสระน้ำที่อยู่ด้านข้างเพื่อให้เพื่อนพ้องและสาวๆ ที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นและยังจะบางเบา จนเห็นรูปร่างภายในเต้นรำท่ามกลางแสงไฟและร้องวี้ดว้ายเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเธอก็คอยแอบดูอย่างอิจฉา
“ไม่รู้ต้องมาทำไมกัน บอกป้าจันทร์ไว้ก็หมดเรื่องแล้ว” บ่นพึงพำ ริมฝีปากอวบอิ่มขยับไปมาสลับคิ้วโก่งได้รูปขมวดเข้าหากัน ด้วยทุกครั้งที่มีงาน ป้าจันทร์จะเขียนเมนูพร้อมส่งเงินเธอไปเลือกหาซื้อข้าวของมาไว้ แต่คราวนี้ป้าจันทร์กลับบอกให้มาหาที่บ้านก่อน
“คิดว่าเราจะอมเงินหรือไง ถ้าทำนะ...ทำนานแล้ว” ทุกครั้งที่ไปซื้อของ เธอจะมีบิลบอก ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เหลือเท่าไหร่ก็คืนกลับไปหมดไม่เคยหมกเม้มหมกเม็ดแม้แต่บาทเดียว
กันติชายืนทอดถอนใจ ความจริงแล้วเธอไม่อยากรับงานนี้เลยสักนิด เพราะแค่งานขายอาหารที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด จนแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอกับงานที่ทั้งเหนื่อยและวุ่นวายกับพวกสาวๆ เรื่องมากถึงมากที่สุดที่มาร่วมงานก็ให้เข็ดขยาดจนอยากกินยาพาราสักห้าถึงสิบเม็ดมากิน แต่...
ไม่ได้เป็นคนงกนะ แค่รู้คุณค่าของเงินทุกบาทที่ได้มาก็เท่านั้น และจำนวนที่ป้าจันทร์บอกมาก็ทำให้เธอตาโต เพราะมันมากมายกว่าที่เธอทำทุกวันหลายเท่านั้นและแถมได้เป็นเงินก้อนเสียอีกด้วย มันเลยทำให้เธอตาโตใสแจ๋วแวววาวและยิ้มออก
เงินที่เจ้านายป้าจันทร์อาจจะคิดว่าไม่มาก แต่เงินก้อนนี้สามารถต่อชีวิตของเธอและน้าชายไปอีกหลายเดือนทีเดียว อีกทั้งยังสามารถชดใช้หนี้สินให้กับเสี่ยอ้วนพุงพลุ้ยเจ้าของตลาดที่มีชื่อว่า “วสันต์” ได้เยอะเสียด้วย ถ้ามีงานแบบนี้ขอแค่เดือนละสองครั้งเท่านั้นเอง เชื่อว่าปีเดียวเธอก็สามารถใช้หนี้ที่น้าชายก่อไว้ได้จนหมดแน่นอน
หลังจากกดกริ่งและยืนรอเพียงไม่นาน กันติชาก็ได้เห็นชายร่างสูงใหญ่ โดดเด่นตั้งแต่ผมสีดำสนิทสะท้อนแสงเงางามน่าจับต้องด้วยกระหายใคร่รู้ว่ามันจะนุ่มเพียงใดยามได้สัมผัสแตะต้อง
‘บ้าแล้ว นี่เราเป็นอะไรไปนี่’ กันติชาพึมพำอย่างงุนงง เมื่อห้ามสายตาให้ไล่มองเค้าโครงหน้าที่แข็งแกร่งและดุกร้าวไปถึงลำคอใหญ่และลาดไหล่ไม่ได้ ดวงตากลมโตเป็นประกายพร่างพราวด้วยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่...เธอกำลังเล่นกับไฟที่พร้อมจะลวกและเผาทั้งร่างกายและหัวใจให้แหลกละเอียดเป็นผุยผงได้ในพริบตาเดียว
ตึก ตึก ตึก… ‘หยุดนะ...อย่าเต้นอย่างนี้สิ’
ยิ่งชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ หัวใจดวงน้อยก็ยิ่งเต้นรัวเร็วเหมือนกับกลองสะบัดชัย ด้วยหุ่นใหญ่ล่ำชวนมอง ยามเมื่อเขาก้าวเดิน สาบเสือคลุมที่แยกออกเลยทำให้เห็นแผ่นอกกำยำกับไรขนเส้นเล็กๆ สีดำสนิทที่ขึ้นประปราย ทำเอากันติชาถึงกับหน้าแดงก่ำ รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
สองแก้มร้อนผ่าว ลำขาเรียวยาวสั่นระริก เมื่อไล่มองลงไปแล้วเห็นทุกครั้งที่ชายหนุ่มย่ำเท้าก้าวมาข้างหน้า ทำให้เธอได้เห็นขาแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งและทรงพลัง
‘เฮ้ย...!!! ฉันกำลังคิดอะไรอยู่นี่’
กันติชาร้องครางเสียงแผ่ว รีบสะบัดศีรษะไล่ความคิดแปลกๆ ที่ผุดขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด แม้จะก่นด่าและดุตัวเองในใจ ก็ยังทำให้เธอห้ามความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไม่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกเช่นนี้กับชายคนที่เพิ่งจะได้เจอหน้ากันครั้งแรก
รัศมีแห่งอำนาจและบางอย่างชวนให้ถวิลหาที่นำพาซึ่งความเร่าร้อนราวจะแผดเผา ก่อเกิดความกลัวแล่นลิ่วเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อย เมื่อร่างหนาเดินมุ่งหน้าตรงมาเรื่อยๆ เอื่อยๆ ราวกับราชสีห์ที่กำลังขี้เกียจและเพิ่งจะตื่นจากนอนจำศีล แต่ก็มีอะไรบางอย่างบอกว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงม่านมายาหลอกตาเท่านั้น เพราะเพียงแค่เผลอนิดเดียวเจ้าสัตว์ร้ายก็พร้อมกระโดดกัดกินเนื้อสมันนุ่มนิ่มอย่างเร็วไว