Demon Talk
"ซารังล่ะ?"
ผมเอ่ยถามแม่บ้านที่กำลังปัดฝุ่นอยู่ตรงราวบันได เมื่อคืนหลังจากที่ซารังหลับไปผมก็อุ้มเธอไปอาบน้ำและสวมชุดนอนลายใหม่ที่แอบซื้อมาไว้ให้ แต่พอตื่นมาตอนเช้าคนในอ้อมแขนก็หายไปเหลือแค่ความว่างเปล่า
"คุณหนูซารังบอกว่าจะไปเที่ยวสักเจ็ดวันค่ะ"
"เจ็ดวัน!"
บ้าไปแล้วรึไงวะ! ผมรีบหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาเด็กดื้อที่หิ้วกระเป๋าหนีออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังมืด แต่สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือสัญญาณที่บอกว่าเธอปิดเครื่อง ผมรู้ดีว่าเมื่อคืนรุนแรงกับเธอมากเกินไปส่งผลให้เช้านี้ซารังจึงประชดด้วยการหนี
"สตีฟ ส่งคนตามหาซารังให้เจอภายในวันนี้!"
ผมร้อนใจจนแทบบ้าที่เธอกล้าไปไหนมาไหนคนเดียว ซารังรู้ว่าชีวิตเธออาจจะตกอยู่ในอันตราย แต่ก็กล้าออกไปเสี่ยงเพราะโกรธกับสิ่งที่ผมทำ
...กลับมาเมื่อไหร่จะล่ามโซ่ไว้ให้เข็ด!
"ผมจัดการส่งคนตามหาคุณหนูแล้ว นายจะเข้าบริษัทเลยมั๊ยครับ?"
เป็นห่วงคนตัวเล็กมากแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน ผมรีบสวมสูทและส่งกระเป๋าเอกสารสำคัญให้สตีฟรับไปดูแลก่อนจะรีบขึ้นรถเพื่อเข้าประชุมให้ทันเวลา
ภายในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวางแต่บรรยากาศชวนอึดอัด ผมจ้องจอโปรเจคเตอร์ที่ฉายรายงานประจำปีจากทุกแผนกในบริษัทด้วยสีหน้าคาดว่าน่าจะเคร่งเครียดพอตัว เพราะเมื่อไม่นานมานี้มีโรงงานใหม่เปิดขึ้นพร้อมเสนอราคาที่ถูกกว่าให้ลูกค้าทุกคนของผมทำให้บางส่วนตัดสินใจย้ายไปใช้บริการของโรงงานใหม่ที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าใครอยู่เบื้องหลัง
...ที่สำคัญข้อมูลลูกค้าหลุดไปถึงฝั่งนั้นได้ยังไง?
ผมมองเลขาหน้าจืดข้างๆที่กำลังจดบันทึกอย่างตั้งอกตั้งใจก่อนจะเหลือบมองไปเห็นรอยแผลที่โผล่ออกมาจากเเขนเสื้อของเธอ ผมจ้องแผลนั้นด้วยความสงสัยจนเธอรู้ตัวเเละช้อนตาขึ้นมามอง
"มีอะไรเหรอคะท่าน?"
"ไม่มีอะไร ลายมือเธอสวยดี"
ผมพูดกลบเกลื่อนและหวังว่าเธอจะไม่สนใจ กว่าจะสิ้นสุดการประชุมก็ปาไปเกือบบ่ายโมงซึ่งกินเวลายาวนานถึงสี่ชั่วโมงที่ผมต้องนั่งหลังแข็งฟังรายงานน่าเบื่อ
"ข้อมูลรั่วเยอะเกินไปจนผมกังวลว่า..."
"ไม่มีอะไรน่ากังวล ถ้ามันทรยศก็แค่ฆ่าทิ้ง ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง!"
"นายสงสัยใครครับ?"
สตีฟเอ่ยถามขึ้นระหว่างที่เรากำลังจะเดินทางไปนนทบุรี ซึ่งคนของผมรายงานมาว่าเจอเธอกำลังเดินซื้อขนมกินอยู่แถวนั้น ไอ้เราก็คิดว่าจะไปนั่งร้องไห้งอแงอยู่แถวไหน ที่แท้ก็ไปเดินเที่ยวสบายใจคนเดียว
...มันน่าจับมาตีก้นจริงๆ!
"ทุกคน"
"ผมด้วยเหรอครับ?"
"ทุกคน ยกเว้นนาย"
สตีฟไม่มีวันทรยศผมเพราะครอบครัวเขาติดหนี้บุญคุณผมอยู่มากจนชดใช้ทั้งชาตินี้ก็ไม่หมด ในอดีตเขาเคยเป็นคนซื่อบื้อมาก่อน แต่หลังจากมาอยู่กับผมไม่นาน ผมก็ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ซึมซับหาวิธีเอาตัวรอด สตีฟหัวไวไม่นานก็สามารถขึ้นมาเป็นมือขวาของผมได้แถมยังช่วยดูแลซารัง เป็นคนที่ซารังไว้ใจ
"ขอบคุณนายที่ไว้ใจผม"
"อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน"
เขาพยักหน้าด้วยสายตามุ่งมั่นจริงจังเหมือนวันแรกที่เขาขอเข้ามาทำงานรับใช้ผม สตีฟเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อ บางครั้งเวลาที่เขาทำงานดีผมก็มักจะหยิบยื่นน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้ เช่นผู้หญิงสวยๆสักคนให้เขาได้คลายเหงา
"นายมีบุญคุณกับผมมาก ผมไม่มีวันทรยศผู้มีพระคุณ"
"จำคำพูดนายไว้ให้ดีก็พอ"
"ครับ"
ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงสถานที่ที่คนของผมบอกว่าเห็นซารังเดินอยู่ สตีฟเดินนำไปยังพิกัดของลูกน้องที่กำลังติดตามดูซารังไว้ไม่ห่างก่อนที่เราจะเจอกับเป้าหมายที่นั่งอยู่ริมน้ำโยนอาหารให้ปลาด้วยท่าทางมีความสุข
เธอสวมเดรสสีแดงยาวเลยเข่าขึ้ยมาจนเห็นต้นขาขาวเนียน บนหลังสะพายกระเป๋เป้ใบเล็กๆและสวมหมวกสีขาว แถมยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะอีก
...คิดจะปลอมตัวแต่ไม่เนียนสักนิด
"อย่าแย่งกันสิน้องปลา'
ผมเดินเข้าไปใกล้และฟังเธอคุยกับปลาที่กำลังไล่เเย่งอาหารกันจนน้ำกระเด็น ซารังเทอาหารลงในน้ำจนหมดถุงก่อนจะลุกยืนขึ้นและหันหลังมาทางนี้พอดี
"เฮีย!"
เธอทำท่าจะวิ่งหนีจนผมต้องรีบวิ่งตามไปจับและยกร่างเล็กพาดบ่าพร้อมกับฟาดมือลงบนก้นเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว
"ปล่อยซารังนะ! ช่วยด้วย อ๊ะ!"
ผมโยนเธอเข้าไปในรถก่อนจะตามเข้าไปและรั้งร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก สตีฟที่วิ่งตามมาจึงย้ายไปนั่งข้างหน้าพร้อมกับดึงฉากกั้นปิดระหว่างเบาะหน้าและเบาะหลังอย่างรู้งาน
"อย่าดิ้นซารัง!"
ยิ่งดิ้น อะไรๆมันก็ยิ่งถูกสัมผัสและถ้าหากเธอยังไม่หยุดดิ้นจนมันตื่นขึ้นมา วิธีเดียวที่จะหยุดมันได้ก็คือเอาดาบจุ่มน้ำนั่นแหละ
...ผมรู้ว่าทุกคนรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
"ก็ปล่อยซารังไปสิ! จะมาจับซารังไว้ทำไม!"
จะให้ปล่อยเธอไปเจอกับอันตรายข้างนอกผมทำไม่ได้หรอก ซารังต้องปลอดภัยใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอได้นอกจากผม และถ้าหากพวกศัตรูมันรู้ว่าพักนี้ซารังออกไปไหนมาไหนตามลำพังบ่อยๆ พวกมันต้องเคลื่อนไหวแน่!
...และผมยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด ซารังสวยขนาดนี้ถ้าโดนจับไปคงไม่ต้องคิดเลยว่าเธอจะโดนอะไรบ้าง!