ตอนที่ 10
จะขึ้นไปตามก็กลัวหล่อนสวนทางกลับมา ยังไงเสียก็ลองใช้กระดาษกับปากกาเสียบกระดาษไว้ที่หน้าแกนปัดน้ำฝนของหล่อน บุลิศตัดสินใจทันที มีข้อความว่า
“ อย่าเพิ่งรีบกลับไปไหนนะ ผมกำลังตามหาคุณอยู่ พร้อมกับเบอร์โทร..”แต่เขาไม่ยอมลงชื่อของตนเอง เพราะบุลิศรู้ดีว่า แค่เมี่ยงเมรัยได้อ่านพบเจอลายมือ หล่อนเองจะทราบได้อย่างดีว่า ลายมือนี้เป็นลายมือของผู้ชายคนไหน..
ถ้าเป็นผู้หญิงคนที่เขารักหล่อนจะต้องจำได้เสมอ ตั้งแต่สมัยวัยเด็ก ย้อนไปถึงวัยเยาว์โน่นได้แล้ว เขาเองยังเคยเขียนการบ้านส่งครูให้หล่อนหลายครั้ง
เกรงกลัวการถูกลงโทษเหมือนกันแต่ก็ทำไปแล้วรู้สึกพอใจนักกับความห่ามคึกคะนองสมัยเด็กของตนเองเหมือนกันที่ทำอะไรตามใจตนเองซึ่งมีถูกบ้างผิดบ้างแล้วนี่หล่อนยังจดจำรอยยิ้มผู้ชายคนนั้นได้ไหม..ผู้ชายที่หล่อนมักจะเรียกว่าพี่บุ้นหรือพี่บุลิศ
แต่เขาขอสงวนคำนี้ให้หล่อนได้ใช้คนเดียวเขาไม่เคยให้ใครเรียกเขาคำนี้เลยนอกจากพ่อกับแม่
แม้แต่ฉายพัดชาเขาก็ไม่เคยบอกหล่อนเขาเป็นพี่บุ้นของน้องเมี่ยงยายเด็กผมเปียหน้าทะเล้นซึ่งแววความสวยของหล่อนนั้นได้ฉายแววน่ารักสวยงามมาตั้งแต่เด็กแล้ว และยังสวยงามจับใจมาจนถึงทุกวันนี้
ถ้าหากหล่อนเรียกเขาว่าพี่บุ้นเขาจะขานรับทันทีนั่นหมายถึงหล่อนจดจำอดีตได้แล้วยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำ ซึ่งมันเป็นแรกรักและแรกประทับใจ ที่ยังอยู่ในความทรงจำของหัวใจสองดวงได้ หรือว่าถ้าหล่อนลืมเขา ลืมเขาได้ก็แล้วไป.. เกือบห้าปีกว่าเลยสินะ ที่เขาไม่ได้เข้ามาในกรุงเทพหรือจะมาก็แค่ธุระทั้งๆที่บ้านเกิดอยู่ในกรุงเทพ ป๋าให้เขาดูและกิจการทางสาขาภาคเหนือ มันต้องตระเวนไปหลายจังหวัด ส่วนในอดีตที่ผ่านมานั้น เขาใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่
มันทำให้เขานึกโมโหตนเองมากยิ่งนักที่ทำอะไรก็รีบร้อนเหลือเกินนะนายลิศใจอยากจะพบหล่อนเหมือนคนที่หัวใจจะขาดการได้พบกับหล่อนเป็นครั้งแรกในเวลาที่ห่างกันนานถึงห้าปีกว่า ทำให้ใจเขาตื่นเต้น
แม้เป็นเพียงแค่ครั้งแรกอีกครั้งที่เขาถูกรับเชิญไปพร้อมกับคุณลุงและญาติสนิทแต่เขาก็เพียงแอบมองหล่อนทั้งนั้นยังไม่รู้ว่าเมี่ยงเมรัยจะจำเขาได้มากแค่ไหนเพราะเขาไม่เห็นหล่อนเข้ามาทักเขาเลย สาวและสวยอย่างหล่อนนี่คงไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชาย
เขาจึงได้แค่มองอย่างเดียว มองด้วยความซาบซึ้งตรึงใจ ขอแค่ได้มองเท่านั้นล่ะจึงเป็นเหตุที่เขาพยายามจะมาพบหล่อนให้ได้อีกครั้ง และเวลานี้โอกาสก็พัดพามาหาเขาอย่างรวดเร็วง่ายดาย เกินที่ใจตนเองจะคาดคิดด้วยซ้ำ ..ว่าเมี่ยงเมรัยมาที่นี่ได้อย่างไร เขาไม่เคยลืมรูปร่างบางระหงอย่างนี้ อ่อนหวานซึ้งทั้งดูมีมาดเหมือนนางพญา ใช่.. หล่อนแน่ เพราะว่าเมี่ยงเมรัยไม่มีพี่น้องแฝดคู่ไหนอีก เมี่ยงเมรัยมีแค่คนเดียว เขารู้ดี เพราะสนิทสนมกับหล่อนตั้งแต่เรียนชั้นประถมสาธิตด้วยกัน เพราะว่าเขาเป็นรุ่นพี่ หล่อนเป็นรุ่นน้องทำตัวเจ้าหญิงผู้เอาแต่ใจในตอนเด็ก
เปราะบาง อ่อนแอ แต่เถียงใครไม่ไว้หน้า ..จนจบปริญญาโทเมื่ออดรนทนไม่ได้ มันเหมือนเป็นการทรมานใจของตนเองยิ่งนัก เขาจึงก้าวเข้าไปข้างในอีกครั้งร่างสูงนั้นทำแค่เพียงสอดส่ายสายตาควานหาหล่อนที่ชั้นใต้ดินกลับไม่พบผู้หญิงสาวที่เขาต้องการ
ขณะเดียวกันนั้นเมี่ยงเมรัยเห็นว่าสุลิษายังมาไม่ถึงอีกเพราะรถติดหญิงสาวจึงคิดว่าน่าจะเอาถุงเสื้อผ้าเข้าไปเก็บไว้ในรถเสียก่อนจึงเป็นเหตุให้ต้องสวนทางเดินกับบุลิศอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะโชคชะตากำหนดหญิงสาวเดินตรงไปที่ลิฟต์แก้วอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปที่เคาร์เตอร์สั่งบอกพนักงานว่า
“ช่วยดูแลโต๊ะเดิมให้ทีนะคะขอตัวเอาข้าวของไปเก็บไว้ก่อนส่วนอาหารฝากไว้ด้วย”
พนักงานที่ดูแลนั้นก็รับปาก เพราะหล่อนเองนั้นจ่ายค่าเครื่องดื่ม กับน้ำผักสดและผลไม้สดแล้ว หล่อนรู้สึกฉงนสนเท่ห์ในใจยิ่งนักเมื่อเดินมาถึงรถแบบมินิคันหรูสีแป๊ดของตัวเอง พิจารณาอ่านไล่ไปตามตัวอักษร ต้องตกใจกับตัวเองหัวใจพองโตขึ้นมาทันที หล่อนอ่านทวนซ้ำในใจ
“รอผมอยู่ที่นี่อย่าเพิ่งรีบกลับไปไหนนะพร้อมกับเบอร์โทร..”ใช่ลายมือแบบนี้หวนเข้ามาในทรงจำของหล่อนอีกครั้งหล่อนคุ้นเหลือเกินไม่ว่านานแค่ไหนเมี่ยงเมรัยก็จำได้
“พี่บุ้น”หล่อนอุทานใจหล่อนลิงโลดนักเหลียวสายตามองหาไปทั่วบริเวณนั้น
จากนั้นสายตาของหล่อนก็สะดุดเข้ากับรถสปอร์ตสีเข้มของน้ำทะเลราคาแพงลิบลิ่วซึ่งยี่ห้อแบบนี้มหาเศรษฐีในเมืองไทยเท่านั้นที่สามารถหามาครอบครองเป็นเจ้าของได้ใจของหล่อนตื่นเต้นหรือว่าจะเป็นรถเขา..รถเขาแน่นอน ยืนครุ่นคิดพิจารณาได้ไม่นานนักก็ปรากฏว่าว่างเปล่าที่เจ้าของรถกลับมาที่นี่อีกครั้งหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าเขาเดินอยู่ส่วนไหนของศูนย์การค้าขนาดยักษ์แห่งนี้ถ้าจะให้ตามเขาหล่อนไม่ตามหรอก หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงที่จะไปเที่ยวตามหาผู้ชายคนไหนหรือใครง่ายๆ
แม้ว่าอยากจะพบหน้าเขาก็ตามที แต่มันสุดวิสัยที่หล่อนจะทำได้เพราะหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงทำนองแบบฉายพัดชานี่ดังนั้นร่างระหงงามจับใจก็หมุนตัวเองอีกครั้งพร้อมมือเรียวนั้นดึงเอาแผ่นกระดาษกลับมาด้วย ฉีกเบาๆด้านที่เป็นกระดาษขาวเพื่อเขียนลายมือตอบโต้
“ถ้าหากอยากพบเจอลองเดินไปค้นหาที่ชั้นสามสิ มีร้านอาหารร้านหนึ่งถ้าตาดีก็อาจจะเห็น เมี่ยงมารอเพื่อนอยู่ค่ะ”ลงท้ายหล่อนเขียนชื่อตัวเองสั้นๆ เมี่ยงเดินขึ้นที่ชั้นสามอีกครั้งจนอ่อนอกอ่อนใจไปหมด
นี่เขาสุดปัญญาที่จะตามหาหล่อนแล้วหรือเพียงแค่พื้นที่ของศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่แห่งนี้เขาก็ไม่สามารถตามหาคนๆคนหนึ่งได้เลยหรือโดยเฉพาะเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดในหัวใจรองมาจากมารดา
บุลิศเฝ้าถามตนเอง..รู้สึกท้อยิ่งนักหากแต่หัวใจไม่ยักอยากถอยจะตามหาหล่อนให้ได้