ผมชื่อ บุลิศ

1202 คำ
ตอนที่ 3 คือ ชายหนุ่มผู้แต่งกายด้วยเชิ้ตสีเข้มเป็นสีแดงเพลิงที่ก้าวเข้ามาตะกี้นี้เอง ยอมรับว่าเขาสง่า ตัวสูงโปร่ง เขาชื่อ บุลิศ เอกอนรรคเมฆนั่นเอง หล่อนรู้จักเขามานาน เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนสาธิตชั้นประถมของมหาวิทยาลัยย่านอโศกหลายปีแล้วที่หล่อนจดจำเขาได้ แต่เขาคงลืมหล่อนเสียแล้วกระมัง ไม่เห็นเอ่ยถึง และเขาทำตัวให้เหินห่างจากเพื่อนฝูงในอดีตที่เขาคบ เห็นไหมล่ะ เมี่ยงเมรัยติดตามความก้าวหน้าและเคลื่อนไหวของตัวเขามากมายแค่ไหนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สักนิด และหล่อนก็ไม่เคยบอกใคร แน่นอนหล่อนซ่อนเก็บมันไว้อย่างมิดชิดและลึกที่สุด ในห้วงหัวใจแบบนี้ หล่อนเท่านั้นที่รับรู้เอง เพราะหล่อนเป็นเจ้าของความรู้สึกนึกคิดนั่นเอง ในวันนี้มีเพื่อนผู้ชายสามคนดังที่หล่อนว่าอีกนั้น คือ สาทม อมเลศ และอีศ อีศนี่คือเพื่อนที่หล่อนคบมานาน คบกันแบบเพื่อนเท่านั้น ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ อีศเท่านั้น ที่หล่อนไว้ใจมากกว่าสามคนนั่นอีก แม้แต่บุลิศเอง หล่อนก็จัดเขาอยู่ออกไปนอกๆ เพราะว่าเขาไม่สนใจหล่อน เหมือนกับที่หล่อนแอบซึ้งแอบผูกพันในใจของเขา บุลิศเป็นทายาทนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมชื่อดัง รวมทั้งกิจกการโรงงานอุตสาหกรรมผลิตสีย้อมผ้าซึ่งเครือญาติของเขาดูเหมือนจะสนิทกับบิดาของหล่อน คุณอัศวงค์ก็น่าจะรู้ด้วย ว่าเขาเป็นใคร และเขาก็เป็นตัวแทนของบิดาที่มาพร้อมญาติ เขาเหมือนจำเมี่ยงเมรัยไม่ได้เลย แต่หล่อนนี่สิจดจำเขาได้ร่างแบบนั้นภาพพิมพ์ของเขายังอยู่ในใจของหล่อน หากเพราะบุลิศเงียบสงบเคร่งขรึมสงบแบบไหนก็แบบนั้น เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุ อาจจะเป็นด้วยเนื่องเพราะว่าเขาจะต้องรับผิดชอบธุรกิจในครอบครัวด้วยคือเข้าไปเป็นพนักงานเต็มขั้น นอกจากเป็นเจ้าของ เขาผ่านฝีมือเข้าไปถึงระดับผู้บริหารเพราะว่าดูเหมือนบุลิศจะจบเอ็มบีเอจากประเทศอังกฤษเสียด้วย ไม่มีทางล่ะที่หล่อนจะไม่รับรู้รับทราบข่าวสารของเขาจากเพื่อนสนิท คนหนึ่งที่มีความชิดใกล้ พี่บุลิศมาก คืออนงค์นันดาและอีกตำแหน่งหนึ่งอนงค์นันดาเป็นหลานสาวข้างฝ่ายมารดาของเขาด้วยจึงดูเหมือนว่าเมี่ยงเมรัยเตรียมตั้งใจขนาดไหนในการต้อนรับเขา ร่างระหงของหญิงสาวในชุดสีหวาน เมื่อพนักงานทีมีส่วนในด้านโปรดักชั่นกับฝ่ายโฆษณาของบริษัทซึ่งเตรียมสคริปต์และบทบาทต่างๆไว้ให้หล่อนเรียบร้อย ซึ่งเมี่ยงเมรัยเพียงแต่เป็นผู้แสดงตาม คือให้หล่อนก้าวไปยืนอยู่บนเวทีและมีการสัมภาษณ์ งานนี้เป็นไปไม่ได้ที่นักข่าวจะไม่มาเพราะมีการสัมภาษณ์พวกสื่อมวลชนต้องการข่าวแบบนี้ยิ่งนักยิ่งคนที่มีชื่อเสียงในวงการแต่นั่นเป็นเรื่องทางฝ่ายโฆษณาและการจัดการรวมทั้งเลขาส่วนตัวของบิดามากกว่า คุณเพรามาศ ร่างระหงที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่สาดผ่านดวงหน้าทำให้หล่อนงามระยับทีเดียวกับชุดที่เลือกสวมใส่บอกแล้วว่าคนที่จะเป็นจุดเด่นที่สุดของงานคือหล่อนนี่เองไม่ใช่คนอื่นเพราะป๋าของหล่อนจงใจอย่างนั้นมีอีกหลายฝ่ายมากที่เลือกสรรในเรื่องนี้ เมี่ยงเมรัยไม่อยากขัดใจป๋าท่านก็เลยทำตามและหล่อนคิดว่ามันไม่ได้เสียหายนี่ เนื่องจากงานนี้มันก็เข้าทางบริษัทอานิสงส์เต็มคือผลประโยชน์ได้กับธุรกิจของตระกูลบริษัทแห่งนี้ในเครือเต็มๆ จะได้เป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้นกว่าเดิมอีก ดวงหน้าของหล่อนถูกตบแต่งด้วยเครื่องสำอาง หล่อนชอบสีหวาน พวงแก้มอมชมพูของหญิงสาว ไม่ได้แต่งหน้าจัดมากนัก เพราะเมี่ยงเมรัยขอร้องด้วยนั่นเอง ใบหน้าหวานรูปไข่ของหล่อนก้าวเข้ามายืนเด่นบนพื้นเวทีจริงๆตามคอนเซ็ปต์ ร่างระหงพาชุดราตรีปักเลื่อมมุกเป็นราตรีแบบตามสบาย คือใส่ออกงานได้ใส่เที่ยวสีหวานด้วยชมพูโอลด์โรส ราตรีแขนสั้นอวดความขาวของลำแขนที่บอบบางเป็นข้อเล็กและมือเรียวของหล่อนเพนท์เป็นสีมุกตามสมัยนิยม ที่หล่อนเองก็เห่อตามเพื่อนฝูงคนอื่นไม่น้อย ยอมรับว่าประหม่าและเขินเหมือนกันเมื่ออยู่กลางเวทีนี้ หากแต่หล่อนก็ตั้งใจอย่างมากที่สุด พยายามทำให้ดีที่สุด ร่วมมือร่วมใจกับทีมงานและผลักพลังที่มีอยู่ในตัวออกมาให้มากที่สุด เป็นการแสดงความสามารถของหล่อนให้ใครๆได้รู้จักด้วยจะได้ไม่กล่าวหาหล่อนเพียงลอยๆว่าสวยแต่โง่แต่เปลี่ยนว่าสวยแล้วฉลาดเก่งกาจทุกอย่าง ริมฝีปากที่แต้มเป็นสีอ่อน เข้ากับชุด กลมกลืนทุกอย่างเป็นสิ่งที่เมี่ยงเมรัยพอใจอย่างมาก คนที่หล่อนพยายามสอดส่ายสายตามากที่สุดคือเขาคนนั้น ผู้ชายที่แทรกซุกอยู่ในหัวใจ พี่บุลิศ คนอื่น ความรู้สึกของหล่อนเพียงธรรมดา อาจจะเป็นเพราะมันไม่ได้ผ่านพัฒนาการกลายเป็นความรักเหมือนอย่างที่หล่อนปักใจต่อผู้ชายคนนี้มานานแล้ว แต่หล่อนหวังว่าเขาจะมอง เขาจะสนใจหล่อนบ้าง แต่นี่เปล่าเลย บุลิศไม่ได้หันกลับมามองจ้องหล่อนบนเวทีสักนิดเลย เขาเอาแต่ยืนคุยกับคนข้างๆที่มาด้วยกันกับเขาเวลานี้ก็เหมือน พี่บุลิศทำให้หล่อนนึกน้อยใจยิ่งนักเงาของเขาไม่ได้ยืนอยู่ตรงจุดเดิมนั่นอีกแล้วเขาเคลื่อนไหวร่างไปจากตรงนั้นไม่รู้ว่าไปหลบมุมอยู่ที่ไหน หรือว่าอาจจะเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ดลัมภ์เงยจ้องด้วยสายตาที่แข็งกร้าวเขามีความรู้สึกว่าหญิงสาวแสนสวยที่เขาหมายปองนั้นหันจ้องใบหน้าไปที่ร่างของชายหนุ่มซึ่งสูงโปร่งในชุดที่แต่งกายสง่าสูทสีอ่อนตัดเย็บประณีต ส่วนเมี่ยงเมรัยหล่อนไม่พอใจอย่างมากเพราะบุลิศมีหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งเข้ามาทักทายและพูดคุยกับเขาด้วยรู้สึกขื่นขมในหัวใจเหลือเกินกับการที่เขาทอดมองให้ความสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้น หล่อนเป็นใครกันหากแต่พอผู้หญิงคนนั้นหันกลับมาใบหน้านั้นก็ทำให้เมี่ยงเมรัย ต้องพลอยตกใจอย่างมาก และดวงตานั้นเบิกกว้างทันทีอย่างแปลบใจ “ฉายพัดชา” มีหรือที่หล่อนจะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ปรับเก่าของหล่อนเมื่อครั้งเรียนที่โรงเรียนสาธิตชั้นประถมและมัธยม นั่นไงฉายพัดชาเองก็รู้จักบุลิศ ดังนั้นมิน่าเล่าหล่อนจึงเดินเข้าไปทักเขา และท่าทางเหมือนบุลิศเองให้ความสนิทสนมไม่น้อยเลย ทำไมเขาช่างก่อความร้าวรานใจให้แก่หล่อนนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม