บทที่1 พี่ชายเพื่อน

1709 คำ
บทนำ “เฮียไม่ชอบให้มีนสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น หวง…เข้าใจไหม” เขากระซิบชิดริมหูของเธอ “แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ" หากเป็นในเวลาปกติมนต์มีนาก็คงจะไม่กล้าพูดออกมาตรง ๆ แต่ตอนนี้เธอไม่มีสติให้คิดไตร่ตรอง “ต้องเป็นก่อนใช่ไหมถึงจะหวงได้” สายตาที่มองลงมาเจิดจ้าลุกวาวชวนให้มนต์มีนาหนาวเยือกเย็นขึ้นมา ทั้งที่อุณหภูมิในห้องไม่ได้ส่งผลต่อร่างกาย “ทำไมไม่ตอบล่ะ” เสียงของพิชยะใกล้เข้ามาลมหายใจร้อนผ่าวเจือกลิ่นเหล้ากรุ่นอยู่ข้างแก้ม หญิงสาวถดตัวออกห่างจากเขา ยังไม่เคยผ่านเรื่องบนเตียงมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปิดหูปิดตาไม่รู้เรื่องพวกนี้ อยากผลักไสหากแต่ร่างกายกลับโอนอ่อน ลิ้นอุ่นร้อนฉวยโอกาสในจังหวะนั้นสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอ่อนนุ่มแล้วบดเบียด ลิ้นสากครูดสีไปกับเรียวลิ้นเล็กอย่างเนิบช้าแต่ไม่อ่อนโยน เธอเคยถูกพิชยะจูบมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ล้ำลึกเนิ่นนานกว่าทุกครั้ง เขาถอนริมฝีปากออก พรมจูบไปตามซอกคอ มนต์มีนาที่เพิ่งถูกล่อลวงด้วยจุมพิตร้อนแรงแทบไม่รู้ตัว เขาลงมือปลดเกาะอกของเธอออกไปตอนไหน “ย…อย่าค่ะ” เสียงของเธอสั่นพร่าหวาดหวั่นกับอารมณ์วาบหวามที่แล่นซ่านขึ้นมา ทว่าสัญชาตญาณก็บอกให้เธอยกมือขึ้นปัดป้องมือเขาออกห่าง แต่พิชยะกลับรวบมือเธอตรึงมันไว้เหนือศีรษะ รอยยิ้มชวนหวั่นไหวระบายอยู่ในดวงตาและบนริมฝีปากของชายหนุ่ม มือเรียวสวยของเขาเคลื่อนต่ำลงไป ข้อนิ้วไล้ลงบนเนินอกอิ่ม เรื่อยลงไปยังกึ่งกลางระหว่างทรวงอกกลมกลึงทั้งสองข้าง แก่นกลางกายปวดตุบ ๆ ขึ้นมาทั้งที่เม็ดประทุมถันมีซิลิโคนนุ่มนิ่มปกปิดอยู่ มนต์มีนาสูดลมหายใจลึกเข้า ปลายนิ้วของเขาลากลงมายังแผ่นท้องอ่อนนุ่ม ขนอ่อน ๆ บนร่างบอบบางลุกเกรียว ไม่ได้อยากคล้อยตามเขาแต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง หากแต่ก็ยังกำนิ้วจิกเล็บลงกลางฝ่ามือ ฝืนความรู้สึกอย่างยากลำบาก “ไม่ต้องกลัว” น้ำเสียงของพิชยะอ่อนโยนและนุ่มนวล กัดกร่อนอาการแข็งขืนต่อต้านของเธอลงทีละน้อย “เฮียจะทะนุถนอมมีนเอง” ว่าแล้วเขาก็ขบเม้มเนื้ออ่อนที่ข้างลำคอก่อนจะพูดประโยคต่อมา “วันนี้จะใช้แค่นิ้วกับลิ้นเท่านั้น” บทที่ 1 ค่ำคืนที่มีเม็ดฝนโปรยปรายลงมา หญิงสาวในชุดนักศึกษารัดรูปก้าวลงจากแท็กซี่สีเขียวเหลืองกลางเก่ากลางใหม่พร้อมกับตำราเรียนสามเล่มได้แล้วก็วิ่งฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาหนาตาไปยังตึกหลังใหญ่อย่างคุ้นชิน สามเดือนที่ผ่านมา ‘มนต์มีนา นรากุล’ อยู่ที่บ้านหลังนี้ในฐานะของผู้อาศัย ก่อนหน้านี้เธอมีครอบครัวที่อบอุ่น กระทั่งเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมาพ่อของเธอจับได้ว่าแม่ของเธอแอบคบชู้ จากนั้นทั้งสองคนก็มีปากเสียงกันรุนแรงเรื่อยมา จนในที่สุดก็ตัดสินใจหย่าร้างกัน สุรีพร แม่ของเธอเก็บกระเป๋าออกจากบ้านหลังจากเซ็นต์ใบหย่าเรียบร้อย ทิ้งให้เธออยู่กับ พิพัฒน์ เพราะหากจะพามนต์มีนาไปอยู่ด้วยสุรีพรก็กลัวจะมีปัญหาเพราะทางบ้านของสามีใหม่ไม่อนุญาตให้สุรีพรหอบลูกหอบเต้าไปอยู่ด้วย หลังจากนั้นมนต์มีนากับพิพัฒน์ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามลำพังสองพ่อลูก พิพัฒน์เป็นพนักงานบริษัทในตำแหน่งบัญชี รายได้แต่ละเดือนหลังจากหักหนี้สินถึงจะเหลือไม่มากแต่ก็พอเลี้ยงดูลูกคนเดียวได้ แต่ราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง สองเดือนต่อมาพ่อของเธอก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะนั่งแท็กซี่กลับมาที่บ้าน เมื่อไม่มีบิดาคนที่รักเธอสุดหัวใจแล้วมนต์มีนาก็ไม่เหลือใคร ครั้นจะให้มารดาเป็นที่พึ่งทางใจในยามนี้แต่กลับติดต่อไม่ได้ ก่อนจากไปสุรีพรได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ไว้ให้เธอ แต่เบอร์โทรนั้นกลับติดต่อไม่ได้ พอไปตามหาที่บ้านก็ไม่เจอใคร เพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงบอกว่าสุรีพรกับสามีไปต่างประเทศไม่รู้กำหนดกลับ ช่วงเวลาอ่อนแอยากลำบากต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งพิง มนต์มีนากลับไม่มีทั้งพ่อและแม่ เธอเศร้าเสียใจกับการจากไปของบิดาแต่ก็ต้องรีบตั้งสติ จัดการงานศพบิดาอย่างสมเกียรติเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ โดยมีเพื่อนสนิทและเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยมาช่วยงาน คราวแรกมนต์มีนาตั้งใจเอาไว้ว่าจะนำเงินประกันที่พิพัฒน์ทิ้งเอาไว้ให้ใช้จ่ายอย่างประหยัดเพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอก็จะเรียนจบมหาฯลัยแล้ว ต่อไปเธอก็จะมีงานทำ สามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อคนบนฟ้ามองลงมาก็จะได้มีความสุขและนอนตายตาหลับ แต่ยังไม่ทันจะได้เผาศพบิดาก็มีเจ้าหนี้มาทวงเงินเธอต่อหน้าโลงศพพร้อมกับเอกสารที่มีลายเซ็นของพิพัฒน์อยู่ นึกย้อนกลับไป ก่อนที่พ่อกับแม่ของเธอจะตัดสินใจหย่ากันไม่กี่วัน เธอเคยได้ยินทั้งสองคนทะเลาะกันรุนแรง เสียงทะเลาะที่ดังออกมาจากในห้องนอนของบิดามารดาพอให้จับใจความได้ว่าสุรีพรแอบไปกู้เงินนอกระบบ แต่จะเป็นเงินจำนวนเท่าไร และรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ก็เธอไม่รู้อะไรเลย เพราะตอนนั้นเธอต้องรีบออกไปมหาฯลัย และพิพัฒน์ก็ไม่เคยเปิดปากเล่าปัญหาในบ้านให้ฟัง เมื่อหลักฐานมัดตัวคนเป็นลูกจึงจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบเพื่อให้พิพัฒน์ได้ขึ้นสวรรค์อย่างขาวสะอาด แต่ยอดหนี้สองล้านบาทก็สูงเกินกว่าที่วงเงินประกันจะพอ สุดท้าย...เธอเลยจำใจต้องขายบ้านอันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่บิดาทิ้งเอาไว้ให้ แต่ทาวเฮ้าส์ทรุดโทรมในตรอกซอกซอยลึกก็ยากจะขายได้ราคาสูง เธอจึงยังขาดเงินอีกเจ็ดแสน เมื่อถึงคราวจำเป็นมนต์มีนาจึงนำเงินที่มีอยู่ทั้งหมดกับเงินประกันใช้หนี้สินก้อนนั้นอย่างไม่มีทางเลือก นอกจากจะสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน มนต์มีนาก็ยังไม่มีแม้แต่บ้านให้ซุกหัวนอน ส่วนญาติที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้ติดต่อกันนานหลายปีแล้ว ครอบครัวของพิพัฒน์มีอาชีพทำไร่ทำสวนแต่ขยันทำมาหากินฐานะทางบ้านจึงถือว่าดีในระดับหนึ่ง ในขณะที่ครอบครัวของสุรีพรมีอาชีพรับจ้างทั่วไปแต่ฐานะยากจนเพราะความเกียจคร้าน เมื่อก่อนแม่ของเธอได้ชื่อว่าเป็นสาวสวยประจำหมู่บ้าน แต่มีนิสัย ชอบแต่งตัว วัน ๆ ไม่ยอมทำอะไรหนังสือก็เรียนไม่จบ ด้านพ่อกับแม่ก็ติดการพนัน ทางครอบครัวของพิพัฒน์จึงไม่เห็นด้วยกับความรักของทั้งคู่และสั่งห้ามไม่ให้คบกัน แต่พิพัฒน์ก็ยังยืนกรานหนักแน่น จะตกแต่งสุรีพรเป็นภรรยาไม่ยอมรับผู้หญิงที่พ่อแม่หาให้ สุดท้ายเขาเลยถูกครอบครัวประกาศตัดขาดในที่สุด พิพัฒน์พาสุรีพรที่ตอนนั้นกำลังอุ้มท้องเธออยู่มาปักหลักอยู่ที่กรุงเทพฯ ขาดการติดต่อกับครอบครัวเช่นเดียวกับสุรีพรตั้งแต่นั้นมา มนต์มีนาจึงไม่ต่างจากคนไร้ญาติ ตั้งแต่เด็กเธอก็ไม่เคยได้เรียกใครเป็นปู่ย่าตายายเหมือนอย่างคนอื่น หญิงสาวในวัยยี่สิบสองปีสูญเสียทุกอย่างราวกับเป็นฝันร้าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าถึงแม้สุรีพรจะมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว แต่เธอก็ยังโชคดีอยู่ เพราะพิพัฒน์เป็นพ่อที่รักเธอยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ ทว่าวันนี้…กลับไม่เหลือร่มโพธิ์ร่มไทยให้พักพิง การใช้หนี้ก้อนนั้นไปทำให้มนต์มีนาไม่มีแม้แต่เงินจะไปเช่าห้องเล็ก ๆ ไม่มีกระทั่งเงินจ่ายค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยในเทอมสุดท้าย หลังจากงานศพเธอเหลือเงินติดตัวอยู่แค่หนึ่งพันบาท แต่ชีวิตของเธอก็ไม่ได้อับจนหนทางเสียทีเดียวเมื่อเพื่อนสนิทยื่นมือเข้าช่วยเหลือด้วยการให้เธอไปอยู่อาศัยที่บ้านด้วย ตอนนี้เธอจึงอาศัยอยู่ที่บ้าน กิจธาดาวงศ์ ได้ราว ๆ สามเดือนแล้ว หญิงสาวผลักประตูเข้าไปในตัวบ้านมืดสลัว เวลานี้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ทว่าจังหวะจะเดินผ่านโถงรับแขกมนต์มีนาก็มองเห็นร่างสูงใหญ่ทอดกายนอนอยู่บนโซฟาตัวยาวจึงวางหนังสือเรียนกับกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะขนาดเล็ก แล้วเดินเข้าไปหาคนที่กำลังหลับใหล แต่เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าเจ้าของบ้านเปลือยท่อนบนอยู่ เขาสวมเพียงกางเกงผ้าสีเข้ม ขอบเอวกางเกงเนื้อดีหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกเพรียว มนต์มีนารู้สึกกระดากเล็กน้อยเพราะเผลอสำรวจเรือนร่างกำยำของชายหนุ่ม แต่หลังจากตั้งสติได้แล้วเธอก็เดินไปหยิบผ้านวมในตู้เก็บของที่อยู่ไม่ห่างมากนักมาคลุมตัวให้ ก่อนจะโน้มตัวลงมองอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกันที่เธอมีอาการหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่มองเขา เขา…ผู้ที่มีสถานะเป็นพี่ชายของเพื่อน ------------- ฝากติดตามผลงานเรื่องใหม่ของไรท์ เพียงเม็ดทราย ด้วยนะคะ เรื่องนี้พระเอกเป็นเพื่อนกับเรื่อง พิศวาสรักเมียชั่วคืน หมอพิธ่โผล่มาหลายฉากเลยค่ะ กดใจ เพิ่มเข้าชั้นหนังสือ และเม้นพูดคุยเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้าา ^^
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม