สายตาของคนในร้านกำลังมองฉันที่ถูกแปงลากไปอย่างไม่เต็มใจแถมยังไม่มีใครมาช่วยลยสักคน ทั้งที่ฉันร้องข้อความช่วยเหลือ
พอออกมาด้านนอกฉันก็รีบหันซ้ายขวามองหาเส้นด้าย เธอออกมาคุยโทรศัพท์หนิทำไมถึงหาไม่เจอ
“ถ้าพี่ชายฉันมาเห็นนายทำแบบนี้คงไม่ปล่อยนายไว้แน่”
ฉันพยายามพูดให้อีกฝ่ายกลัว แต่มันก็เป็นอย่างที่ว่า ถึงแม้พี่เมฆจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นแต่เวลาโกรธน่ากลัวสุดๆ
“ฉันไม่กลัว”
“แปงขอร้องนะอย่าทำแบบนี้ ฉะ ฉันกลัว” เพราะฉันสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบตัวเขาทำให้กลัวจนเกือบร้องไห้
ต่อให้พูดยังไงแปงก็ยังฉุดลากต่อไปอยู่ดี เดินมาได้สักพักเขาก็หยุดตรงหน้ารถแล้วเปิดประตูจับตัวฉันยัดเข้าไปด้านใน
เรี่ยวแรงผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันไม่มีทางไปสู้กับผู้ชายที่ตัวโตกว่าได้อยู่แล้วและในที่สุดฉันก็เข้ามานั่งในรถแบบไม่เต็มใจเลยสักนิด
ขณะที่แปงกำลังเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับฉันจึงใช้จังหวะนี้รีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก แต่ทว่าอีกฝ่ายเร็วกว่าและรู้ทันว่าฉันคิดจะทำอะไร
ทันทีที่ประตูรถเปิดออกแปงก็คว้ามือมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉัน
“อะ เอาโทรศัพท์ของฉันคืนมานะ”
“ไม่ใช่ตอนนี้”
แปงขยับหน้ามาใกล้ๆ ดวงตาของเขายังสื่ออารมณ์โกรธอยู่ เขาพ่นลมหายใจแรงๆ ด้วยท่างทางหัวเสีย แล้วพูดต่อ “นั่งอยู่แบบนี้จนกว่าจะเธอจะชิน เวลาอยู่ใกล้ฉันจะได้เลิกตัวสั่นสักที เจอหน้าทีไรทำอย่างกับฉันจะฆ่าเธอไปได้”
“……….”
“ตอนนี้ฉันกำลังจีบเธออยู่ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีสิทธ์ยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น เข้าใจ?”
“………” ที่ผ่านมาฉันปฏิเสธทุกครั้งเขาโตขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่เข้าใจ
“ปากหนักขนาดนั้นเลยรึไงถึงไม่ตอบ อยากให้ฉันช่วยเปิดปากให้ไหม?”
ได้ยินคำนั้นสมองมันก็คิดถึงตอนที่ถูกเขาขโมยจูบแรกไป ครั้งนั้นไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันจะไม่ยอมให้เรื่องน่าเกลียดแบบนั้นเกิดขึ้นอีก
“มะ ไม่” เพราะไม่เคยอยู่ในรถกับผู้ชายคนอื่นสองต่อสองแบบนี้ทำให้ตัวสั่นเทาจนไม่สามารถควบคุมสติได้ ยิ่งเขาพูดคำชวนคิดแบบนั้นด้วย
“ไอ้นั่นมันเป็นใครหรือว่ามันกำลังจีบเธออยู่?”
“นะ นายก็มีผู้หญิงอื่น….”
“ฉันสนใจแค่เธอ ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่อาหารตา”
เขาเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมากจริงๆ ยิ่งได้ยินคำตอบแบบนี้ฉันยิ่งมั่นใจว่าไม่มีทางรักคนเห็นแก่ตัวแบบนี้แน่ๆ
“ฉันจริงจังกับ…..” ได้ยินแบบนั้นฉันก็รีบพูดแทรกทันที “หยุดทำแบบนี้ได้แล้วแปง นายล้ำเส้นฉันมากเกินไปแล้ว”
สีหน้าแปงดูไม่ชอบใจเท่าไรที่ได้ยินคำปฏิเสธของฉัน เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ที่ไม่ยอมเปิดใจเพราะเธอยังชอบไอ้ครามอยู่?”
“พะ พูดอะไรออกมา ห้ามพูดแบบนี้ต่อหน้าด้ายเด็ดขาดนะ” กับสงครามฉันก็แค่ปลื้มก็เท่านั้น ตอนนี้ไม่คิดอะไรแล้วด้วย
“แค่เปลี่ยนใจมาชอบฉันมันทำยากนักหรือไงวะห๊ะ!!” แบบนี้มันไม่เรียกว่าจีบนะ มันเข้าข่ายบังคับแล้ว
ฉันเอาแต่เงียบไม่กล้าตอบเพราะกลัวไม่ถูกใจแล้วแปงจะทำอะไรบ้าๆ ที่คาดไม่ถึง
ขณะที่ทุกอย่างกำลังตกอยู่ในความเงียบแปงเอาแต่มองหน้าฉัน ส่วนฉันก็เอาแต่คิดว่าเมื่อไรจะหลุดพ้นจากสถานการณ์บ้าๆ นี้สักที
กริ้ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันที่อยู่ในมือแปงดังขึ้นมา ทำให้เขาละสายจากใบหน้าของฉัน จากนั้นไม่นานก็ชูโทรศัพท์ให้ดูว่าใครโทรมา
หน้าจอโชว์เบอร์ของเส้นด้าย ทำเอาหัวใจดวงน้อยมันเต้นแรงกลัวแปงจะกดรับสายแล้วพูดอะไรบ้าๆ
“ปล่อยฉันได้แล้ว ป่านนี้เส้นด้ายคงตามหาฉันอยู่”
“อยากให้ปล่อยก็จูบฉันสิ”
“…….” คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“ถ้าไม่จูบฉันก็ไม่ปล่อย”
“…….” ทั้งที่บอกกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำอีกแบบนั้นอีก แต่พอถึงเวลาที่ไม่มีทางเลือกแบบนี้ใจฉันมันก็ลังเล
ก็แค่ยอมทำตามที่เขาต้องการแลกกับการถูกปล่อยออกไปจากรถ เวลานี้ฉันควรปล่อยวางทุกอย่างแล้วทำเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากตรงนี้
“ถ้ายอมทำนายจะปล่อยฉันไปจริงๆ ใช่ไหม”
“อืม แต่คนอย่างเธอคงไม่กล้าทำ”
“……” ฉันเม้มปากแน่นเมื่อถูกคำพูดท้าทายแบบนั้นเล่นงาน ก่อนจะตอบ “ได้สิ ฉันจะจูบนาย”
“หืม?” แปงดูอึ้งและงุนงงกับคำตอบของฉันไม่น้อย หัวคิ้วของเขาขมวดเป็นปมเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
ฉันพยายามสั่งตัวเองให้หยุดสั่นเทาเพราะความกลัว จากนั้นก็เป็นฝ่ายขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ แปงที่ยังคงนิ่งอยู่
มันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่ฉันจะยอมทำอะไรบ้าๆ แบบนี้ และอยากให้เขารู้เอาไว้ว่าที่ทำไม่ใช่เพราะตัวเขา แต่ฉันทำเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นต่าง
ฉันเอาริมฝีปากของตัวเองแตะบนริมฝีปากหนาแล้วรีบผละออกทันที “ฉะ ฉันยอมทำตามที่นายต้องการแล้ว”
“ห๊ะ! นี่เจอเรียกแบบเมื่อกี้ว่าจูบ?”
“เอาโทรศัพท์ฉันคืนมาแล้วกรุณาปลดล็อกลดด้วย”
“แค่เอาปากชนกับปากฉันมันเรียกว่าจูบตรงไหน? มานี่ฉันจะสอนว่าจูบจริงๆ มันต้องทำยังไง”
แปงคว้าแขนฉันดึงเข้าหาตัวเอง เขาวางโทรศัพท์ลงแล้วใช้อีกมือจับปลายคางฉันเงยขึ้นมาในระดับเดียวกันกับใบหน้าของเขา
“ยะ อย่านะ”
“จำไว้ให้ขึ้นใจว่าจูบต้องทำแบบนี้”
“แปงอย่าทำ…อื้อ~”
ดวงตาทั้งสองข้างของฉันเบิกกว้างเมื่อถูกริมฝีปากหนากดทับพร้อมกับบดขยี้ ต่อให้ฉันพยายามดันตัวเองออกยังไงก็ไม่สำเร็จ จึงยอมหยุดนิ่งเพราะคิดว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็จะผละออกไปเองเมื่อเขาพอใจ แล้วฉันก็จะหลุดพ้น
แต่ทว่า!! จูบนี้มันเริ่มหนักหน่วงขึ้น ทั้งริมฝีปากที่ดูดเม้มและลิ้นที่ตวัดภายในโพลงปาก มือที่จับปลายคางเปลี่ยนมาจับต้นคอฉันแล้วกดรั้งเอาไว้ไม่ยิมให้ผละริมฝีปากออก
“อื้อ” เมื่อถูกอีกฝ่ายจูบหนักขึ้นฉันก็เริ่มประท้วงในลำคอ แต่ไม่ได้รับการสนใจ เหมือนกับว่าเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมสติได้
ลมหายใจที่เคยปกติมันก็รุนแรงขึ้น มือที่เคยรวบแขนฉันไว้ได้ปล่อยให้เป็นอิสระแล้วใช้ทำสิ่งที่น่ารังเกียจแทน
! นั่นคือการสัมผัสบีบเคล้นที่หน้าอกของฉัน !
เพราะความตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยถูกกระทำแบบนี้ หัวใจมันกระตุกวูบไหว สมองสั่งการให้ผลักผู้ชายคนนี้ออกแต่ทว่าร่างกายของฉันมันกำลังต่อต้านสิ่งที่สมองสั่ง
“อืม~”
เป็นบ้าไปแล้วหรือไงมีนา แบบนี้มันเลยเถิดเกินไปแล้วนะ