“ผมประวิทย์ครับ คุณปัญญ์ให้ผมมารับคุณเล็กไปที่ไร่ครับ” ประวิทย์เอ่ยบอกพร้อมกับสำรวจหญิงสาวตรงหน้าขึ้นลงอย่างถูกใจ นับว่าคุณหญิงอุสาร้ายไม่ใช่น้อยที่ส่งตัวเธอคนนี้มาที่นี่เพื่อมัดใจลูกชายท่าน หญิงสาวดูสวยอ่อนหวานและน่ามองมากกว่าใครคนไหนที่เคยพบเจอมา แต่แค่ความสวยอ่อนหวานเพียงอย่างเดียวคงอาจไม่พอที่จะมัดใจเจ้านายของเขาก็เป็นได้ แต่เรื่องแบบนี้หากไม่ลองสักตั้งก็คงไม่รู้คำตอบ บางทีเธออาจมีดีซ่อนอยู่มากกว่าที่ตาเห็น และเขาก็มั่นใจสายตาตัวเองว่ามองคนไม่ผิด
“ขอบคุณคุณประวิทย์มากนะคะที่อุตส่าห์มารับเล็กถึงที่นี่ ถ้างั้นเราไปกันเลยไหมคะ”
พิมพ์พิมลเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายก่อนประวิทย์จะพยักหน้ารับพร้อมอาสาช่วยหญิงสาวยกกระเป๋าเดินทางใบเล็กเดินไปยังรถกระบะคันเก่าสีแดงที่จอดรอไม่ไกลจากจุดที่เขาและเธอยืนอยู่เท่าไหร่
“ที่นี่อากาศดีจังเลยนะคะ ไม่เหมือนกรุงเทพที่มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด” หญิงสาวเปิดฉากชวนคุยเพราะไม่อยากให้ความเงียบเข้าครอบงำภายในรถ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่ขับก็ลอบยิ้มก่อนจะหันมาตอบ
“นี่ยังถือว่าน้อยนะครับ ถ้าถึงไร่เมื่อไหร่คุณเล็กจะหลงรักจนลืมทางกลับกรุงเทพไปเลย”
พิมพ์พิมลยิ้มรับ อยากให้ถึงที่หมายโดยเร็วเช่นกัน แต่เธอไม่ได้อยากเห็นไร่ส้มไปมากกว่าเจ้าของของมันสักเท่าไหร่ นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอหน้าเขา ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเลิกนิสัยเย็นชาปากร้ายไปมากน้อยแค่ไหน หรือบางทีอาจจะมากขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เธออึ้งไปเลยก็ได้ ก็อย่างว่านิสัยร้ายๆนั่นน่ะแก้ยากจะตายไป
และเธอก็รู้..ว่าคนแบบนั้นคงไม่คิดเปลี่ยนแปลงตัวเองแน่ๆ
“คุณปัญญ์เขาเป็นยังไงบ้างคะ” เนิ่นนานหลายนาทีกว่าที่หญิงสาวจะสามารถกลั้นใจถามถึงสิ่งที่อยากจะรู้มาตลอดออกไป
“นายเป็นคนจริงจังครับ บางทีก็เงียบขรึม บางทีก็ติดตลก แต่เราทุกคนที่นี่รักนาย แต่ผมว่าอีกไม่นานทุกคนก็จะรักคุณเล็กด้วยเหมือนกันครับ” คนได้ฟังคำตอบขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถาม
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ถ้านายรักใครพวกเราทุกคนที่นี่ก็พร้อมที่จะรักด้วยไงครับ” พิมพ์พิมลเงียบไปนานนับนาทีเมื่อได้รับคำตอบ รักอย่างงั้นเหรอ นั่นน่ะมันคือสิ่งที่ยากที่สุดของการมาที่นี่ของเธอเลยเชียวล่ะ
เพราะเท่าที่จำความได้คนๆ นั้นไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง เขาไม่เคยมีคนรัก จะมีก็แค่ผู้หญิงชั่วคราวที่เขาอนุญาตให้เข้ามาในชีวิตได้ช่วงเวลาหนึ่งจากนั้นก็แยกย้ายไปเมื่อต่างฝ่ายได้สิ่งที่ต้องการ เธอจึงไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถพอที่จะทำให้เขารักได้ แต่หากเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังล่ะก็มันคงล้นเต็มหัวใจ
เขาไม่ชอบเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้า
อาจเป็นเพราะแม่ของเขาอยากจะมีลูกสาวมาโดยตลอด เมื่อพ่อของเธอเข้ามาทำงานกับพ่อเขาในฐานะคนสนิท เธอซึ่งเป็นลูกคนเดียวของท่านจึงติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกครั้ง และเมื่อเจอกันคุณหญิงทิพย์โสภาก็ไม่รีรอที่จะอาสาช่วยเลี้ยงดูเธอให้ในระหว่างที่พ่อเธอและพ่อเขาต้องเดินทางไปทำงานด้วยกันบ่อยๆ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวของเขามากขึ้น แต่ดูเหมือนจะมีแต่เขาเท่านั้นที่ตั้งแง่กับเธอเพราะอิจฉาที่แม่เขาเอาใจใส่เธอให้ได้เห็น
แต่ทั้งหมดนั้นท่านก็ทำไปเพราะความเมตตาเอ็นดูเท่านั้น เธอรู้ดีว่าคนที่ท่านรักจริงๆ นั้นมันก็คือเขาและเป็นเขามาโดยตลอด
เพราะคงไม่มีใครที่ไหนจะรักคนอื่นได้มากกว่าลูกตัวเองหรอก แต่ดูเหมือนรังสิมันต์จะคิดต่าง เขาเอาแต่คิดว่าเธอจะมาแย่งทุกสิ่งไปจากผู้เป็นแม่ ก็เลยหาเรื่องแกล้งเธอได้ไม่เว้นแต่ละวันจนคุณหญิงอุสาต้องปวดหัวอยู่บ่อยๆ ความสัมพันธ์ของระหว่างแม่ลูกที่ถอยห่างยังไม่สามารถสะสางได้สำเร็จข่าวร้ายของการสูญเสียก็ดันมาเกิดขึ้นเสียก่อน รังสิมันต์เสียใจกับการจากไปของพ่อเขาเป็นอย่างมาก นั่นเป็นเหตุทำให้เขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างมาที่นี่
เพราะเขารู้ว่าพ่อของเขารักไร่ส้มแห่งนี้มากกว่าอะไรทั้งหมด จึงอยากสานต่อเจตนารมณ์ของท่านให้เป็นจริงด้วยการดูแลมันให้ดี ละทิ้งภาพหนุ่มชาวกรุง เปลี่ยนผันตัวเองมาเป็นชาวไร่อย่างเต็มตัว แม้ว่าผู้เป็นแม่จะค้านหัวชนฝาแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจเขาได้ คนอย่างรังสิมันต์ลองได้ตัดสินใจอะไรแล้วไม่เคยเปลี่ยนใจ
นั่นแหละเขา!
ใช้เวลาเดินทางนานเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ในที่สุดรถกระบะที่อาศัยนั่งมาก็เลี้ยวเข้าสู่ไร่ปลายตะวัน พิมพ์พิมลรู้ได้เพราะเห็นป้ายชื่อเล็กๆ ที่ติดอยู่ข้างๆ อาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ของสิ่งตรงหน้าทำให้หญิงสาวตื่นเต้นไม่น้อยที่ในที่สุดก็มีโอกาสได้มาเหยียบมันเสียทีหลังจากที่จะได้ยินแต่เสียงเล่าขานถึงความสวยงามของธรรมชาติที่ถูกรวมไว้ที่นี่ได้อย่างลงตัว ต้นส้มนับพันต้นที่อยู่โดยรอบตัวทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข ‘เธอรักส้ม’ แล้วก็รักเจ้าของของส้มด้วย รักอย่างที่ไม่เคยคิดจะรักใครมาก่อน
ไม่นานรถก็จอดสนิทลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง หญิงสาวรีบพาตัวเองเดินลงจากรถโดยมีประวิทย์เดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่ตอนนี้มีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังยืนยิ้มรออยู่ด้านใน เมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินเข้ามาภายในถึงได้ร้องทักอย่างเป็นมิตร
“คนนี้เหรอพี่ คุณเธอสวยจังเลยพี่” เด็กสาวเริ่มต้นกระซิบถามทันทีที่พบตัวคนสำคัญของนายหญิงที่โทรมากำชับให้เธอเตรียมรอต้อนรับ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ดูแลเธอให้ดีชนิดที่ยุงไม่ให้ไตไรไม่ให้ตอมอีกด้วย ซึ่งคำสั่งของนายใหญ่ใครที่ไหนเลยจะกล้าขัดใจ
“นี่ลูกตาลครับคุณเล็ก เป็นสาวใช้คนเดียวของบ้าน ส่วนนี่คุณพิมพ์พิมลแขกของนาย” เด็กสาวรีบยกมือขึ้นไหวพร้อมทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณพิมพ์พิมล”
“สวัสดีจ๊ะลูกตาล ลูกตาลเรียกฉันว่าเล็กเฉยๆ ก็ได้นะ” พิมพ์พิมลรับพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้เด็กสาวตรงหน้าที่อายุน่าจะห่างกับเธอไม่เท่าไหร่ ท่าทีเป็นกันเองของทุกคนทำให้เธอคลายกังวลไปไม่น้อยเลย อย่างน้อยๆ ที่นี่ก็ยังมีคนเต็มใจต้อนรับการมาของเธอ แม้ว่าจะมีเพียงคนเดียว แต่นั่นมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีมากขึ้นเพราะอย่างน้อยเธอจะได้มีใครสักคนไว้ปรับทุกข์ในเวลาเหงาซึ่งมันก็คงดีกว่าการที่ต้องทนอยู่ตามลำพังกับตัวเองเป็นไหนๆ
“ค่ะคุณเล็ก คุณมาเหนื่อยๆ ไปนั่งพักก่อนนะคะเดี๋ยวลูกตาลเอาน้ำมาให้ค่ะ แล้วนี่พี่จะกลับบ้านหรือไปที่ไร่พี่วิทย์” ลูกตาลเอ่ยชวนพร้อมหันกลับกันไปถามประวิทย์ที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ตนเอง