ปาลิตากลายเป็นจุดสนใจของใครหลายคน โดยเฉพาะป้าแม่บ้านและคนใช้ทั้งหลาย ทุกคนต่างวิ่งกรูเข้ามาให้การต้อนรับ ดีอกดีใจใหญ่ เพราะนานกว่าสองปีที่หล่อนไม่ได้กลับมา ร้องวี้ดว้ายดีใจจนลืมแก่กันเกือบทุกคน เว้นเพียงคนใช้ชื่อดาว ที่ยืนนอบน้อมมองอยู่อีกมุม ไม่ได้เดินเข้ามาใกล้
“คุณปริม! คุณปริมกลับมาทำไมไม่บอกก่อนคะ”
“สวัสดีค่ะทุกคน คิดถึงจังเลย”
หญิงสาวเข้าไปกอดทุกคนแน่นๆ อีกครั้ง ทุกคนต่างดีอกดีใจร้องโวยวายลั่นบ้าน เสียงนั้นดังไปถึงห้องทำงานของคุณเปรม ดังหลายนาทีจนท่านต้องละมือจากหนังสือพิมพ์ออกมาข้างนอก
“เอะอะโวยวายอะไรกัน ดังลั่นไปถึงห้องนั่งเล่น”
คุณเปรมส่งเสียงถามก่อนตัวจะมาถึง แต่เมื่อเห็นสาเหตุของการส่งเสียงดัง ดวงตาท่านก็เบิกกว้าง ระบายรอยยิ้มอ่อนๆ บนริมฝีปาก ทั้งดีใจและแปลกใจที่เห็นปาลิตามายืนตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณลุง หนูกลับบ้านแล้วค่ะ”
“หนูปริม...” ท่านกางมือออกกว้างเชิงสั่งให้สาวสวยคราวลูกเข้ามาในอ้อมกอด จรดจมูกลงบนขมับบอบบางรับขวัญคนเก่ง
“ทำไมไม่บอกก่อน”
“มันกะทันหันน่ะค่ะ แล้วปริมก็อยากเซอร์ไพรส์ด้วย”
“คนเก่งของลุง เดินทางมาไกลคงเหนื่อยแย่ มานั่งพักก่อนนะจ๊ะ” ท่านโอบไหล่ปาลิตามานั่งพักในห้องรับแขกละแวกนั้น สาวใช้ต่างพากันแยกย้ายตามระเบียบ ไม่อยากอยู่เป็นส่วนเกิน
ปาลิตามีแม่คนเดียว หลังแม่เสียก็ไร้ที่พึ่งพิง คุณเปรมสงสารจึงรับหล่อนมาเลี้ยงดูปูเสื่อ ให้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันตอนหล่อนสิบแปด ส่งเรียนปริญญาตรีมหาลัยชื่อดังในเชียงราย
หลังจบการศึกษาก็ส่งให้เรียนปริญญาโทตามความฝันของหล่อน ในสายงานบริหาร เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถกลับมาพัฒนาดูแลธุรกิจของไร่เตชะราชร่วมกับเมืองเหนือ ลูกชายเพียงคนเดียวของท่าน เมืองเหนือไม่ค่อยคุยกับปาลิตาเท่าไหร่ ไม่ได้ทะเลาะ แต่ก็ไม่ได้คุย ท่านเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน จึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ อยากเรียนต่ออีก อยากพักผ่อนนานเท่าไหร่ก่อนเริ่มทำงาน หรืออยากเที่ยวก่อน”
“หนูอยากเรียนต่อปริญญาโท ด้านจิตวิทยาอีกสักใบค่ะ หวังว่าคุณลุงจะอนุญาตนะคะ”
เกรงใจค่อนข้างมากเพราะตัวเองสนใจแค่เรื่องเรียน ยังไม่เข้ามาช่วยงานเมืองเหนือเต็มตัว ใจไม่แข็งเท่าเขา ที่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นสามารถทำเหมือนไม่เคยคุยกันกับหล่อนได้
เขามันใจร้าย ทำกับหล่อนเหมือนเห็นหล่อนเป็นตัวตลก อยากจับวางไว้ตรงไหนก็วาง ไม่รัก ไม่ดูแล ไม่แคร์ ไม่สนใจ แต่ก็ไม่ทิ้งสักที คงคิดจะเก็บหล่อนไว้แก้ขัด จนหล่อนต้องตรอมใจตายประชดละมั้งถึงจะพอใจ คิดแล้วก็อดน้อยใจในตัวเขาไม่ได้
“อนุญาตสิ ทำไมจะไม่อนุญาต เรียนเยอะๆ ดีแล้วจ้ะ เผื่อวันข้างหน้าไม่มีลุงหนูจะได้สบาย หางานทำได้ง่าย มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมากกว่าเดิม ส่วนเรื่องงานในไร่ก็ปล่อยให้พี่เหนือเขาจัดการไป หนูอยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็บอกตรงๆ ลุงอยากให้หนูมีความสุข”
“อีกแล้วนะคะ พูดแบบนี้อีกแล้ว”
“เสียงสั่นเชียว”
“หนูไม่เหลือใครแล้วนอกจากคุณลุง ถ้าไม่มีคุณลุง หนูจะอยู่ยังไง จะมีชีวิตยังไงก็ไม่รู้” เสียงปาลิตาสั่นเครือ ไม่อยากให้อะไรมากพรากชีวิตผู้มีพระคุณไปจากตัวเอง กลัวจะไม่เหลือใครในชีวิต
“ไม่เอา ไม่ร้องไห้นะ ขี้แยตลอดคนเก่งของลุง” ปลายนิ้วท่านเลื่อนมาซับน้ำตาให้เด็กคราวลูกด้วยความอ่อนโยน “ลุงแข็งแรงดี ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก อยู่กับหนูได้อีกหลายสิบปี”
“คุณลุงสัญญาแล้วนะคะ” นัยน์ตาหวานกะพริบปริบ
ท่านลูบท้ายทอยปาลิตาแผ่วเบา เอ็นดูหล่อน
“จ้ะ ลุงสัญญา”
คนใช้ชื่อดาวอายุสามสิบปลายๆ เดินนอบน้อมเข้ามาใกล้ แต่ไม่กล้าเข้ามาขัดบทสนทนา ใจชาเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งสองแสดงความรักต่อกัน แต่เพราะทำใจได้นานแล้ว เจ้าหล่อนจึงปล่อยวางได้
คุณเปรมแลสายตาไปเห็นพอดี “ว่าไงดาว”
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะค่ะ ห้องนอนคุณปริมดิฉันทำความสะอาดเรียบร้อย พร้อมอยู่แล้วค่ะ”
“ขอบใจมาก”
ดีเหมือนกัน รู้หน้าที่ ท่านยังไม่ได้สั่งเลยก็ทำให้แล้ว “หนูปริมไปพักผ่อนเถอะจ้ะเดินทางมาเหนื่อยๆ ดาว เดี๋ยวเธอหานมหาขนมไปให้คุณปริมกินรองท้องระหว่างรอข้าวเย็นด้วยนะ”
“ได้ค่ะ”
ดาวขานรับก่อนจะเดินนอบน้อมออกไป หางตาไม่วายปรายกลับมามองด้วยความเสียใจ แอบเจ็บแปลบในใจไม่อยากให้ปาลิตากลับมาบ้านหลังนี้ แต่ก็ได้แค่คิดเท่านั้น สถานะต่ำต้อยแบบหล่อนคงต้องเจียมตัว
“หนูขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะคุณลุง”
“จ้ะ นอนพักสักงีบก็ได้นะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ปาลิตาถอยห่างออกจากท่าน ก่อนหยิบกระเป๋าเดินขึ้นชั้นบนบ้าน หัวใจหล่อนเต้นระรัว พยายามปรายสายตามองโดยรอบ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้กลับมาบ้านหลังนี้
บ้านแห่งบุญคุณที่ให้หล่อนซุกหัวนอนอยู่นานหลายปี ถ้าไม่มีมัน ก็คงไม่แคล้วต้องไปนอนอยู่ข้างถนน ทว่าอีกใจหนึ่งก็ต่อต้าน
บางที... การต้องนอนอยู่ข้างถนนอาจดีกว่าก็ได้ ห้องนอนแสนคุ้นเคย เฟอร์นิเจอร์ยังคงวางอยู่ที่เดิมแต่ใหม่มากขึ้น โทนสีของห้องก็ยังเป็นชมพูหวานแหววตัดกับความขมขื่นในใจของผู้อาศัย
ปาลิตาปิดประตูไม่ลงกลอน เดินเข้าไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง สักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาด้วยฝีมือของแม่บ้านที่มีชื่อว่าดาว ปาลิตาหยัดกายขึ้นนั่งตัวตรง ส่งรอยยิ้มไปให้
“จานใหญ่เชียว มีอะไรกินบ้างคะน้าดาว”
“มีขนมปังปิ้งกับขนมไทยค่ะ”
ดาวลำเลียงจานเล็กจานน้อยออกจากถาด ตามด้วยน้ำเปล่าที่มีไอเย็นเกาะล้อมรอบ “พักให้สบายนะคะ ถ้าขาดเหลืออะไรเรียกดิฉันได้ทันที โทรลงไปบอกก็ได้ ขอตัวก่อนนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” ขานรับเสียงอ่อน “อ้อ น้าดาวคะ”
“มีอะไรเหรอคะ”
“สวัสดีค่ะ” ลืมไปว่ายังไม่ได้ทักทายน้าดาว
“สวัสดีค่ะ” ดาวรับไหว้หญิงสาวแล้วเดินออกไป คล้อยหลังประตูห้องนอนปิดลง ปาลิตาไม่อยากคิดไปเอง แต่ให้ทำไงได้ในเมื่อคิดไปแล้ว ว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากเสียเวลาเสวนากับตัวเองสักเท่าไหร่ น้าดาวเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยร่วมวงซุบซิบนินทาหรือทำอะไรร่วมกับใคร วันๆ ทำงานงกๆ ในบ้าน ดูแลความเรียบร้อยในห้องครัว และเลี้ยงลูกสาววัยสิบสองขวบชื่อน้องใบหม่อน
ใบหม่อนเป็นเด็กน่ารักเป็นที่รักของทุกคนในบ้าน เครื่องปรับอากาศทำงานดีมาก อากาศเย็นบริสุทธิ์ซะจนปาลิตารู้สึกเปลือกตาหนักอึ้งจึงล้มตัวลงนอน หล่อนจะหลับอยู่รอมร่อแต่ต้องลืมตาตื่นขึ้นเพราะโทรศัพท์มีสายเรียกเข้า นัยน์ตาคู่อ่อนหวานเหลือบไปมองเพียงแว้บเดียวเท่านั้นก็ตัดสินใจกดตัดสาย และกดปิดเครื่องประชดประชัน
จนป่านนี้แล้ว เพิ่งรู้สึกตัวหรือยังไง!