บทที่ 4 ชีวิตร่อนเร่...3

1884 คำ
เพราะภารกิจในครั้งนี้คือกวาดล้างตระกูลหลีให้สิ้นซาก ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเด็กเล็กแดงหรือสตรีแก่ชรา เพราะงานที่ได้รับมอบหมายเมื่อคราวที่แล้วไม่สำเร็จ นายเหนือหัวจึงใคร่ไม่พอใจเขานัก มาครั้งนี้ได้มีโอกาสแก้ตัว เขาจึงต้องทำงานให้เต็มที่และประสบผลสำเร็จเท่านั้น “หมายความว่าอย่างไร?” ไป๋ฮวาฉายแววฉงน สามีนางเกี่ยวข้องอันใดกับชายชุดดำเหล่านี้ “หลีฮูหยิน ท่านคิดว่าคนที่ล่วงรู้ความลับของคนอื่น จะมีวันที่ได้อยู่อย่างสงบสุขเช่นนั้นหรือ?” “ข้าไม่เคยรู้ความลับอันใดของพวกเจ้า!” หลีหยุนพุ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ก่อนจะใช้ท่อนไม้ที่คว้ามาได้ฟาดฟันกับชายชุดดำคนดังกล่าว “มาแล้วรึ! นึกว่าเจ้าจะแอบหนีไปแล้วเสียอีก” “ข้ามิเคยหัวหดเช่นนั้น ไม่เหมือนเจ้าที่เลวทราม ทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ” “มิเคยหัวหดเช่นนั้นหรือ?” ชายชุดดำยิ้มเหยียด “แล้วเหตุใดมิกล้าตกลงกับข้อเสนอที่ถูกยื่นไปให้เล่า ถ้ามิใช่เป็นเพราะกลัวจนหัวหด” “เจ้า! ..” หลีหยุนส่ายหน้าไปมาช้าๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคนพวกนี้จะเป็นคนของ คนคนนั้น ทั้งที่เขาเองก็ยอมแล้วทุกอย่าง ยอมรับโทษที่ถูกใส่ร้ายทั้งยึดทรัพย์และถูกเนรเทศออกจากวังหลวง ทั้งหมดก็เพื่อรักษาชีวิตคนในครอบครัวไว้ แต่ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าคนคนนั้นจะไม่ปล่อยเขาไป ทั้งยังส่งคนมาตามล่าสังหารเขาถึงที่! “เป็นเช่นนี้แล้วอย่าเสียเวลาพูดเพ้อเจ้อกันอยู่เลย เอาชีวิตของเจ้ามาซะหลีหยุน!” ชายชุดดำไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาจู่โจมใส่หลีหยุนในทันที ฝ่ายหลีหยุนเองแม้จะมีวรยุทธในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจต้านทานมือสังหารที่มีฝีมือและจำนวนคนที่มากกว่าได้ ไม่นานเขาจึงได้เพลี่ยงพล้ำ “ท่านพะ! ...” หลีหลุนที่ซุ่มดูรีบยกมือปิดปากน้องสาวโดยไว เมื่อหลีเริ่นหรานกำลังร้องเรียกบิดาที่ตอนนี้กำลังถูกชายชุดดำใช้ดาบจี้คอ “หรานเอ๋อร์” หลีหยางกระซิบเรียกน้องสาวเบาๆ ก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นปิดปาก เป็นสัญญาณว่านางไม่อาจส่งเสียงใดๆ ได้ ย้อนไปก่อนหน้านี้ราวสองเค่อ สี่ชีวิตเดินเท้ากลับมาถึงหมู่บ้านด้วยสภาพเหนื่อยหอบ แต่พอทั้งสีเดินไปใกล้ถึงรั้วบ้าน ก็ได้ยินเสียงสนทนาระหว่างไป๋ฮวาและชายชุดดำ ด้วยลางสังหรณ์ใจ หลีหยุนจึงพาลูกๆ ทั้งสามไปซ่อนตัวที่พงหญ้าฝั่งตรงข้ามที่มีความสูงแทบจะท่วมหัว จากนั้นเขาก็ยืดอะไรบางอย่างใส่มือหลีหลุนและกำชับว่าให้ดูแลน้องๆ ให้ดี ถ้าภายในหนึ่งชั่วยามเขาไม่กลับมารับ ก็ให้หลีหลุนพาหลีหยางและหลีเริ่นหรานหนีไปทันที จากนั้นเขาจึงออกจากที่ซ่อนและตรงไปช่วยภรรยากับบุตรชายคนเล็ก หลีเริ่นหรานร้องไห้น้ำตานองหน้า เมื่อภาพที่นางกำลังเห็นคือสิ่งที่นางเห็นในความฝัน และเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เห็นเมื่อหลายชั่วยามก่อนหน้านี้ พ่อแม่และพี่สามของนางกำลังจะตาย! และบ้านหลังนั้นก็กำลังจะถูกไฟไหม้ ทุกอย่างกำลังจะเป็นดั่งเช่นความฝันในครั้งนั้นของนาง เฮือก!!!! หลีหยุนกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เมื่อเขาถูกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังปราณระดับกลางขั้นเจ็ดฟาดลงไปที่กลางอก “ท่านพี่! / ท่านพ่อ!” “ตายยากจริงนะท่านรองเสนาบดีหลี! เช่นนั้นก่อนจะสิ้นใจข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง” ว่าแล้วชายชุดดำก็ซักฝ่ามือที่ไป๋ฮวาที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ท่านแม่!” หลีเฉิงเคลื่อนไหวไปหามารดาด้วยความรวดเร็วทั้งยังอยู่ใกล้กว่า ก่อนจะใช้ร่างเล็กของตนเองบังร่างของมารดาและรับฝ่ามือนั้นแทน “อาเฉิง!” ไป๋ฮวาตกใจจนตาค้างเมื่อเห็นร่างน้อยๆ ของบุตรชายวัยแปดขวบวิ่งมารับฝ่ามือนั้นแทนนาง ก่อนร่างเล็กจะค่อยๆ ล้มลงตรงหน้า “อาเฉิง! ...ไม่ ไม่นะ อาเฉิงลูกแม่! ..ฮือๆ” ไป๋ฮวากอดร่างบุตรชายร่ำไห้ คล้ายว่าหัวใจของนางถูกบดขยี้ “ทะ...ท่านแม่ ข้า..ฮึก!” พูดยังไม่ทันจบคำหลีเฉิงก็กระอักเลือดออกมา “อาเฉิง! ลูกแม่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร” “ทะ...ท่านแม่ ข้าคิดถึงหรานเอ๋อร์ยิ่งนัก” สิ้นคำร่างน้อยของหลีเฉิงก็แน่นิ่งไปในอ้อมแขนมารดา “ไม่! ไม่นะอาเฉิง อาเฉิงลูกแม่” ไป๋ฮวาร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจเมื่อบุตรชายสิ้นใจลงต่อหน้าด้วยวัยเพียงแปดหนาว เช่นเดียวกันกับหลีหลุนที่แทบจะพุ่งตัวออกจากที่ซ่อนเมื่อเห็นว่าน้องชายถูกทำร้าย แต่กลับถูกหลีหยางรั้งไว้เสียก่อน “หากท่านออกไปตอนนี้เราจะตายกันหมด” หลีหลุนกำหมันแน่น ด้วยความที่เจริญวัยกว่าพี่น้องคนอื่นๆ แม้จะทนต่อภาพเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ได้ แต่เขาก็ใช่จะดูไม่ออกว่าจุดจบนั้นจะเป็นเช่นไร ยิ่งสัมผัสได้ถึงร่างเล็กของน้องสาวที่ร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมกอด เขาผู้เป็นพี่ใหญ่ยิ่งต้องมีสติกว่าคนอื่นๆ ความอยู่รอดปลอดภัยของหลีหยางและหลีเริ่นหรานเป็นสิ่งที่บิดาฝากฝังเขาไว้.... “จะ...เจ้ามันไม่ใช่คน! เจ้ามันเลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!” หลีหยุนสบถวาจาร้ายกาจออกมาอย่างเหลืออด เจ็บใจยิ่งนักที่ต้องเห็นภาพบุตรชายถูกทำร้ายต่อหน้าโดยที่เขาไม่สามรรถช่วยเหลือได้ “เดรัจฉานงั้นรึ?” ชายชุดดำตีหน้าซื่อ ก่อนจะซัดฝ่ามือใส่ร่างไป๋ฮวาโดนที่นางไม่ทันรู้ตัว ฮึก!!! “ฮูหยิน!” “อะ..อื้อ!!!” หลีเริ่นหรานหวีดร้องสุดเสียงแม้จะถูกหลีหลุนปิดปากเอาไว้ การได้เห็นหลีเฉิงตายไปต่อหน้าก็นับว่าเป็นสิ่งที่ยากเกินจะทำใจแล้ว ยิ่งต้องมาเห็นมารดาสิ้นใจตามพี่ชายไปด้วยอีกคนนางก็แทบจะคลั่งเสียให้ได้ “หรานเอ๋อร์ เราออกไปไม่ได้นะ พี่ยอมให้เจ้าตายไม่ได้” หลีหลุนเอ่ยปลอบน้องสาวพร้อมกับกอดรัดร่างน้อยไว้แน่น หลีหยางที่นั่งอยู่ข้างพี่ชายและน้องสาวด้วยสภาพน้ำตานองหน้า แม้ว่าจะเป็นการเห็นแก่ตัวที่ไม่อาจช่วยบิดามารดาและน้องชายได้ แต่อย่างน้อยเขาต้องปกป้องน้องสาวให้ได้ “เผา!” ชายชุดดำตะโกนสั่งลูกน้องให้จุดไฟเผา เพียงชั่วพริบตาบ้านหลังน้อยของหกชีวิตตระกูลหลีก็ถูกโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิง “เจ้า! พวกเจ้า!” หลีหยุนเค้นเสียงในลำคอ “ข้าขอสาปแช่งพวกเจ้าทุกคนให้ไม่ได้ตายดี!” หลีหยุนแค้นคำสาปแช่งออกมาอย่างยากลำบาก เวลานี้ร่างกายของเขาบอบช้ำเกินจะทนไหว ห่วงก็แต่ลูกๆ ทั้งสามของเขา หวังว่าอาหลุนจะพาน้องๆ หนีไปได้ทันเวลา.... “หึ! ช่างปากเก่งนักนะ ท่านรองเสนาบดีกลาโหม แต่ก่อนที่พวกข้าจะไม่ตายดีอย่างที่ท่านว่า เห็นที...คนที่ไม่ได้ตายก่อนพวกข้าจะเป็นท่าน” พูดจบชายชุดดำคนดังกล่าวก็ย่างสามขุมไปหาร่างกายอันบอบช้ำเจียนตายของหลีหยุน ก่อนจะคอเสื้ออีกฝ่ายพร้อมฉุดกระชากร่างนั้นขึ้นมาจากพื้น “บอกมาว่าลูกของเจ้าที่เหลืออยู่ที่ใด ข้าได้ยินว่าบุตรสาวคนเล็กของท่านยังเด็กนัก ไหนๆ ท่านก็จะตายแล้ว มิสู้ให้ข้าส่งนางไปตามมารดานางมิดีกว่าหรอกหรือ ท่านรองเสนาบดี...หากนางอยู่โดยไร้มารดา ข้ากลัวนักว่านางจะไร้คนอบรมสั่งสอน แล้วโตมาเป็นคนหัวแข็ง ปากดีเช่นท่าน บอกมา! ว่าพวกมันอยู่ที่ใด!” หลีหยุนเหยียดยิ้ม โดยไม่เอ่ยคำพูดใดๆ กับชายชุดดำตรงหน้า “ดี! เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าได้เห็นลูกๆ ของเจ้าที่เหลือตายต่อหน้าเจ้า เจ้าว่าเป็นอย่างไร ความคิดของข้าดีหรือไม่?” “คังเก๋อ...เจ้าจะต้องไม่ตายดี” พูดจบก็ยื่นไปดึงผ้าปิดหน้าของชายชุดดำที่จับตัวเองไว้ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของหัวหน้าชายชุดดำ หลีเริ่นหรานที่กำลังมองดูเหตุการณ์ด้วยใจจดจ่อถึงกับตาเหลือกลาน เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหัวหน้าชายชุดดำคนนั้นช่างตายิ่งนัก ก่อนสมองของนางจะนึกออกภายในเวลาอันรวดเร็ว แม้ว่าความทรงจำนั้นจะเป็นความทรงจำตกค้างของร่างนี้ก็ตาม ชายผู้นั้น….เป็นคนคนเดียวกันกับคนที่จะทำร้ายมารดาของนางเมื่อหนึ่งปีก่อน และยังเป็นคนคนเดียวกับที่ผลักเธอตกหน้าผา! “เจ้าและนายของเจ้า อันอ๋องตงเจียนหลิวจะต้องชดใช้กรรมในสิ่งที่พวกเจ้าทำ ตายไปสู่แดนนรก ไป! สู่แดนนรก! .....” สิ้นคำสาปแช่งนั้นแล้ว ร่างของหลีหยุนก็ถูกฝ่ามือของหัวหน้าชายชุดดำหรือคังเก๋อ ซัดใส่กลางหน้าอก ก่อนร่างของหลีหยุนจะลอยไปตามแรงฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณขั้นกลางระดับเจ็ด แล้วหล่นลงกระแทบกับหลังคาบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้อย่างหนัก มิตายก็เหมือนตาย...ต่อให้ยังมีลมหายใจ แต่ร่างกายของหลีหยุนก็ถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว! สามพี่น้องที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าสูงคล้ายพากันหยุดหายใจ เมื่อเห็นสิ่งที่ชายชุดดำคนนั้นกรทำต่อบิดาของพวกเขา หลีหลุนโกรธแค้นจนดวงตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ ไม่ต่างจากหลีหยางผู้เป็นน้องชายเท่าไหร่นัก เขากำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตนเองและได้เลือด แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่เท่าการที่ได้เห็นบิดามารดาและน้องชายไปต่อหน้าต่อตาอย่างอนาถ หลีเริ่นหรานเมื่อได้สติกลับมาส่วนหนึ่งแล้วนางก็ไม่ส่งเสียงร้องอีก แม้จะตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้ามากมายสักเพียงใด แต่นางก็ข่มกลั้นความรู้สึกเศร้าเสียใจนั้นไว้ นางไม่ได้โง่ แต่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างน่ารังเกียจ นางรู้ว่าถ้านางออกไปจากตรงนี้ จุดจบคือตายตามพ่อแม่พี่ชายไปสถานเดียว แล้วถ้าเป็นเช่นนั้น ใครจะแก้แค้นให้พวกเขากัน ทั้งพี่ใหญ่พี่รองเมื่อเห็นนางออกไป พวกเขาก็คงตามออกไปแน่ ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้นางไปตายคนเดียว และเมื่อพวกเราตายกันหมด ตระกูลหลีก็จะไม่เหลือใครเลย กระทั่งตายไปเป็นผีในปรโลก ก็จะไม่มีแม้คนทวงความยุติธรรมให้ แต่ก็นั่นแหละ ใครอยากได้ความยุติธรรมกัน!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม