เมื่อนางเล๋งอ่านข่าวจบ ก็ได้เอาหนังสือพิมพ์มาให้ผัวของตน
" ไอ้แป๊ะ! แกมาดูอะไรนี่ซิ"
กวงที่กำลังจิบโอวัลตินกับขนมปังก็เดินมาหาหล่อนด้วยความสงสัย
" มีอะไรรึเล๋ง รึว่าถูกหวย!"
นางเล๋งชี้ไปที่หนังสือพิมพ์โดยมีหน้าของชาติติดอยู่
" นี่ๆ อาคุณชาติอีเป็นอาชญากรชั้นพระยาที่ทางการต้องการตัวนี่! อั๊วว่านะเราลองแอบไปหาจ่าจำรูญแล้วให้เขามาจับอีได้ป่าว? "
กวงก็เลยแอบกระซิบว่า
"งั้นลื้อจะทำอะไรก็ทำ ถ้าเดือดร้อนถึงอั๊วจะไม่เข้าไปยุ่งนะ แค่นี้ก็ยุ่งยากพอแล้ว"
นางกำเล๋งที่ได้ฟังสามีบ่นกระซิบเช่นนั้นจึงได้เดินออกไปจากโรงแรมโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไร
นางเล๋งรีบเดินมาจนถึงป้อมยามที่ข้างทางของวัดแห่งหนึ่งในตัวหมู่บ้าน ที่นั่นจ่าจำรูญกำลังเช็คดูในเอกสารก็ได้ถามว่า
" มีอะไรเหรอเจ๊กำเล๋ง ดูท่าลื้อเหมือนมีอะไรขออั๊วแน่"
นางกำเล๋งกลืนน้ำลายแล้วตอบด้วยท่าทีที่เหนื่อยจากการเดินทาง นางชี้ไปที่รูปชาติที่อยู่บนหนังสือพิมพ์
"ลื้อไปที่โรงแรมอั๊วหน่อย นี่ๆนายคนนี้มาโรงแรมอั๊ว ลื้อช่วยไปจับหน่อยสิ"
เมื่อเป็นเช่นนั้นนายตำรวจวัยลายครามก็ได้เดินมาที่โรงพักแห่งนี้ เขาเดินเข้ามาแล้วเห็นนายกวงกำลังเช็ดโต๊ะก็ถามว่า
"เจ้าคุณชาติพักอยู่ห้องไหนรึเฮีย"
เฮียกวงที่ไม่อยากจะให้เรื่องมาเข้าตัวก็ตอบปัดว่า
"ถ้าใครพามาก็ถามไปแล้วกัน อั๊วไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้แล้ว"
" ลื้อนี่มันไม่ช่วยชาติจริงๆ! นี่อาจำรูญ คุณชาติเขาพักอยู่ห้องหนึ่ง ริมซ้ายสุด"
นางต่อว่าผู้เป็นสามีแล้วจึงชี้โพรงให้นายพราน นายตำรวจทราบจึงได้พากายของตนไปด้วย เมื่อจ่าจำรูญได้มายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องเขาก็เคาะประตูแล้วกล่าวว่า
" ขอเข้าไปหน่อย นี่ตำรวจ"
" เชิญเถอะ ประตูยังไม่ได้ล็อก"
เมื่อเป็นเช่นนั้นจ่าจำรูญจึงเข้ามาในห้อง ชาติที่กำลังจดหนังสือก็วางปากกาหันไปถามจ่าจำรูญว่า
"นี่มันอะไรกันเหรอ"
จ่าจำรูญจึงตอบอธิบายว่า
"ก็นางกำเล๋งทราบว่าคุณเป็นอาชญากรที่ทางการต้องการตัว ผมในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฏร์จึงต้องจับคุณในข้อหาฆ่าคน กรรโชกทรัพย์และทำลายบ้านเรือน จงยอมมอบตัวเสียเดี๋ยวนี้!"
ชาติที่รู้ทุกอย่างแล้วจึงได้ไปมองนางกำเล๋งที่มองตนด้วยความแข็งกระด้าง นางกำหนังสือพิมพ์แน่น
" กำเล๋ง ผัวลื้อเขาไม่คิดจะไล่อั๊วออกจากที่นี่เพราะเขาไม่ต้องการให้มีปัญหาบานปลาย แต่เพราะความหัวเสียใจร้อนและความโลภของลื้อที่อยากจะหาเงินเข้าตัวเอง แกไปพาตำรวจไม่เจียมสังขารมาจับข้างั้นเหรอ สิ้นคิด!"
จ่าจำรูญที่ไม่อยากเสียเวลาจึงได้ชักปืนออกมาแล้วขู่ชาติว่า
" อย่าทำพูดซิกแซก ถ้าแกไม่อยากถูกปืนของไอ้ตำรวจไม่เจียมสังขารคนนี้ขนาด.สี่สองแม็กนั่มยิงทะลุอกแกละก็ ยอมให้จับเสียโดยดี!"
" จับเลยจ่า! อั๊วเองก็เริ่มรำคาญไอ้บ้านี่เหลือเกินแล้ว! ถ้าทนไม่ไหวจ่าก็ยิงเลย"
เมื่อนางเล๋งพูดเช่นนั้น ชาติจึงได้ตวาดสั่งไปว่า
" หยุดนะความบรรลัยทั้งสอง! พวกแกรู้จักข้าน้อยไป! แกมีแค่ปืนจะทำอะไรข้าได้งั้นรึ! "
จ่าจำรูญที่ถือปืนกระชับจึงได้ถามไปด้วยความขบขันอย่างเคืองๆ
" หึ! แล้วลื้อมีอะไรกว่าปืนอั๊วก็งัดออกมาเลยสิ!"
เมื่อชาติถูกท้าเช่นนั้นจึงได้เปิดถุงมือที่ตนใส่ข้างซ้ายเผยให้เห็นของบางอย่าง
...
มันคือนาฬิกาที่เป็นรูปแบบดิจิตอลสีเงิน ที่หน้าปัดเป็นตัวเลขบอกเวลาที่เป็นจอขนาดเล็ก แต่มีเข็มหมุด
จ่าจำรูญที่สงสัยจึงถามไปอย่างดูถูกว่า
" แกมีนาฬิกาประหลาดแล้วจะสู้อะไรได้ "
" ถ้างั้นแกคอยชมแล้วกัน! โทษฐานที่พวกแกมาก่อกวนข้า นี่เป็นโทษที่สาสมที่สุด ที่พวกแกก็ไม่อาจต้านได้!! ฮ่าฮา!!!ๆๆๆ"
เมื่อเป็นเช่นนั้นชาติจึงหมุนมุดนาฬิกาวนรอบลาน ทันใดนั้นจากตัวเลขกลายเป็นภาษาอังกฤษตัวสีน้ำเงินปรากฏขึ้น
÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷
Invisible Mode
÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷÷
ทันใดนั้นก็เกิดสิ่งที่น่าตกใจบนผิวหน้าของชาติ หน้าที่เห็นเด่นชัดเริ่มจางหายไป ผิวหน้าหดหายจนเริ่มเห็นกล้ามเนื้อบนผิวหน้า จากกล้ามเนื้อก็หดหายจนเห็นแต่กระดูก ตาที่เห็นดวงโตสองลูกสร้างความหวาดหวั่นให้แก่นางกำเล๋งเป็นอย่างมากจนตั้งผมฟูตั้งชัน
" โอ๊ย!...ผีหลอก! โอ๊ย! นี่ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย!?!"
เมื่อชาติได้ฟังก็หัวเราะด้วยเสียงกังวาลแหลม ร่างที่เหลือแต่กระดูกก็ขยับปากอย่างน่าขนลุก จนที่สุด ร่างกายของชาติก็หายไปแต่ยังคงเสื้อผ้าไว้
นี่ชาติเขากลายเป็นมนุษย์ล่องหนแล้วหรือนี่!?!
" มัน...เป็นไปไม่ได้!"
" แต่มันเป็นไปแล้ว!! "
เมื่อจ่าจำรูญพูดเช่นนั้นชาติจึงได้เขวี้ยงเก้าอี้ขว้างปาไปที่พนังข้างประตู สองคนที่ตกใจก็หนีชาติที่กำลังหัวร่องอหายเพราะความเขลาของสองคนที่บังอาจมาต่อสู้กับเขา นางกำเล๋งกระเจิงมาหาผัวของตนที่กำลังดูแลแขกที่เป็นทหารชาวญี่ปุ่น
" เป็นไงหละอีซิ้ม กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปยุ่ง! เป็นยังไงหละเจอฤทธิ์อะไรของนายชาติเข้าถึงได้ผมฟูอย่างงั้นหนะห๊ะ!"
นางกำเล๋งที่ตกอยู่ในห้วงความกลัวก็ได้กล่าวว่า
" โอ๊ย... เขา เขากลายเป็นมนุษย์ล่องหน! อาจำรูญ ลื้อมีความคิดยังไงบอกอั๊วซิ!"
จ่าจำรูญถอนหายใจแล้วกล่าวว่า
" เขาเป็นมนุษย์ที่ล่องหนเช่นนี้ หากเขาถอนผ้าผ่อนมันจะลำบากเอาได้ เอ่อ...นายทหารทั้งสามคนหนะผมขอความร่วมมือในการจับกุมนายชาติมนุษย์พิศวงคนนี้ได้มั้ย"
ทหารญี่ปุ่นที่ตรงนั้นคนหนึ่งจึงได้พูดเสียงแปล่งๆว่า
" ได้ครับ ถ้าเพื่อความสงบเรียบร้อยในค่ายอู่ต่อเครื่องบินพวกผมก็ยินดี"
จ่าจำรูญจึงกล่าวว่า
"ถ้้าเช่นนั้นก็ตามมา จำไว้ว่าถ้าจับเขาได้จะได้เงินสี่แสนบาท"
ทหารหนุ่มถามเพื่อนอีกสองคนของเขา ทั้งสองพยักหน้า
"พวกเรายินดีที่จะช่วยเหลือครับ"
" ถ้าอย่างงั้นก็ตามมา "
มีจ่าจำรูญกล่าวจบจึงพาเชื้อสายอาทิตย์อุทัยทั้งสามไปรับศึกที่ภายนอกห้องเบอร์หนึ่งที่ถูกปิดไว้
อีกฝั่งที่อยู่ภายในห้อง ชาติก็เริ่มเตรียมแผนการของตน เขาเริ่มถอดเสื้อผ้าที่ละชิ้น ตั้งแต่เสื้อนอก ถุงมือ รองเท้า ถุงเท้า กางเกง ในระหว่างนั้นเขาก็ได้บ่นพึมพำว่า
" อ้ายพวกบ้านนอกหน้าโง่พวกนี้ มันคิดจะลองดีกับข้า มันจะต้องรู้ซึ้งและตื่นตระหนกที่มายุ่งกับข้า..."
ทันใดนั้น จ่าจำรูญจึงได้พลักตนเองเข้าไปในห้องที่ชาติอยู่ สามทหารญี่ปุ่นและจ่าจำรูญก็ได้พบชาติที่กลายเป็นผีเสื้อขาวเพราะฤทธิ์นาฬิกาวิเศษนั้น นายทหารญี่ปุ่นจึงชีนิ้วไปที่เขา
" จับใส่ตรวนเลยจ่า! "
จ่าจำรูญทำหน้าเลิ่กลั่ก
" มันเป็นล่องหนอย่างนี้จะให้ผมจับมันใส่ตรวนได้ยังไงกัน! เร็ว! ล็อกตัวเขาเข้าไว้!!"
จากนั้นความโกลาหลก็ได้อุบัติขึ้นในห้องนั้น ชาติที่เป็นผีเสื้อขาววิ่งไปหัวเราะไปราวกับคนเสียสติ เขาโดดไปที่โต๊ะอ่านหนังสือบ้าง ขึ้นไปที่ชั้นบนของตู้บ้าง วิ่งไปซ้ายโดดไปขวา จนที่สุดเขาก็ไปแอบอยู่ใต้เตียง จ่าจำรูญเห็นโอกาสจึงได้เข้าไปในใต้เตียง แต่สิ่งที่นำกลับมาได้คือเสื้อขาวที่เขาใส่นั่นเอง ทันใดนั้นนายชาติที่กลายร่างเป็นมนุย์ล่องหนจึงได้ยกขวดแก้วน้ำชูขึ้นเหนือศีรษะของทุกคน
"หยุดเสียเวลาจับฉันได้เแล้ว!!"
ทันใดนั้นคนทั้งสี่ก็หยุดการกระทำแล้วจดจ้องอยู่ที่ขวดแก้วนั้น ชาติจึงรำพันถึงสรรพคุณของของวิเศษของตนว่า
"จะจับข้าก็เสียเวลาเปล่า! นี่เป็นประดิษฐ์กรรมใหม่จากโลกอนาคตที่พวกเอ็งไม่สามารถรู้แจ้งได้ อย่าว่าแต่ซ่อนตัวจากทางการเลย! แม้แต่ฆ่ารึข่มขืนก็ทำได้ไม่อายใคร!!! ฮิฮ่า!!!ๆๆๆ!"
ขวดแก้วลอยเขวี้ยงจนแตกกระจายไป จ่าจำรูญจึงรีบปิดประตูแล้วกล่าวแก่ชาติว่า
" แต่ถ้าแกอยู่ในห้องแกก็ออกไปไม่ได้ใช่มั้ย! ปิดประตูเถอะพวก"
ดังนั้นแล้วนายทหารทั้งสามจึงได้รีบวิ่งมาที่หน้าต่างเพื่อปิดมันไว้ จากนั้นทั้งสี่ก็ยืนจังก้าเพื่อระวังชาติไว้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้ชาติสะทกสะท้านแต่อย่างใด
" พวกเอ็งทำตัวเองนะ ข้าคงจำเป็นต้องทำ! ข้าจะบีบคอตาแก่นี่ให้ตาย...!!!"
ดังนั้น ชาติจึงได้เข้าไปบีบคอจ่าจำรูญแล้วจับกระแทกประตูจนพังออกมา จ่าที่ยังมีสติจึงได้ค่อยๆหยิบปืนหมายจะยิงชาติแต่ชาติก็แตะคอนายตำรวจจนสลบไป เขาหยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงไปที่ทหารญี่ปุ่นสามคนจนล้มลง ชาติวิ่งออกมาแล้วกวาดแก้วจานลานเหล้าที่โต๊ะหนึ่งจนร่วงไปแล้วถีบนายคนที่นั่งอยู่แล้วปาเก้าอี้สองตัวไปที่บาร์เหล้าของร้านจนพังพินาศ กวงกับกำเล๋งที่เห็นว่าชาติออกมาก็พลอยฟ้าพลอยฝนวิ่งออกมานอกโรงแรม ชาติยกโต๊ะแล้วทุ่มออกนอกเฉลียงของร้านจนคนภายนอกที่สังเกตการณ์จึงได้รีบวิ่งหนีออกไป ชาติจึงได้ออกไปแล้วทำการก่อวินาศกรรมในทันที
》■■■{[03:15]}■■■《
โปรดติดตามนิยายขอเราต่อไป