Demon Talk
"ฆ่ามันให้หมด!"
สิ้นเสียงปืนพื้นซีเมนต์ก็เกลื่อนไปด้วยซากศพ ผมกระชับปืนในมือแน่นเมื่อเห็นเหยื่อรายสุดท้ายที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างเสียขวัญ
...เด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสามขวบที่ผมสะดุดสายตาเมื่อเจอหน้าเพียงครั้งแรก
"นายครับ ผมว่า..."
"หุบปากซะเดม่อน!"
ผู้เป็นนายตวาดลั่นใส่ผมแต่เสียงดังสนั่นนั้นส่งผลให้เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งและส่งเสียงร้องไห้ด้วยความกลัวที่ดังกว่าเดิม
"ฆ่ามันซะเดม่อน!"
ผมในวัยสิบแปดชีวิตพลิกผันต้องมาติดหนี้บุญคุณนักฆ่ารับจ้างที่ทั้งเลือดเย็น เหี้ยมโหด และไร้ความปราณี ตลอดเวลาสี่ปีที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดขัดขวางหรือต่อต้านนาย แต่เพราะเด็กผู้หญิงตรงหน้าทำให้ผมตัดสินใจหันปากกระบอกปืนไปทางนายอย่างไม่ลังเล
ปัง!
ร่างสูงใหญ่ล้มตึงเพียงกระสุนนัดเดียว ผมไม่ได้ตื่นตกใจกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่เพียงได้ช่วยเหลือเด็กน้อยให้รอดพ้นจากความตายเท่านั้นแต่จากนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของนายจะตกเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว
...รวมทั้งเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ด้วย
15ปีต่อมา
ผมโยนแฟ้มเอกสารที่ปรากฏร่องรอยการทุจริตของหุ้นส่วนรายใหญ่ลงบนพื้นจนแผ่นกระดาษในนั้นหลุดกระจายออกมาเต็มพื้น ร้อนถึงเลขาสาวหน้าจืดที่ต้องตามเก็บจนหัวหมุน
"ไปตามสตีฟมาหาฉัน!"
"ค่ะ ท่านประธาน"
ผมหมุนเก้าอี้หันออกไปทางกระจกเหม่อมองออกไปนอกตึกหวังผ่อนคลายความตึงเครียด สิบกว่าปีที่ผ่านมาผมต่อสู้ดิ้นรนฝ่าฟันจนมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าใครที่มันกล้าลองดีคิดล้มล้างอำนาจของผม รับรองได้ว่ามันต้องไม่ตายดี
"ผมมาแล้วครับ"
ร่างสูงราวร้อยแปดสิบกว่าก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งเย็นชาแฝงไปด้วยกลิ่นไอความเย็นยะเยือก
สตีฟคือตัวอย่างของลูกน้องที่ซื่อสัตย์ภักดิ์ดี หลายปีก่อนผมช่วยเหลือเขาไว้จากพวกนักเลงข้างถนน ไม่เท่านั้นผมยังซื้อใจเขาด้วยการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือแม่ของเขาที่ป่วยหนัก แม้เธอจะจากไปแล้วแต่บุญคุณที่ผมมีต่อริวทำให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะอยู่รับใช้ผมด้วยชีวิต
"จะให้ผมลงมือเลยมั๊ยครับ?"
ผมส่ายหน้า ถึงจะโกรธจนอยากบีบคอคนให้ตายคามือแต่ผมยังวู่วามไม่ได้เพราะคนทรยศไม่ได้มีแค่คนเดียว ในเมื่อคิดจะลงมือครั้งใหญ่ก็ต้องเตรียมแผนการให้รัดกุมและรอบคอบมากกว่านี้
...เเละเมื่อถึงวันนั้นผมจะระเบิดสมองพวกมันทีละตัวให้สาสมกับความผิดที่พวกมันกล้าลูบคมเดม่อน หวัง คนนี้
ชื่อของผมคือเดม่อน ทั้งที่เป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้นามสกุลหวังของอดีตเจ้านายที่ผมสังหารตายด้วยมือของตัวเองไปเมื่อสิบห้าปีก่อน ผมไม่ถือกับการนำนามสกุลคนที่ตัวเองฆ่ามาใช้เพราะต่อให้เขาไม่เต็มใจยังไงก็ลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อทวงคืนไม่ได้อยู่ดี
"เรื่องนี้ไว้ก่อน ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยพวกมันไปแน่!"
ผมละทิ้งเรื่องงานไว้ที่บริษัทไม่เก็บมาให้รกสมองยามมุ่งตรงกลับบ้าน นับตั้งแต่วันที่ผมนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทส่งออกอาวุธถูกกฏหมายชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไป ผมไม่สามารถไปไหนมาไหนโดยไม่มีบอดี้การ์ดล้มหน้าล้อมหลังได้ ความปลอดภัยของผมกลายเป็นเรื่องสำคัญเพราะศัตรูที่ล้อมรอบทั้งกลางแจ้งและในที่ลับทำให้ผมต้องระวังตัวเองตลอดเวลา
"ซารังกลับมารึยัง?"
ผมเอ่ยถามถึงเด็กสาวร่วมบ้านที่ไม่ได้เจอหน้ากันเกือบอาทิตย์ ใช่ว่าผมไม่กลับมาบ้านหรือเธอไม่อยู่บ้าน แต่ที่เราไม่เจอกันเพราะเธอจงใจหลบหน้าผม
"คุณหนูซารังอยู่ข้างบนค่ะ"
ผมเดินขึ้นบันไดมาหยุดยืนหน้าห้องของซารังก่อนจะเปิดประตูให้เกิดเสียงเบาที่สุด เเสงไฟสลัวๆจากโคมบนหัวเตียงทำให้ผมสามารถเห็นร่างบางที่นอนขดอยู่ในที่นอนโดนัทกลางห้องขนาดใหญ่อย่างชัดเจนเต็มสองตา
"ทำไมมานอนตรงนี้?"
คนถูกถามซุกหน้าลงกับตุ๊กตาหมีตัวโตไม่ยอมเงยหน้ามามองผมแม้แต่นิดเดียว
"ซารัง เงยหน้าขึ้นมา"
ไม่บ่อยนักที่ผมจะใช้เสียงเข้มกับเธอ นอกซะจากว่าเด็กคนนี้จะดื้อจนผมต้องใช้ไม้ตายข่มเธอด้วยน้ำเสียงเเข็งเข้มไร้ความอ่อนโยน
เด็กสาวที่ดื้อดึงเมื่อครู่ยอมดันตัวลุกขึ้นมาจากที่นอนนุ่มก่อนจะนั่งหลังตรงแต่ใบหน้ายังคงความบูดบึ้งไม่พอใจ ในดวงตามีน้ำตาคลอขังอยู่เล็กน้อย คิ้วสวยขมวดเป็นปม ปากสวยได้รูปคว่ำงอง้ำ บ่งบอกอารมณ์คนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี
"เป็นอะไร?"
ผมใช้นิ้วชี้ช้อนคางเธอขึ้นแต่จนแล้วจนรอดสายตาเธอก็ยังคงหลุบต่ำไม่มองผมแม้แต่นิดเดียว
มีบางครั้งที่ผมแอบคิดว่าถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่เลี้ยงเธอแบบตามใจโดยเด็ดขาด คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ใครจะไปเชื่อว่าเด็กน้อยตาใสในวันนั้นโตมาจะดื้อรั้นจนน่าตีได้ขนาดนี้
"ซารังไม่ได้เป็นอะไร"
ปากบอกไม่เป็นอะไรแต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ผมรู้ว่าเธอยังโกรธเรื่องวันนั้น แต่ทำไงได้ ใครใช้ให้เธอยั่วโมโหผมก่อนล่ะ!
"ยังติดต่อกับไอ้รุ่นพี่นั่นอยู่รึป่าว?"
ต้นเหตุที่ทำให้ผมกับซารังทะเลาะกันก็มาจากไอ้หน้าตี๋ทายาทห้างดังที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับคนของผม แต่นั่นมันก็ไม่น่าโมโหเท่ากับการที่คนของผมยอมพูดคุยกับมันถึงขั้นพากันไปเที่ยวสองต่อสองกลับบ้านดึกดื่นจนผมต้องลงมานั่งรอไม่ได้หลับได้นอน
และแทนที่จะสำนึกความผิดที่กลับบ้านดึกไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง ยัยเด็กดื้อกลับเถียงผมคอเป็นเอ็นจนผมฟิวส์ขาด ลากเธอโยนลงเตียงจัดการชำระความจนถึงเช้า ไม่เท่านั้นผมยังจัดการยึดรถไม่ยอมให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียวอีกต่อไป
...ผมไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เพื่อความปลอดภัยของซารังต่อให้มากกว่านี้ผมก็จะทำ และผมรู้ว่าเธอรับรู้ได้ถึงความปรารถนาดีของผม