“ ไอ้คนบ้า ไอ้คนชั่วช้า ต่ำทราม ! ”
องค์หญิงซูเม่ยด่าทอออกมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งโกรธทั้งเกลียดที่ถูกล่วงล้ำจากแม่ทัพเหิงผู้นั้น นางสั่งให้สาวใช้ต้มน้ำให้ในยามดึกทันทีก่อนจะลงไปแช่ในอ่างไม้ ก่อนจะขัดถูไปทั่วตัวแรง ๆ โดยเฉพาะที่ลิ้นนั้นที่โดนลิ้นของเขาล่วงล้ำขยับรัด
“ ข้าเกลียดเจ้า แม่ทัพเหิงบ้า เกลียด เกลียด ! ” นางทุบตีไปที่ผิวน้ำอย่างเดือดดาลพลางใช้ผ้าขัดถูบริเวณที่ถูกมือเขาสัมผัสจนแดงก่ำ คล้ายว่าการขัดถูนั้นจะทำให้ความร้อนรุ่มที่ถูกเขาสัมผัสจางหายไปได้
“ ทุเรศ บัดสี เสพสมกันได้กลางแจ้งไม่อายฟ้าดิน ยังจะมีหน้ามาต่อว่าข้าอีก ทั้งยังจาบจ้วงองค์หญิงอย่างข้าด้วย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าจะฟ้องเสด็จพ่อ คอยดู ! ” นางบ่นพึมพำและน้ำตาไหลออกมาอย่างเจ็บแค้น นางแช่อยู่ในอ่างน้ำเกือบสองก้านธูปจึงค่อยขึ้นมาแต่งตัวและเข้าสู่บรรทม แต่กว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็นานโขเพราะเจ็บแค้นในหัวใจเหลือเกินที่ถูกคุกคามอย่างไม่ให้เกียรติจากแม่ทัพเหิงผู้นั้น
และเขาเองก็ยังนอนไม่หลับเช่นกัน...
ไม่เคยมีสตรีใดปฏิเสธชายรูปงามและเรือนร่างสูงใหญ่กำยำเช่นเขามาก่อน มีแต่จะเชื้อเชิญให้เสพสม อ้าปากดูดอม และอ้าขาให้รุกล้ำเข้าข้างในความเป็นหญิงอย่างหิวโหย
แต่นางผู้นั้นช่างแตกต่าง นอกจากจะจ้องมองเขาอย่างเกลียดชังแล้วยังเป็นสตรีแรกที่เล่นงานแม่ทัพเหิงผู้เก่งกล้าเช่นเขาเสียหมดท่า
องค์หญิงซูเม่ย สตรีผู้นั้นเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไรที่กล้าปฏิเสธชายชาตรีเช่นเขา เย่อหยิ่งทะนงตนเหลือเกิน
ดวงตาคมเบิกโพลงจ้องเพดานอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานก่อนยิ้มกว้างออกมาในท้ายที่สุด
นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มเช่นนี้...
ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ายิ้มออกมาเพราะอะไร อาจจะเพราะความขำขันในความพ่ายแพ้เสียหมดท่าของตนให้กับผู้หญิงอ่อนแอตัวเล็ก ๆ หรืออาจจะเพราะใบหน้าหวานงามงดที่สะกดจิตสะกดใจชายชาตรีเช่นเขาเหลือเกิน
งดงามแต่ดื้อรั้น ชักอยากลองเอาชนะเสียแล้วสิ...
รุ่งอรุณแห่งวันใหม่
แม้เช้านี้อากาศภายนอกทั่วทั้งเมืองจะค่อนข้างเย็นกว่าวันที่ผ่านมา ทว่ากลับมีหนึ่งคนกำลังร้อนรุ่มด้วยความโกรธนั่นคือองค์หญิงซูเม่ย นางโกรธจนไม่สนใจแก้มและผิวกายที่เริ่มแดงเพราะแช่น้ำอุ่นนานเกินไป แม้ว่าราตรีที่ผ่านมานางจะอาบน้ำชำระล้างมลทินที่โดนจาบจ้วงไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกถึงทุกความหยาบคายบนผิวเนื้อทันทีที่ลืมตาตื่น นางจึงอยากที่จะแช่น้ำอีกครั้งหวังให้ลืมสัมผัสหยาบโลนจากชายเถื่อนถ่อยผู้นั้น
แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรนางก็ไม่สามารถลืมมันลงได้ ใบหน้าท่าทางยโสโอหังของแม่ทัพผู้นั้นยังคงวนเวียนหลอกหลอนนางอยู่ร่ำไป
ทั้งหมดทั้งมวลหาใช่ความผิดของนางแม้แต่นิด ก็ใครใช้ให้เจ้าแม่ทัพไร้อารยะผู้นั้นมายืนแก้ผ้าแสดงบทรักโจ่งแจ้ง นางเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่บังเอิญผ่านไปเห็นเท่านั้น
คิดมาถึงตรงนั้นก็ยิ่งทั้งโมโหและอับอาย ภาพบัดสีนั้นยังคงติดตา ยังไม่พอ เจ้านั่นยังบังอาจมาลวนลามนางที่ตลอดชีวิตไม่เคยแปดเปื้อนมลทินใดมือชายใดทั้งสิ้น
ทำไมต้องเป็นมันคนแรกด้วยก็ไม่รู้ !
“ ชั่วช้านัก ไอ้แม่ทัพเหรินบ้า ! ” เหรินซูเม่ยใช้มือฟาดไปบนผิวน้ำจนกระเซ็นไปทั่ว ทั้งยังถูผิวกายตนเองโดยแรงเพื่อหวังลบล้างร่องรอยจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา
“ ข้าจะให้เสด็จพ่อเด็ดหัวเจ้า ! ”
“ คิดว่าพ่อเจ้ามีปัญญารึ ” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นข้างหู นางสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้อ้าปากจะกรีดร้องและเตรียมจะลุกหนีจากอ่างไม้ที่แช่ตัวอยู่ ทว่ากลีบปากอวบอิ่มกลับถูกปิดในทันทีด้วยมือหยาบหนา อีกข้างนั้นกุมรอบลำคอระหงเอาไว้
“ ถ้าเจ้ากล้าแหกปากหรือขยับตัวแม้สักนิด ฝ่ามือของข้าจะลงน้ำหนักบีบที่ลำคอของเจ้า แล้วข้าสาบานได้เลยว่าใช้เวลาเพียงไม่นานนักเจ้าจะได้ไปเฝ้าเทพเซียนบนสวรรค์ เข้าใจความหมายคำพูดของข้าหรือไม่ ”
คำพูดราบเรียบทว่าแฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียมนั้นทำให้ขนบนแผงคอของนางลุกชันขึ้นอย่างตื่นกลัว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้บุกรุกนี้เป็นใคร
เจ้าแม่ทัพไร้อารยะผู้นั้นแน่นอน !
หากตอนนี้ความขุ่นเคืองใด ๆ จำต้องเก็บเอาไว้ก่อน ชีวิตของนางอยู่ในฝ่ามือเดียวของเขา จะบีบก็ตาย จะคลายก็ไม่แน่ว่าจะรอดไหม เขาอาจฆ่านางด้วยวิธีอื่นก็เป็นได้ คนป่าเถื่อนเช่นนั้นคงไม่เห็นค่าของชีวิตคนอื่นมากนัก คงทำอะไรตามอำเภอใจจนเคยชิน นางจึงได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ แสดงอาการศิโรราบ แต่โดยดีด้วยยังรักตัวกลัวตายอยู่ เขาจึงค่อย ๆ ปลดปล่อยฝ่ามือทั้งสองที่พันธนาการนางเอาไว้
“ เจ้าเข้ามาในนี้ได้อย่างไร ! ” นางถามทันทีที่ปากเป็นอิสระ เขาสาวเท้าจากด้านหลังของนางมายืนจังก้าอยู่ที่ด้านข้างของอ่างไม้ กอดอกแล้วใช้สายตาจาบจ้วงโลมไล้เรือนร่างเปลือยเปล่าอรชรที่อยู่ภายใต้ผิวน้ำใสแจ๋วอันไม่สามารถปกปิดความเย้ายวนขาวอวบนั้นได้เลย
เหรินซูเม่ยรีบยกมือขึ้นปกปิดสองเต้าทรวงและหนีบขาเอาไว้แน่นทันที
“ ไอ้คนลามกป่าเถื่อน ข้าจะเรียกทหารเดี๋ยวนี้ ! ”