EP.10 หาคนสวมรอย

999 คำ
น้ำเอกใช้ความเหี้ยมที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดเป็นประโยชน์แก่ตัวเองมากที่สุด เพราะไม่ว่าใครจะเบี้ยว ใครจะผัดผ่อน เขาก็จะสั่งให้ลูกน้องไปสมนาคุณรางวัลให้กับคนพวกนั้นอย่างดิบดี แบบชนิดที่อาจจะต้องนอนหยอดข้าวต้มสักวันสองวันทีเดียว แต่เรื่องแบบนั้นพ่อกับแม่ของเธอกับมองข้าม และกลับคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ในเมื่อเป็นหนี้แล้วไม่ใช้ เจ้าของเงินเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ และโดยเฉพาะน้ำเอกก็ให้ดอกเบี้ยที่ต่ำแล้ว และเรื่องที่เธอรับไม่ได้มากที่สุดก็คือ หากบ้านไหนมีดอกเบี้ยเป็นลูกสาวหรือหลานสาวที่สมน้ำสมเนื้อสำหรับการผัดผ่อนเขาก็ไม่เคยจะปฏิเสธ แต่พ่อแม่ของเธอกลับบอกว่าเป็นเพียงข่าวลือ ซึ่งน้ำเอกไม่มีทางที่จะไปมองใครนอกจากเธอแน่นอน “แล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงได้เชื่อนายน้ำเอกนัก” “ก็พี่เขาทำเหมือนกับรักฉันนักหนาน่ะสิ แล้วแกดูสิ ดูหนังหน้าฉันสิ หน้าเห่ยๆ จืดๆ แบบนี้ ผู้ชายหล่อลากดินอย่างพี่น้ำเอกไม่มีทางพิศวาสฉันได้หรอก แกว่าไหม” “แล้วนายนั่นจะทำอย่างนั้นทำไม ถ้าเขาไม่ชอบแกเขาก็ไม่น่าจะยอมหรอกนะ ยิ่งหล่อๆ ก็ยิ่งไม่น่าจะยอมตามใจพ่อแม่ได้ง่ายๆ” “ก็นั่นแหละฉันถึงไม่อยากแต่งกับเขา เวลาพี่เขามองฉันทีไร ฉันมักจะคิดว่าตัวเองเหมือนปลาตัวเล็กๆ ที่กำลังว่ายน้ำแบบระวังจระเข้อ่ะ แกเข้าใจฉันไหมแมว พี่เขาเหมือนจ้องจะกินฉันตลอดเวลา ทำเหมือนฉันโง่ ทำเหมือนฉันเป็นเด็กอนุบาลที่มองไม่ออกว่าเขาต้องการอะไร” “แล้วเขาต้องการอะไรอ่ะ” “ยัยแมว! เขาก็ต้องการทรัพย์สมบัติของฉันน่ะสิ” “อิอิ.. ฉันล้อเล่น โธ่! เห็นเครียดๆ ยิ้มหน่อยนะ โอ๋.. จ้า.. เข้าใจแล้ว คุณปาลิดา ทุ่งพนมภูมิ ลูกสาวคนเดียวของผู้ใหญ่ชาลี เจ้าของที่ดินพันไร่ เจ้าของโรงสีข้าว เจ้าของแปลงนาสาธิต เจ้าของ..” “พอแล้วๆ เปลี่ยนเรื่องเหอะ คุยเรื่องนี้แล้วจิตตก” “อยากเห็นหน้า.. ทำไงดี” “ก็คงต้องไปดูที่บ้านฉันแหละ ถ้าแกไม่เปลี่ยนใจก็ไปสวมรอยเป็นเจ้าสาวให้ฉันที คนหล่อคงชอบสาวสวยเปรี้ยวจี๊ดปนแมนอย่างแกแหละ ดูดีกว่าหน้าปลาตะเพียนอย่างฉันเป็นไหนๆ” “ก็คนสวยอย่างฉันไม่มีที่ดินเป็นพันไร่นี่จ๊ะ แต่ฉันชอบนะ..สวมรอยเป็นเจ้าสาว อิอิ.. ถ้าจะให้ดีต้องมีคนสวมรอยเป็นเจ้าบ่าวให้แก รับรองรุ่งแน่” “แกว่าอะไรนะ สวมรอย.. ใครสวมรอยเป็นเจ้าบ่าว” “ไม่มีอะไร ฉันพูดถึงตัวฉันเอง แกยังไม่ได้เล่าเรื่องน้าปรางให้ฉันฟังเลยนะ เป็นไงบ้าง..น้าฉันใจดีไหม” วิฬาร์เปลี่ยนเรื่องทั้งที่แผนการถูกกะเกณฑ์ไว้ภายในใจอย่างเงียบๆ ปาลิดามองท่าทีมีพิรุธของวิฬาร์อย่างแคลงใจแต่ก็ยอมเล่าในสิ่งที่เพื่อนถาม เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้มีโอกาสพบคุณปรางทิพย์ ผู้บริหารสูงสุดของห้างสรรพสินค้าที่เธอได้งานเป็นพนักงานบัญชี ซึ่งวิฬาร์นั่นเองที่เป็นคนฝากฝังให้เพราะคุณปรางทิพย์มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ สรุปคือคุณปรางทิพย์คือผู้หญิงที่เธอรู้ว่าอายุเข้าเลข 4 แล้วแต่กลับมีใบหน้าเหมือนสาววัยยี่สิบตอนปลายหรือไม่ก็สามสิบต้นๆ เธอดูสวยดูทันสมัย ทว่าไม่ได้มากจนเกินไป น้ำเสียงใสกังวานดูเป็นคนจิตใจดี กิริยามารยาทอ่อนหวาน และที่สำคัญเธอมีมิตรไมตรีจิตที่ดีเยี่ยม “อืม.. พี่ชอบนะ ชุดที่หนูปลาใส่ แต่หากจะปรับเปลี่ยนอะไรเล็กน้อยให้ทันสมัยขึ้น หนูปลาจะดูสวยขึ้นอีกมากๆ เลยจ้ะ” ปาลิดายิ้มเมื่อคิดถึงคำพูดของปรางทิพย์ คำว่า “เชย” ถูกเลี่ยงไปเป็น “ไม่ทันสมัย” คนที่พูดถนอมน้ำใจคนฟัง สายตาที่มองมาอย่างอ่อนโยนไม่ได้แสดงความดูถูกหรือสมเพช ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถบอกได้ว่าคนพูดนั้นมีจิตใจที่ดีเพียงใด ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ประจำวันดูเชยมากมายเพียงใด แต่เธอไม่เห็นประโยชน์ที่ต้องซื้อเสื้อผ้าราคาแพงๆ สวมใส่ เพราะเธอไม่ได้อยากไปโชว์ใคร การทำไร่ทำสวนทำให้เธอรู้จักการประหยัดเป็นสำคัญ เพราะกว่าที่พืชผักจะออกดอกออกผลให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ต้องใช้เวลานาน และเงินที่ได้นั้นก็หมายถึงน้ำพักน้ำแรงของคนงานทุกคนที่ลงแรงลงใจไป หากเธอนำเงินเหล่านั้นมาใช้โดยไม่รู้คุณค่า เธอก็ไม่สมควรจะเกิดมาเป็นลูกชาวไร่ชาวสวนเลยสักนิด “สรุปว่าน้าปรางจะจับแกแปลงโฉมงั้นสิ” “อืม.. ก็คงงั้น พี่เขาก็กลัวว่าฉันจะถือเรื่องเสื้อผ้าเก่า แต่ฉันน่ะใส่ได้ทั้งหมดนั่นแหละ ดีเสียอีกไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ แพงตาย” “โถ..หล่อน เสื้อผ้ามือสองของน้าปราง เงินเดือนทั้งเดือนเรายังซื้อไม่ได้เลยนะ แบรนด์เนมทั้งนั้น ดีแล้วฉันจะได้ยืมใส่บ้าง ป๊ายิ่งไม่ให้ตังค์อยู่ด้วยตอนนี้ ฉันจะต้องหางานทำบ้างแล้ว” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. แล้วฉันจะคอยดูว่าแกจะใส่กับฉันหรือเปล่า” ปาลิดาหัวเราะเสียงดังความเครียดเพราะเรื่องทางบ้านดูจะหายไปในทันทีเมื่อนึกว่าวิฬาร์จะใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันกับเธอ เพราะคนที่เน้นสั้นไว้ก่อนหรือไม่ก็มามาดทอมบอยเต็มขั้นจะมาใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิดหรือนุ่งกระโปรงแบบเธอคงจะแปลกพิลึก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม