ดวงหน้าคมคายก้มลงไปประกบริมฝีปากสีอ่อนก่อนจะจุมพิตดูดกลืนวิญญาณคนตรงหน้าอย่างหิวกระหาย ร่างเล็กดิ้นอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่รัดแน่นยากจะสลัดให้หลุดในคราเดียว พันธนาการแห่งเสน่หานี้มิอาจลืมเลือนด้วยฤทธิ์ของน้ำเมา ไม่นานหลิวเยว่ซินก็ถูกดันมาอยู่บนเตียงอย่างขัดขืนไม่ได้
“อื้อ...” เสียงประท้วงในลำคอดังขึ้นเมื่อมีโอกาสได้หายใจ แต่เพียงเสี้ยวลมต้องใบไม้นางก็ถูกดูดกลืนลมหายใจอีกครั้ง บ่งบอกว่าเขาคิดถึงและโหยหาสตรีตรงหน้ามากเพียงใด
ก่อนหน้านี้บรรดาเหล่าสนมต่างร่ายรำขับกล่อมและร่ำสุราเป็นเพื่อน แต่หยางมู่เฉินกลับไม่อาจฝืนใจร่วมเตียงกับผู้อื่นได้ แม้กระทั่งฮองเฮาที่อภิเษกกันมานานหลายปีเองก็มิกล้าปฏิบัติสิ่งที่สามีพึงกระทำกับภรรยา ด้วยเพราะเขาทนรู้สึกผิดต่อใจตนไม่ได้
หลิวเยว่ซินเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่หยางมู่เฉินต้องการ และนางก็เป็นเพียงผู้เดียวที่ปฏิเสธความรักจากฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์องค์นี้อย่างไร้เยื่อใย
ความโหยหาปนเปไปกับพิษรักที่คละคลุ้งอยู่ในจิตใจของฮ่องเต้หนุ่มทำให้เขาไม่กล้าเผชิญหน้าความจริง เมื่อได้ข่าวว่าหลิวกุ้ยเฟยกระโดดน้ำจนป่วยหนักเจียนตาย หยางมู่เฉินก็เสียใจมากจนไม่กล้าไปดูใจนางเป็นครั้งสุดท้าย
ทว่าตอนนี้นางกลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ทั้งที่หัวหน้าองครักษ์แจ้งว่าพระสนมสิ้นพระชนม์ไปแล้ว
“อย่า...อย่าทำแบบนี้เพคะ” จางอ้ายเหรินเอ่ยปากขอร้องหยางมู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีสติหลงเหลืออยู่ฟังคำขอร้องของนางอีกแล้ว
อาภรณ์เปียกโชกถูกมือหนาปลดเปลื้องออกก่อนจะโยนทิ้งลงบนพื้น เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าหอมละมุน ริมฝีปากหยักดูดดื่มไปทั่วกายของพระสนมด้วยความเร่าร้อน จนกระทั่งนางเริ่มจะโอนอ่อนคล้อยตาม
จางอ้ายเหรินไม่อาจฝืนความต้องการของตนเองได้อีกต่อไป จึงเผลอปล่อยกายไปกับสัมผัสวาบหวามเกินเลยนี้ และได้ตกเป็นของหยางมู่เฉินอย่างไม่ทันได้เตรียมใจมาก่อน... ตลอดค่ำคืนแสนหวานจวบจนรุ่งเช้า
เมื่อจางอ้ายเหรินลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาตื่นแล้ว นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองมาอย่างดุดัน
“ตื่นแล้วหรือ”
“เพคะ” หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งโดยมีผ้าห่มผืนบางห่อหุ้มกายไว้
“หลิวเยว่ซิน เจ้านี่มันเป็นหญิงแพศยาจริง ๆ” ใบหน้าโกรธเกรี้ยวพุ่งเข้ามาใกล้ มือใหญ่บีบคางของนาง บังคับให้เงยหน้าขึ้น
ใช่เขาจริง ๆ ด้วย... หยางมู่เฉิน ฮ่องเต้ที่ครองบัลลังก์ตั้งแต่อายุยังน้อย ทว่าทรงมีพระปรีชาสามารถปกครองบ้านเมืองได้อย่างดีเยี่ยมจนเป็นที่ยอมรับจากประชาชนทุกผู้ในแว่นแคว้น
“ฝ่าบาทมาต่อว่าหม่อมฉันทำไมเพคะ” จางอ้ายเหรินโกรธจนควันออกหู ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่ขืนใจนางเมื่อคืนนี้ แทนที่จะกล่าวขอโทษกลับมาด่ากันเสียอย่างนั้น เสียแรงที่ผ่านมาเคยชื่นชมว่าเป็นฮ่องเต้ที่ทรงเที่ยงธรรมเหนือสิ่งใด ไม่คิดว่าจะได้เห็นนิสัยที่แท้จริง
แบบนี้สินะ เมียถึงได้ฆ่าตัวตายหนี
“เจ้าหลอกลวงเจิ้น โกหกทุกคนว่าตรอมใจตาย เพื่อจะได้แอบมาล่อลวงเจิ้นยามเมามายเช่นนี้หรือ”
ไฉนกลับกลายเป็นนางที่ผิดเสียอย่างนั้น
“ฝ่าบาททอดพระเนตรเอาเถิดเพคะ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหม่อมฉันหรือจะมีเรี่ยวแรงไปล่อลวงพระองค์ แค่ป้องกันตัวหม่อมฉันยังไม่มีปัญญาเลย” จางอ้ายเหรินใช้เรี่ยวแรงเท่าที่จะเค้นขึ้นมาได้ผลักร่างกำยำออกห่างก่อนจะลุกขึ้นให้ดูร่องรอยที่เขาทำกับนางให้เต็มตา
หยางมู่เฉินกัดกรามแน่น มาเจอกันคราวนี้นางช่างปากกล้าเถียงคำไม่ตกฟาก หาได้คิดเกรงกลัวบารมีฮ่องเต้ที่ใครต่อใครต่างยำเกรงเลยสักนิดไม่
ดี ถ้าอย่างนั้นเขาจะแสดงให้นางเห็นว่า สิ่งใดที่ควรกลัว สิ่งใดที่สมควรเกรง
“นี่เจ้ากล้าถึงขนาดนี้ ไม่กลัวตายแล้วใช่ไหม!!!”
“แล้วฝ่าบาทจะทำอะไรหม่อมฉันเพคะ!” จางอ้ายเหรินโต้กลับด้วยน้ำเสียงที่ดังพอกัน จนหยางมู่เฉินเกือบจะหลุดมาดขรึมที่สร้างขึ้นมาเพื่อข่มหญิงงามตรงหน้า “แน่จริง ฝ่าบาทก็ทรงสั่งประหารหม่อมฉันเสียตอนนี้เลยสิเพคะ”