ตอนที่ 6

1182 คำ
และในจังหวะที่มีดในมือของมันเหวี่ยงเข้าใส่ร่างของเขาอีกครั้ง คราวนี้เชิดหลบฉากได้อย่างคล่องแคล่วแล้วกระโดดเข้าหาต้นมะขามริมทาง ใช้ปลายเท้าข้างหนึ่งถีบต้นไม้เพื่อเป็นแรงส่งร่างตีลังกาม้วนหลังข้ามศีรษะของมือมีดที่ยืนตะลึงงงกับลีลาการต่อสู้ชั้นเซียนของเขาที่เห็นเชิดกลับลงมายืนอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ทางด้านหลังของมัน เมื่อวายร้ายหันกลับมามองแบบงงๆ ตอนนั้นเท้าใหญ่ของเชิดก็ถีบเข้าที่ยอดอกของมันจนร่างเซถลาเข้าหากอไผ่ริมทาง “อ๊าคค... ” คนโดนถีบร้องลั่น เชิดฉวยจังหวะพุ่งตามไปติดๆ เหวี่ยงจระเข้ฟาดหางเข้าใส่ปลายคางของมันจนกรามร้าว ความหนักหน่วงนั้นทำเอาเลือดสดๆ กระเซ็นติดปลายเท้า มีดหลุดกระเด็นออกจากมือ “เผ่นโว้ย... อูย” เสียงคนหนึ่งตะโกนขึ้นทั้งน้ำเสียงเจ็บปวด ก่อนจะพากันพยุงร่างสะบักสะบอมหายลับไปกับความมืดมิดด้านหลังกอไผ่ ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกและเอาใจช่วยของสองพี่น้องที่ยืนมองดูเหตุการณ์ด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนกับฉากบู๊จะแจ้งยิ่งกว่าที่ได้ดูมาจากหนังกลางแปลงเมื่อครู่เสียอีก “พี่เชิดเป็นอะไรมั้ยจ๊ะ” ราตรีตรงเข้าแกะแขนของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ เหตุการณ์เมื่อครู่ดูชุลมุนมากจนไม่ทันสังเกตว่าเขาอาจได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า “ข้าไม่เป็นไรหรอก... สบายมาก ประเดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งเอ็งกับน้องจนถึงบ้าน” ประโยคที่ได้ยินทำให้สองพี่น้องรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดีใจที่เห็นว่าเชิดปลอดภัย “ขอบใจพี่เชิดที่เข้ามาช่วยฉันกับน้อง... ไม่งั้นป่านนี้ฉันกับลั่นทมคงโดนย่ำยีแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี” เชิดกลายเป็นฮีโร่ในสายตาของพี่น้องสองสาว “ไอ้พวกนี้ข้าไม่เคยเห็นหน้าพวกมันมาก่อน ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเราแน่ๆ สงสัยคงเป็นพวกอันธพาลต่างถิ่น พวกเอ็งเป็นผู้หญิง จะออกไปไหนมืดๆ ค่ำๆ ต้องระวังตัว หรือถ้าจำเป็นจะต้องเดินทางไปไหนไกลๆ ขอให้บอก... ข้าจะไปเป็นเพื่อน” เชิดรีบอาสา ครั้นแล้วก็พาสองพี่น้องออกเดินลัดทุ่งไปพร้อมกัน ท่ามกลางแสงจันทร์กระจ่างข้างขึ้นที่สาดลงมาอาบทุ่งนาข้าว แลเห็นใบของมันพลิ้วไสวไปกับสายลมค่ำ คลอไปกับเสียงกบเขียดและจิ้งหรีดส่งเสียงร้องอยู่ตามคันนา ครู่ต่อมาเชิดก็พาสองพี่น้องมาส่งจนถึงหน้าประตูบ้าน “ข้าส่งแค่นี้นะ” เชิดบอกเสียงหวาน สายตาที่แลมองใบหน้าของราตรีนั้นหวานเชื่อม ส่งสัญญาณย้ำเตือนว่าอย่าลืมนัดในวันพรุ่งนี้ที่หนองน้ำท้ายทุ่ง “ขอบใจจ้ะพี่เชิด” ราตรีกระซิบสั่งอย่างมีจริต ท่าทางเปิดรับไมตรีของหล่อนทำให้หัวใจของชายหนุ่มพองโตเหมือนลูกโป่งสูบลม สองพี่น้องทอดสายตามองส่งจนร่างสูงใหญ่ของเชิดย่ำหายไปกับความมืด ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว เมื่อพากันเดินขึ้นมาบนเรือนหญิงสาวทั้งสองก็พบกับความประหลาดใจกับเสียงร้องครวญครางกระเส่าที่เล็ดลอดออกมาจากห้องนอนของนางชบาผู้เป็นมารดา “เสียงอะไรน่ะพี่ราตรี... นั่นเสียงแม่นี่นา ใครทำอะไรแม่หรือเปล่า” ลั่นทมถามด้วยความเป็นห่วง ทำท่าว่าจะเดินตรงเข้าไปยังห้องซึ่งเป็นที่มาของเสียง ด้วยเกิดความเป็นห่วงมารดา “เสียงอะไรก็ช่างเหอะ... ไม่ต้องไปดู เอ็งไม่ต้องไปสนใจ ดึกแล้วไปนอนกันเถอะ” คนเป็นพี่สาวรั้งข้อมือของน้องสาวเอาไว้เสียก่อน ด้วยความที่ราตรีโตเป็นสาวกว่าลั่นทมหลายปี รู้เห็นอะไรมามากกว่า จึงเดาได้ว่าเสียงครวญครางของมารดานั้นเกิดจากอะไรกันแน่   “ไอ้เถ้าแก่หวังมันอาจจะทำร้ายแม่นะพี่” ลั่นทมสันนิษฐาน มองหน้าพี่สาวเลิ่กลั่กด้วยความเป็นห่วงมารดาขึ้นมาอีก “เออน่ะ... เอ็งยังเด็กไม่รู้อะไรหรอก มันไม่ใช่อย่างที่เอ็งเข้าใจ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรารีบเข้านอนกันเถอะ” ราตรีพยายามดึงความสนใจของน้องสาวออกมาจากเสียงครวญครางกระเส่าปานว่าจะขาดใจ เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นบนเรือนหลังนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน เพราะการที่ต้องใช้ชีวิตรวมกันอยู่ภายในบ้านแคบๆ ทำให้ราตรีมีโอกาสเรียนรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ผ่านรูรั่วของฝาผนังซึ่งทำจากฟากไม้ไผ่แบ่งกั้นเป็นห้องนอนง่ายๆ เพื่อให้พอเพียงกับจำนวนสมาชิกภายในครอบครัว สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในห้องนอนของนางชบาผู้เป็นมารดานั้นราตรีรู้ว่ามันคืออะไร? เพราะเคยเห็นตั้งแต่ตอนที่บิดาของตัวเองยังมีชีวิตอยู่ แต่คืนนี้ต่างออกไปก็ตรงที่คนอยู่ร่วมห้องของมารดานั้นเป็นเถ้าแก่หวังที่มักจะล่องเรือเอี๊ยมจุ๊นขนข้าวสารผ่านมาทางคุ้งน้ำหลังบ้านอยู่บ่อยๆ ภายในห้องนอนเล็กๆ ดับตะเกียงแล้วหญิงสาวทั้งสองก็ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างกัน ลั่นทมหลับไปก่อน ยืนยันด้วยทรวงอกอวบที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะระบายลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ   ราตรีพยายามข่มตาให้หลับ หากแต่เมื่อนึกถึงเสียงจากข้างห้องที่ตามมารบกวนจิตใจก็ยิ่งทำให้รู้สึกกระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรงจนหลับไม่ลง ความอยากรู้อยากเห็นเร่งเร้าให้ราตรีลุกขึ้นจากเตียงแล้วลงไปนั่งคุกเข่าแนบดวงตาเข้ากับรอยรั่วข้างฝาผนัง ราตรีแอบมองดูเหตุการณ์ภายในห้องนอนของนางชบาผู้เป็นมารดาด้วยหัวใจที่เต้นระทึกกับสิ่งกำลังเกิดขึ้นเหมือนเช่นทุกครั้งที่เรือเอี๊ยมจุ๊นของเถ้าแก่หวังแล่นผ่านมาจอดลอยลำอยู่ที่คุ้งน้ำหลังบ้าน หญิงสาวมองดูเหตุการณ์ที่ห่างออกไปเพียงแค่ฝากั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนตกใจ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างเปลือยเปล่าของเถ้าแก่หวัง กำลังโน้มกายอาบเหงื่ออยู่เหนือเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวโพลนของนางชบาซึ่งกำลังเปล่งเสียงร้องครวญครางราวจะขาดใจ มือเรียวรัดรั้งลำตัวและบั้นท้ายเลื่อมลื่นไปด้วยเหงื่อของเถ้าแก่หวังที่กำลังแนบเน้นร่างกายเข้าใส่กันเป็นจังหวะจะโคนหน่วงหนักเสียงดังบลั่บๆ ราตรีเอามือปิดปาก สิ่งที่เห็นทำให้เลือดในกายฉีดแรง แต่ก็แอบมองอยู่นานเป็นครู่จนกระทั่งเหตุการณ์เร่าร้อนนั้นสงบลงแล้วจึงย่องกลับขึ้นมาทิ้งกายลงนอนบนเตียงด้วยหัวใจกระเส่าสั่นยิ่งกว่าเก่า จู่ๆ แรงทะยานอยากของวัยสาวก็เร่งเร้าให้อยากรู้ อยากริลองในสิ่งซึ่งวัยสาวยังไม่เคยมีโอกาสได้พานพบมาก่อนว่าขณะหญิงชายแนบกายประสานเข้าด้วยกันอย่างที่เห็นนั้นจะเป็นเช่นไรหนอ?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม