หลิว จือรั่ว มองดูฉากต่าง ๆ ก็เริ่มเข้าใจสถานะการณ์ ของ จือรั่ว อีกคนขึ้นมาบ้างแล้ว
" นี่คงเป็นช่วงที่แต่ละบ้านต้องส่ง แรงงานไปช่วยตามชนบทสินะ น่าจะปลาย ปี 60 หรือไม่ก็ต้น ๆ ปี 70 ถ้าจำไม่ผิด ว่าแต่ยังเด็กจือรั่ว นี่ก็ยังเด็กจริงแหล่ะ อายุแค่นี้ ฮอร์โมนกำลังว้าวุ่นอีก คงจะคิดได้แค่ในส่วนของตัวเอง ว่าแต่ยังงง อยู่ว่าฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เอะนั่น"
" รั่วรั่ว พี่สาวเอง ขอเข้าไปนะ "
เจียอีเปิดประตูเข้ามาห้องน้องสาว ที่นอนอยู่บนฟูก บาง ๆ เก่า ๆ
" รั่ว รั่ว พี่ของคุย ด้วยหน่อยนะ "
จือรั่ว ไม่ตอบอะไรเพียงแต่เงียบฟังว่าพี่สาวจะพูดอะไรอีก
" รั่ว รั่ว น้องอย่าโกรธ พ่อแม่เลยนะ พ่อแม่ก็ไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน "
" ทำไมจะไม่มี แต่พ่อแม่คิดคะทิ้งฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พี่ไม่เข้าใจหรอก ."
" ทำไมน้องคิดอย่างนั้นหล่ะ"
" ฮึ ตั้งแต่น้องชายเกิดมา พ่อกับแม่ ก็เอาแต่โอ๋น้องชาย อะไร ๆ ก็บอกให้ฉันให้น้องชาย ของใช้อะไรก็ซื้อให้แต่น้องชาย ส่วนพี่ก็ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แม้แต่ของใช้ส่วนตัว เสื้อผ้า ฉันก็ต้องใช้ต่อจากพี่ ฉันไม่เคยได้อะไรใหม่ ๆ เหมือนพี่ กับ น้องเลย"
" ก็พ่อแม่อาจจะยังไม่มีเงินซื้อให้ครบทุกคน ถึงยังงั้นพี่ก็ใช้ของอย่างถนอมอย่างดีเพราะพี่รู้ว่าน้องต้องใช้ต่อจากพี่ "
" เหอะ สุดท้ายก็เป็นของที่ใช้แล้ว สุดท้ายคนที่พ่อแม่เลือกก็ไม่ใช่ฉัน หรือบางทีพ่อแม่อาจจะไม่อยากให้ฉันเกิดมาเลยก็ได้ "
" รั่ว รั่ว น้องอย่าพูดแบบนี้ ถ้าพ่อแม่ได้ยินจะเสียใจนะ"
" เสียใจเหรอ พ่อแม่คงเสียใจตั้งแต่วันที่ฉันเกิดแล้วไม่เป็นผู้ชายแล้วต่างหาก "
" ถ้าน้องคิดแบบนั้น พี่สาวก็ไม่รู้จะบอกน้องยังไง แต่น้องรู้ไว้ด้วย ว่าพ่อแม่ก็รักน้อง ไม่น้อยกว่าพี่หรือน้องชายหรอก "
" เหอะ พี่จะพูดแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ แต่สิ่งที่ฉันเห็นมันไม่ใช่เลย ทำไมแม่ต้องแอบให้ขนม ให้ของเล่น น้องชายคนเดียว ตอนฉันไม่อยู่ด้วย ทำไมพ่อกลับมาถึงอุ้มและกอดแต่น้องชาย วันที่ฉันสอบได้ที่หนึ่ง พ่อกับแม่ก็แค่บอกว่าดีแล้ว แต่พอเป็นน้อง กับได้รางวัลได้รับคำชมสารพัด นี่หรือที่พี่บอกรักเท่ากัน "
" รั่ว รั่ว ....." พี่สาวได้แต่อึ้งเพราะไม่คิดว่าน้องสาวจะเก็บทุกอย่างมาคิดได้มากขนาดนี้ เธอเป็นพี่สาวก็คิดว่าต้องดูแลน้องให้ดีเหมือน ๆ กันแต่ความที่น้องชายยังเล็กกว่า ก็ย่อมมีความใส่ใจมากกว่าเป็นธรรมดา และเธอคิดว่าพ่อกับแม่ก็คงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
" ฉันจะไปเองในเมื่อที่นี่ไม่ต้องการฉัน ฉันก็จะไม่กลับมาอีก พี่ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันจะนอน"
เมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่อยากคุยด้วย เจียอีจึงเดินคอตกกลับออกมาจากห้อง ไม่รู้จะบอกพ่อแม่อย่างไรไม่ให้ท่านเสียใจ
" อีอี น้องว่าไงบ้าง " แม่ถาม
" น้องนอนแล้วค่ะ แม่ "
" อืมงั้นให้น้องนอนไปก่อน ตื่นขึ้นคงจะอารมณ์ดีขึ้น "
" ค่ะ"
วันถัดมา ขณะทานมื้อเย็นพ่อก็บอกว่า จือรั่ว ต้องออกเดินทาง ภายใน 3 วันนี้
" รั่วเอ๋อ ลูกก็เตรียมตัวให้พร้อม นะ พ่อจะไปส่งที่สถานีรถไฟไป มณฑลเหอหนาน เมืองอันหยาง แล้วเจ้าหน้าที่จะพาไปส่งที่หมู่บ้านอีกที ตอนถึงตำบล ถ้าลูกไปถึงก็เขียนจดหมาย มาบอกที่อยู่ ด้วยนะ "
" ค่ะ " จือรั่ว ตอบสั้น ๆ แต่ไม่พูดอะไรอีก เพราะเธอยังโกรธอยู่จึงไม่อยากพูดอะไรอีก และลุกเดินเข้าห้องนอนโดยไม่กินข้าวสักคำ
" คุณค่ะ ทำไมไม่รอให้ลูกกินข้าวอิ่มก่อนค่อยพูด เรื่องนี้ก็ได้ นี่" แม่
" ผมนึกว่าคุณคุยกับลูกเข้าใจแล้ว "
" ...." เจียอี ไม่กล้าบอกพ่อแม่ในสิ่งที่น้องสาวคิดอยู่ จึงได้แต่เงียบ
คืนก่อนวันเดินทาง จือรั่วจัดกระเป๋าเดินทางซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก เสื้อผ้า 2-3 ชุด ผ้าห่มผืนบาง เสื้อกันหนาวตัวเก่า และ ของใช้ส่วนตัวเพียงเล็กน้อย
แม่เข้าช่วยดู อีกครั้ง
" รั่ว รั่ว ตอนนี้ที่บ้าน มีคูปองเหลือ 2 ใบ ลูกเอาติดตัวไปใช้ ส่วนเงิน 5 หยวนนี้ลูกเก็บไว้ให้ดีนะ ถ้าแม่มีอีกจะส่งไปให้ ลูกอย่าลืมเขียนจดหมายมานะ "
" ค่ะ แค่นี้ใช่ไหมคะ ที่แม่จะให้หนู "
" จ้ะ ตอนนี้มีแค่นี้ ถ้ามีเพิ่มแม่จะส่งไปให้"
จือ รั่ว ฟังเฉย ๆ เธอไม่ตอบรับอะไรเพราะไม่คิดหวังว่าทางบ้านจะส่งเสียอะไรเธออีก พ่อแม่คงแค่พูดเพื่อไม่ให้เธอสร้างปัญหา ให้แค่นั้น พอเธอไปแล้วก็คงจะโล่งใจที่ไม่มีตัวภาระอย่างเธอในบ้านหลังนี้ อีก
ถึงเวลาเดินทางทุกคนออกมายืนส่งเธอที่หน้าบ้าน รั่วรั่ว สะพายกระเป๋าเดินลงมาจากห้อง
" รั่วรั่ว อย่าลืมส่งจดหมายมานะ " เจียอี
" พี่สาวรอง " จางหมิ่น
" รั่วเอ๋อ ดูแลตัวเองดีดีนะลูก " แม่
จือรั่ว เพียงพยักหน้า สุดท้ายเธอก็เป็นเด็ก 14 ปี ที่มีความกลัว และต้องการความรัก แต่ด้วยอคติในใจ เธอจึงแค่ เดินออกมาจากบ้านพร้อมพ่อ
ถึงสถานีรถไฟ
" รั่วเอ๋อ ดูแลตัวเองนะ อย่าไว้ใจใครบนรถไฟ มีอะไรให้แจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟนะ "
" ค่ะ "
" อืม " พ่อได้แต่มองตามลูกสาว ที่ไม่แม้จะบอกลา แต่ความละอายใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกสาวได้ เลย ก็ได้แค่เดินคอตก กลับไปเพื่อไปทำงานต่อ เพราะลางานมาแค่ 2 ชม.
**********************************
ภาพตัดมาที่หมู่บ้านเจียโกว ที่ จือรั่ว อยู่อีกครั้ง
ยัยคนนี้คงไม่ติดต่อทางบ้านเลยสินะ ทางบ้านคงรอจดหมาย จนแห้งแล้วมั้ง ฉันคิดในใจ
คนสมัยนี้แปลกแฮะ แค่พูดจาตรง ๆ ไม่เรียบร้อยก็ถือว่าร้ายกาจเสียแล้ว ดูแล้ว จือรั่วคนนี้ก็แค่ เป็นคนตรง ๆ ไม่ชอบช่วยเหลือใคร ไม่ยุ่งกับใคร พูดด้วยก็นิ่งใส่ ด่ามาด่ากลับ ก็แค่นั้น ร้ายตรงไหน หึหึ แต่ใครท่าทางเรียบร้อย อ่อนแอ เดินสามก้าวล้ม กลับน่าทนุถนอม เป็นดี ซะงั้น โลกนี้อยู่ยาก เหมือนกัน ดีที่ฉันไม่ทะลึ่ง มาเกิดในสมัยนี้ ไม่งั้นฉันคงร้ายกาจ ไม่ต่างจากยัยจื่อรั่ว นี่หรอก .
ดูไปก็คืดตามไป ว่าแต่หนังเรื่องนี้จะจบเมื่อไหร่ ฉันดูจนเบื่อแล้วนะ ถ้าฝันไม่ใช่นอนข้ามวันข้ามคืน เลยหรือไง
" ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ รั่ว รั่ว ตื่นยัง " กิ๊ฟซี่
"อืม ตื่นได้เสียที ทำไมฝันเรื่องเดียวทั่งคืนเลยเรา"
พอได้ยินเสียงเรียกที่ประตู ความฝันหายไป ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็อด แปลกใจไม่ได้ แต่ก็ลุกไปเปิดประตูให้ เพื่อนก่อนที่มันจะพังประตูเข้ามา
" นี่อย่าบอกว่า พึ่งตื่นนะ แล้วเมื่อคืนไม่ได้นอนหรือไง ถึงดูท่าทางเพลีย " กิ๊ฟซี่
" นอน สิแต่ฝันเยอะไปหน่อย เลยเหมือนนอนไม่เต็มตา หน่ะ รอฉันอาบน้ำแต่งตัว แป๊บ นะ "
" ย่ะ รีบเถอะ สายแล้วเดี๋ยวร้อน "
" จ้ะ คุณนาย "
ว่าเสร็จก็เดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว ในห้องน้ำ
30 นาทีผ่านไป ทุกคนออกมารอรถที่โรงแรมจัดไว้ให้พาไปวัด.. ที่จะไปไหว้ขอพร
ระหว่างทาง คนของโรงแรมได้กล่าวแนะนำสถานที่ สำคัญและความศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ให้ฟัง ก็ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน ทุกคนก็ฟังไป ก็มีสอบถามบ้าง บางส่วน ใน 3 คนที่มาฉันฟังภาษาจีนได้ คนเดียวแต่ไม่ได้บอก พนักงาน จะรู้แค่เพื่อนฉันเท่านั้น เวลาพนักงานพูดอะไรที่ไม่ได้คุยกับเราก็จะพูดภาษาจีน
" อาฟู่ฟง ไปจอดใกล้ๆ ศาลที่นักท่องเที่ยวชอบมานะ พวกคุณ ๆ เขาจะไหว้ศาลก่อน " พนักงานพนักงานสั่งคนขับรถเป็นภาาษาจีน
" ดิฉันจะให้รถไปจอดใกล้ๆที่พวกคุณจะไปนะคะ เพราะบริเวณวัด กว้างขวางมาก " ภาษาอังกฤษ
" ขอบคุณค่ะ/ครับ "
รถจอดตรงลานจอด ที่มางวัดจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยว ตอนนี้ไม่ใช่หน้าหนาว และไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวทำให้ ไม่ค่อยมีคนมากนัก ส่วนใหญ่คงมาไหว้พระขอพร กันอย่างเดียว
เมื่อเดินเข้ามาบริเวณ ศาลเจ้า มีคนกำลังจุดธูปหอมกลิ่นอบอวลไปทั่วบริเวณ ทั้งเสียงสวดมนต์เบาๆ เสียงบเขย่าเซียมซี บ้างเล็กน้อย ก็ทำให้บรรยากาศดูเคร่งขลัง ขึ้นไปอีก ขณะที่กิฟซี่กับน้องนัท ไปจุดธูปหอมที่ทางวัดจัดไว้ให้ ฉันเดินเข้าไปในส่วนของด้านข้าง ๆ ผนังเพราะสนใจภาพต่าง ๆ จะจัดห้อยไว้ให้ดูสวยงาม มีทั้งภาพวาดเหมือนจริง ภาพถ่าย โบราณ น่าสนใจอย่างมาก คงเป็นอาริยะธรรม ของสถานที่แห่งนี้
เดินดูไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดกับชื่อหมู่บ้าน เจียโกว ภายในภาพเป็นรูป ภูเขาและ บ้านเรือนต่างๆ เป็นภาพวาด เสมือนจริง
" เหมือนเคยได้ยินชื่อหมู่บ้านนี้เลย ภาพก็คุ้น ๆ แฮะ เหมือนเคยเห็น หึหึ"
จือรั่วลืมเรื่องความฝันของตัวเองไปแล้วเพราะไม่ได้จริงจังกับเรื่องฝันมากมาย
" แม่หนู " เสียงเรียกจากหญิงวัยกึ่งชราแต่ไม่มากเทียบอายุ คงประมาณ 50+ ต้น ๆ
" ค่ะ เรียกฉันหรือค่ะ" ฉันถามกลับเป็นภาษาจีน ตามคำเรียก
" จ้ะ หนูมาเที่ยวใช่ไหม แล้วเมื่อไหร่ จะกลับมาหล่ะ "
" เอ่อ ค่ะ มาเที่ยว แต่คุณป้าหมายถึงกลับมาไหนคะ"
" ก็กลับมาที่นี่ไง "
" หนู งงไปหมดแล้วค่ะ หนูเป็นคนไทยค่ะ คุณป้า ไม่ได้อยู่ที่นี่ ที่มานี่มาเที่ยวเฉย ๆ ค่ะ "
ฉันพบยายามอธิบาย คุณป้าก็ยังยืนยิ้มแฉ่งทำเป็นไม่เข้าใจ อยู่อย่างนั้น
" ตรงไหนที่ไม่ใช่ที่ของเรา ก็อยู่ได้ไม่นาน ถึงเวลาก็ต้องกลับมาอยู่ที่ตัวเอง "
" หึหึ คุณป้าล้อหนูเล่นแน่เลย หนูเกิดที่นั่น ก็ต้องเป็นที่ของหนูอยู่แล้วค่ะ "
" จ้ะ รอถึงเวลาหนูจะรู้เองนะ "
"....."
ป้ายื่นกำไรหยกสีเขียวจักรพรรดิ น้ำงามมาให้ ฉันยังไม่กล้ารับ เพราะกลัวเป็น มิจฉาชีพมาหลอก
" ไม่ต้องกลัวหรอกป้าไม่ใช่มิจฉาชีพ แน่นอนของสิ่งนี้เป็นของหนู หนูรับไปแล้วของสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหนูในภายหน้า "
" ของหนูหรือค่ะ "
"จ๊ะ " พอตอบกลับคุณป้าก็หยัดกำไรหยกเข้ามาในมือของฉัน เรียบร้อยแล้ว
" รั่ว รั่ว ยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น มาไหว้เร็วเข้าจะได้ไปเดินดูทั่ว ๆ กัน " กิ๊ฟซี่
" อ๋อ ฉันกำลังยืนคุยกับคุณ เอ้าไปไหนแล้วหล่ะ"
" แกจะบ้าเหรอ ฉันเห็นแกยืนมอง รูปภาพนั้นอยู่คนเดียว ตั้งนานแล้วจึงเดินมาตามเนี๊ยะ "
"....."
ฉันมองดูที่มือ ปรากฏว่า กำไรหยกนั้นได้หายไปด้วย แต่พอสังเกตุดี ๆ กับมีปานเล็ก ๆ กลมๆ อยู่ตรงกลางฝ่ามือด้านซ้ายของฉัน แต่หากไม่สังเกตุดี ๆ ก็คงมองไม่เห็น ฉันเดินตามเพื่อนออกมา และจุดธูปหอมไหว้เทพเจ้าตรงนั้นเสร็จก็เดินออกมาจาก ศาลเจ้านั้น ฉันมองไปตรงรูปภาพที่ยืนดูเมื่อกี้ ก็เห็นคุณป้า ยืนยิ้มพร้อมโบกมือให้อยู่ ในความรู้สึกไม่ได้กลัวว่าเป็นผี หรืออะไร จึงแค่ยิ้มให้แล้วก็จากมา ถึงจะสงสัยอยู่มากก็ตาม
เดินจนทั่วบริเวณวัด พอเหนื่อยจึงได้เดินทางกลับโรงแรมที่พัก
" พรุ่งนี้แกจะไปไหน อีกเปล่า " จือรั่ว
" ฉันยังไม่มีโปรแกรม ว่าแต่น้องนัท มีโปรแกรมไปไหนต่อใหมค่ะ " กิ๊ฟซี่ตอบเพื่อนเสร็จก็หันไปถามผู้
" ผมได้มาที่อยากมาแล้วที่เหลือพวกพี่ อยากไปไหน ก็ตามสบายได้เลยครับ "
" อืม เราไปปักกิ่งไหม อยากเจอตี๋เล็กไม่ได้เจอนานแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ปักกิ่ง แต่ขอเช็คอีกทีก่อนเอาชัวร์ ฃดีกว่า "
" อืม ได้สิคิดถึงน้องชายแกเหมือนกัน ที่สำคัญ คอลเลคชั่นใหม่ แกอย่าลืมให้ ตี๋เล็กใส่ถ่ายลงโปรโมท ให้ด้วยหล่ะ "
" เหอะ อันนั้นมันแน่อยู่แล้วถึงฉันไม่บอกตี๋เล็กก็จอง ทุกแบบที่ฉันทำออกมาอยู่ดี นี่ใครจ๊ะ "
" จ้า แม่ดีไซน์เนอร์มือโปรของฉัน"
" 5555แน่นอน ๆ"
กลับถึงโรงแรม จึงต่อสายหาน้องชายเล็กทันที
" ครับ เจเจ้ ว่าไงคิดถึงน้องชายมากหรือครับถึงสละเวลาอันมีค่าโทรมาได้เนี๊ยะ"
" ย่ะ ถ้ารอแกโทรมาหาเจ้ คงจะชาติหน้า แน่ๆ ว่าแต่ตอนนี้แกอยูเมืองไหนอะ "
" เดี๋ยวนะ นี่เจ้อยู่ไหนครับ"
" 5555เจ้มาจีน อยู่อันหยาง "
" ผมอยู่เหอเปย์ เมืองฮานดีง นี่เองพึ่งมาถ่ายปกนิตยสาร ที่นี่ ถ่ายเสร็จแล้วพรุ่งนี้ว่าจะกลับปักกิ่ง "
" เฮ้ย จริงดิพรุ่งนี้เจ้ว่าจะไปหาอยู่พอดี ใกล้ๆนี่เอง "
" ดีเลย เดี๋ยวพาทัวร์ให้ทั่วเลย เจ้อยากไปไหนบอกมาเลย "
" พรุ่งนี้เจ้ให้รถโรงแรมไปส่งหานะ ค่อยเจอกัน "
" เจ้ อยากเที่ยวอันหยางก่อนไหมไหนๆก็มาแล้ว เดี๋ยวผมไปหาเจ้ที่โรงแรม "
" อืมก็ได้ เที่ยวที่ไหนก็ได้แค่เจ้ได้เจอตี๋เล็ก ก็ดีใจแล้วไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจออีก "
" เจ้ นี่พูดอะไร ปีหน้าผมจะกลับไปเมืองไทย แล้วเพราะต้องไปทำงานที่นั่น หลายเดือนเลย หล่ะ "
" ดีสิ พรุ่งนี้มาหาเจ้ ใช่ปะเดี๋ยวส่งที่อยู่ให้ นะ"
" ครับ "
พอคุยกับตี๋เล็กเสร็จ ก็ไปบอกกิฟซี่ เสร็จแล้วจึงกลับมาที่ห้อง เพื่อพักผ่อน.
🙏🙏 ขอบคุณรี้ด ทุกท่านจ้า ♥️
# ยังไม่ไดตรวจคำผิด ☺️