Chapter.1 คนแปลกหน้า
ปีพ.ศ.2486
ณ ฐานทัพอู่สร้างเครื่องบิน ไทย-ญี่ปุ่น
ที่นี้ คือฐานสร้างเครื่องบินขนส่งแก่ทหารญี่ปุ่น ภายใต้การสนับสนุนของขุนมิตรสัตยาและกองทหารอากาศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายอักษะ แต่ที่นี้ ทหารญี่ปุ่นทุกนายเป็นมิตรต่อชาวบ้าน ชาวบ้านก็ยำเกรงต่อกองกำลังของเหล่าทหารญี่ปุ่น ก็เลยผูกมิตรไว้ดีกว่า หัวหน้ากองทหารอากาศนี้คือพลอากาศเอก มนโดะ ทากาโมโต้ มีนิสัยสุขุม ฉลาด โอบอ้อมอารีกว่าทหารญี่ปุ่นคนใด และยังพูดภาษาไทยได้ดีเพราะเคยอยู่ที่ไทยนับสิบๆปี และตอนที่อยู่ไทยก็อยู่หมู่บ้านนี้ด้วย คนในพื้นที่ก็สนิทกันแต่นั่น อย่างไรก็ดีก็มีบางอย่างที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจกันบ้าง อย่างหนึ่งคือการเอาชาวยุโรปมาใช้แรงงานอย่างหนัก ถึงอย่างนั้นชาวบ้านก็เอากับข้าวมาต่อลมหายใจของทาสชาวอาทิตย์อุทัย ทหารญี่ปุ่นเหล่าก็ไม่ห้าม ดูเหมือนว่าทหารทุกนายของหน่วยนี้จะใจดีไปเสียทุกคน แต่อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีเรื่องให้ปวดหัวคือ เฮียกวงกับเจ้กำเล๋งเจ้าของร้านไตรภิรมย์ ร้านนี้นอกจากจะขายอาหารและเหล้ายาปลาปิ้งแล้ว ยังเป็นโรงแรมจำเป็นจำนวนสามห้อง ถือว่าเป็นห้องพักที่ดีทีเดียวหากจะพัก แต่ถ้าจะพักจริงก็คงจะต้องเสียมากกว่าโรงแรมอื่น เพราะโรงแรมนี้หากจะพักค้างคืนก็ต้องเสียห้าสิบบาท หากอยากจะพักหนึ่งวันต้องเสียถึงหนึ่งร้อยบาท ค่าอาหารต่างหาก ที่สุดของโรงแรมนี้คือสองคนเจ้าของโรงแรมที่ขี้งกเห็นแก่ได้ ทหารญี่ปุ่นหลายนายต้องเสียเงินคนละร้อยสองร้อยเพราะความเห็นแก่ตัวของเฮียกวงและเจ้กำเล๋ง
ในคืนวันหนึ่ง ณ ทางถนนอันเปียกชุ่มไปด้วยสายฝนตกกระหน่ำ ชายหน้าคมคนหนึ่งได้ขี่ม้าเหาะมาที่โรงแรมไตรภิรมย์นั้น เมื่อขับม้าจอดมาที่โรงม้าของโรงแรม เขาก็ถือหีบกระเป๋าแข็งสองใบเข้ามาที่ร้านอาหารของโรงแรม
ในร้านอาหารของโรงแรมที่ครึกครื้นไปด้วยดนตรีทั้งเปียโน กีตาร์ กลองทอม เครื่องเป่า กำลังเล่นเพลงอย่างสนุกสนาน แขกที่มาร้านอาหารมีทั้งไทยและญี่ปุ่น บ๋อยโรงแรมทั้งหนุ่มสาวต่างบริการแขกมือเป็นระวิงเมื่อเล่นเพลงจบ ชายหน้าคมคนที่ได้กล่าวมาข้างต้นก็เดินเปิดประตูเข้ามาในร้าน จากที่ครึกครื้นกันก็เงียบลงในทันตา เพราะแขกที่มานั้นดูไม่เหมือนคนต่างจังหวัด ชายหน้าคมคนนั้นเดินมาที่โต๊ะบาร์ของร้านแล้วกล่าวแก่เฮียกวงว่า
"ที่นี้มีห้องพักมั้ย"
เฮียกวงที่บริการเครื่องดื่มแก่ชาวบ้านสองคนก็ตอบไปให้เครื่องดื่มไปอย่างคล่องแคล่ว
" มีครับๆ ยังว่างอยู่ครับ"
ชายหน้าคมจึงขอห้องด้วยสีหน้าตายเสียงเย็นชาว่า
"งั้นฉันขอห้องที่ดีที่สุด"
เฮียกวงตอบภาษาไทยชัดแจ๋ว
"ห้องที่ดีที่สุดก็ทั้งสามห้องนั่นแหละครับ"
ชายหน้าคมชะงักเล็กน้อย ชาวบ้านคนหนึ่งทักชายหน้าคมคนนั้น
" เฮ้ ถ้าคุณไม่กลัวหมดตูดหละก็อย่าพักที่นี้เชียวนะ"
ชายหน้าคมหันหน้าไปมองชายคนที่ทักแล้วหันหน้ากลับมาอย่างไม่ใส่ใจ เฮียกวงค้อนชายคนนั้นปะหลับปะเหลือก
" เค้าเป๋ ไอ้จ๋อง ลื้ออย่าเสือก! "
แล้วเฮียกวงก็ได้เรียกเมียของตนด้วยเสียงดัง
" อากำเล๋ง อากำเล๋ง! อีกำเล๋ง!!"
เมื่อถูกเรียกเช่นนั้น หญิงจีนที่กำลังทำอาหารก็ชะโงกหน้าออกมาโผล่มองข้างนอก
" ว่าไงไอ้แป๊ะ "
เฮียกวงชี้มือไปที่ชายหน้าคมคนนี้
"ช่วยจัดห้องพักให้เขาที จัดอย่างดีที่สุดเลยนะ จัดให้...จัด..ให้....."
เฮียกวงสงสัยชื่อของชายหน้าคมคนนี้จึงถามด้วยเสียงเบาๆ
" เอ่อ...พี่ชาย พี่ชายชื่ออะไรมิทราบ"
เขาตอบเบาและสั้น
" ชาติ ชื่อชาติ "
เฮียกวงจึงบอกเมียด้วยเสียงดังว่า
" อาเล๋ง ลื้อช่วยคุณชาติให้มีที่พักดีๆ จัดอย่างดีที่สุดเลย ไปจัดการไป"
เมื่อคนเป็นผัวกล่าวเช่นนั้น นางเล๋งจึงได้พาชาติไปที่ห้องเลขหนึ่ง นางเล้งได้เข้าไปทำความสะอาดแล้วบ่นแก่ชาติว่า
"คุณคงไม่รู้อะไรนะ พักนี้แขกไม่ค่อยมีใครมาพัก คุณว่าไงถ้าจะบอกว่าค่าเช่าต่อวันราคาร้อยบาท"
ชาติที่มองออกไปนอกบังตาตอบสั้นๆ
" ไม่ค่อยแพงนะ "
นางกำเล๋งพูดต่อพลางจัดห้อง
"ใจจริงพวกเรานะอยากคิดวันละแปดสิบ แต่เศรษฐกิจอย่างนี้มันต้องเอาแพงไว้ก่อน เพราะอะไรๆก็แพง ทั้งค่าน้ำมันก๊าด ค่าน้ำประปา ค่าไม้ค่าฟืน ค่ากับปลาอาหาร ค่าซ่อมบำรุง แค่สามห้องมันก็ไม่พอใช้จ่ายแล้ว ถ้าวันหน้าของราคาถูกลงเราคงได้สร้างห้องอีกแน่"
ชาติที่เหม่อมองไปข้างนอกจึงตอบสามคำ
" ก็ดีนะ "
นางกำเล๋งที่จัดห้องเสร็จแล้วจึงเดินมาบ่นข้างหลังชาติ
" นี่คุณค่ะ ถ้ามีอะไรจะเรียกใช้ก็บอกได้นะ จะให้ทำกับข้าวอะไรก็บอกได้นะ"
ชาติหันหลังไปหาเจ้เล๋งแล้วสั่งอาหารหลายอย่างด้วยท่าทีที่กระฉับกระเฉงขึ้น
"ถ้างั้นเอาข้าวผัดหมูกรอบหนึ่งจาน ยำกุ้งมะนาวจาน แล้วก็เกาเหลาเนื้อจาน จัดมาที่ห้องผมนะ"
เมื่อได้รับคำสั่งมาเช่นนั้น นางเล๋งจึงรีบเดินเข้าครัวในทันที ชาติที่ได้อยู่คนเดียวจึงนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมถอนใจยาว
" เฮ้อ...ในที่สุดก็หยุดเรื่องวุ่นวายได้พักหนึ่ง "
เพียงแค่คิดไปเท่านั้น ชาติจึงมองห้องของตนจึงเห็นว่ามีหนังสือหลายเล่ม เขาจึงหยิบหนังสือเรื่องหนึ่งออกมา มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับนิคมเครื่องบินรบนั้นเอง เขาอ่านหนังสือได้สามเล่มทั้งเล่มที่กล่าวไปข้างต้น อีกเล่มคือหนังสือการ์ตูนตลก เล่มสุดท้ายคือนิยายของน.ดลโขงเรื่องหนึ่ง อ่านไปเพียงครึ่งเล่ม เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงของเมียเจ้าของโรงแรม
" คุณชาติค่ะ กับข้าวคุณได้แล้วค่ะ"
ชาติค่อยๆเดินมาอยู่ที่ประตู เขาเปิดมาให้เล๋งยกอาหารยกลงบนโต๊ะ เธอเห็นว่ามีแต่กับข้าว น่าจะมีเครื่องดื่มเธอจึงถามว่า
"แล้วเครื่องดื่มคุณเอาอะไรค่ะ"
ชาติที่เห็นเธอจึงตอบแล้วพูดเรื่องเงินว่า
" เอาครีมโซดาผสมมะนาวมาเหยือกหนึ่ง เอาเบียร์มาขวดหนึ่ง ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวผมจะจ่ายในวันพรุ่งนี้เช้า"
เล๋งมองชาติแล้วจึงว่า
" ค่ะ "
แล้วเล๋งก็เดินออกไปข้างนอก เธอปิดประตูแล้วจึงเดินออกมาหากวงผู้เป็นผัว เธอพูดกับแขกของเธออย่างนี้ครับ
" นี่ตาแป๊ะ แกนี่รับทรัพย์ตอนดึกแฮะ ดูตาชาติคนนี้ซิ ดูท่าแกคงเป็นผู้ดีเก่า น่าจะมีเงินเยอะแน่เลย"
กวงที่ฟังเมียพูดแล้วไม่ได้ความจึงกล่าวว่า
" ลื้อนี่มันหน้าเงินจริงๆ เดี๋ยวเถอะ ลื้อกับอั๊วก็คงได้เดือดร้อนเพราะตาชาติคนนี้แน่"
" ลื้อนี่! "
เจ้เล๋งค้อนปะหลับปะเหลือก เพราะเธอไม่คิดหรอกว่าคนเงียบๆอย่างชาติจะทำอะไรได้
เช้าต่อมา ชาติได้เดินออกมาเอาเงินร้อยสีแดงจำนวนปึกหนึ่งส่งให้กวงที่กำลังเช็ดโต๊ะแล้วถามเขาว่า
"ห้องอาบน้ำไปทางไหนรึคุณ ที่นี้มีแต่ห้องส้วมเท่านั้นเอง"
กวงจึงตอบบอกทางในขณะที่กำลังนับเงินว่า
" อ๋อ ถ้าคุณจะอาบน้ำคุณต้องเดินไปที่ฐานสร้างเรือแล้วกัน ที่นั้นเขามีโรงอาบน้ำอนุญาตให้คนภายนอกเข้าไปอาบน้ำได้ คุณก็ไปอาบน้ำที่นั้นแล้วกัน"
เมื่อไม่มีทางอื่น เขาจึงจะไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำนั่น แต่เขาไม่มีสบู่จึงได้ขอซื้อสบู่กับกวง
" นี่เฮีย มีสบู่ขายมั้ย"
" มีครับๆ "
แล้วกวงก็หยิบเอาสบู่มาให้ ชาติหยิบเหรียญมาสองสลึงแล้วแลกกับสบู่ของกวงแล้วเดินไปที่โรงอาบน้ำของฐานสร้างเครื่องบิน
ホワイトドラゴン
ณ โรงอาบน้ำในนิคมอู่ฐานสร้างเครื่องบินแห่งหนึ่ง ที่นี้นั้นคือโรงอาบน้ำที่ชาวบ้านที่พอจะมีอัฐมีเบี้ยและทหารญี่ปุ่นมาใช้กัน ชาติเดินเข้ามาที่ฝั่งผู้ชายแล้วหยิบธนบัตรสิบบาทให้คนดูแลโรงอาบน้ำ แล้วเข้าก็เข้าไปถอดเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวเข้าไปในโรงอาบน้ำเข้าไปที่อ่างอาบน้ำ เมื่อได้เข้าไปแล้วเขาก็ได้นั่งฟอกสบู่ คนที่ใช้บริการอาบน้ำอยู่ที่นั้นนับว่าไม่เยอะมาก แต่ก็ถือได้ว่ามีเยอะพอสมควร หนึ่งในผู้ใช้บริการอาบน้ำ กำลังนั่งอยู่ในอ่างน้ำ เขาคือมนโดะ ทากาโมโต้ ที่มาใช้บริการอาบน้ำที่นี้นั่นเอง เขามองผู้ใช้บริการแปลกหน้าผู้นี้ไปมา แล้วจึงหยิบผ้าเช็ดตัวมาปิดช่วงล่างไว้ แล้วจึงลุกขึ้นเดินไปหาชาติที่กำลังถูตัวด้วยสบู่ พล.ทอ.เอกมนโดะพิจารณาใบหน้าของชาติก็คิดขึ้นได้ว่าเขาคือใคร จึงได้เจรจาเป็นภาษาอังกฤษด้วยท่าทีตื่นๆ
" you you The one who went to smother Luang Shinkorn's wedding, right?( คุณ คุณใช่มั้ยที่ไปป่วนงานสมรสของคุณหลวงชินกรใช่มั้ย)"
ชาติที่ได้ยินก็ทำหน้าตื่น ถามเขาด้วยน้ำเสียงกระชาก
"You know who I am! To have come and befriend me!?(นี่คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมเป็นใคร! ถึงได้มาทำตีสนิทกับผม!?)"
พล.ทอ.เอกมนโดะทำหน้ายิ้มลอยไปลอยมา
"It's the news that you're going to ruin that wedding until Praya vilaiheals Ruined It's so famous that I don't know how. I was also a guest at that wedding.(ก็ข่าวที่คุณไปทำลายงานสมรสนั่นจนบ้านของท่านพระยาวิไลรักษาพังพินาศมันดังขนาดนั่นผมจะไม่รู้ได้ยังไง อีกอย่างผมก็ได้เข้าร่วมเป็นแขกของงานแต่งนั้นด้วย)"
ชาติถามพล.ทอ.เอกอย่างห้วนๆด้วยอารมณ์ไม่สบอารมณ์
"So what's the matter with me?(แล้วมีเรื่องอะไรมาคุยกับผม)"
มนโดะจึงพูดอย่างหน้าตาเฉย
"I can't have a conversation with those who have made a contribution to both countries.(ก็ผมจะสนทนากับผู้ทำประโยชน์แก่ประเทศสองฝ่ายไม่ได้เชียวรึ)"
ชาติที่ทนฟังไม่ได้ก็ตวาดเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า
"*がおかしい!! **に**!! **と*わないでください。 *です!!(บ้า!! บ้าที่สุด!! คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่ชอบ!!)"
มนโดะชะงักที่ชาติได้พูดภาษาของตนตอกหน้าเขา เขาถามเป็นภาษาไทยอย่างยิ้มๆ
" คุณ คุณพูดภาษาของผมได้ด้วยเหรอ?"
ชาติจึงตอบไปอย่างสมเหตุผล
"ถ้าคุณพูดไทยได้ ผมก็พูดญี่ปุ่นได้"
แล้วชาติก็บ่นว่า
" ฮืม... หนีมาตั้งหะนี้แล้ว ยังมีคนมากวนใจอีกโว้ย"
แล้วชาติก็ตักน้ำในขันที่ไหลจาก
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ ชาติจึงเดินออกมาแล้วเอาสิ่งหนึ่งออกมา นั่นคือเช็คเงินฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"เช็คเงินธนาคารทหารมิตรไทย 28,000บาท"
นั่นเป็นจำนวนเงินเดือนที่เขาได้รับจากทางกองทัพญี่ปุ่นที่ได้จากทอ.เอกมนโดะ เขามองไปที่ข้อความใบนั้นแล้วมองไปที่ธนาคารมิตรไทยแล้วจึงเดินไปที่นั่น หารู้ไม่ว่าเฮียกวงได้แอบมองดูเขาอยู่.....
"นายชาติเขาเข้าไปทำไมกันวะ ที่นั่นมีอะไร"
》■■■={[01.00]}=■■■《
ครับก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้คิดขึ้นไว้ก่อน หากอยากต่อกด.1 พักก่อนกด2. ขอบคุณ