ครืด ครืด ครืด!
“ว่าไงมึง” ฉันกดรับสายพร้อมเอ่ยสรรพนามที่สนิทสนม
(อีชาลี คืนนี้วันเกิดผัวกู อย่าลืม!) เสียงอีวาสปากหมาฉายาที่ชาช่าตั้งให้โทรมาย้ำเตือนฉัน ซึ่งเป็นประโยคที่ฉันค่อนข้างตกใจพอสมควร
“เอ่อ...”
(มึงลืม) วาสนาถามด้วยประโยคสั้นๆแต่ฉันรับรู้ได้เลยว่ามันกำลังหงุดหงิดเพราะมันไม่ชอบพูดอะไรบ่อยๆในประโยคเดิมๆ
“กูเมากูก็ต้องลืมบ้าง” ฉันกล่าวอ้างโทษถึงความมึนเมาหวังว่าคงทุเลาความไม่พอใจของมันลงบ้าง
(เฮ้อ...มึงเป็นประจำ กูถึงต้องโทรย้ำตลอด)
“เออๆ เดี๋ยวเข้าไปหาคุณหญิงสไบทองก่อนแล้วจะตามไป”
(แม่มึงคิดถึงมึงใช่ไหม?) ประโยคคำถามที่ทำให้ฉันคิดหนักก็เริ่มขึ้น เพราะฉันไม่ค่อยจะมั่นใจที่จะตอบออกไปว่าใช่
“กูภาวนาขอให้เป็นความคิดถึง” ฉันบอกเพื่อนไป
(แต่กูว่าไม่ใช่ แค่นี้นะอย่าลืมวันนี้วันเกิดผัวกู) จากนั้นเพื่อนปากปีจอของฉันก็วางสายอย่างรวดเร็ว
“มึงไม่แน่จริงนี่หว่าถึงรีบวาง” ฉันได้แต่บ่นกับมือถือเพราะมันสร้างปมให้ฉันคิด ก็คุณหญิงสไบทองแม่ของฉัน ถ้าหากว่าท่านคิดถึงท่านจะมาหาฉันด้วยตัวเอง แต่นี่ให้ฉันไปหาถึงบ้านมันต้องมีอะไรแน่ๆ...
“คุณหนูของป้า” นี่คือเสียงของป้าอวบ ป้าแม่บ้านเก่าแก่ที่อยู่กับคุณหญิงสไบทองมานมนาน ซึ่งป้าอวบมีส่วนช่วยให้ชีวิตของฉันเติบโตโดยการฟูมฟักทะนุถนอมเป็นอย่างดี
“คิดถึงป้าอวบนะคะ” ฉันโผเข้ากอดพร้อมประจบประแจงทันที เพราะฉันรู้ดีว่าประโยคต่อไปของป้าอวบคืออะไร
“ป้ามันคนแก่ ได้แต่ทนคิดถึงคุณหนูจะไปหาก็ไปไม่ได้นานๆครั้งถึงจะได้เห็นหน้า” นี่ไงความน้อยใจต่ำใจถูกพร่ำออกจากปากของหญิงชราแล้ว
“โธ่ ป้าอวบขา”
“ช่างเถอะค่ะ คนแก่แบบป้าคงต้องพยายามทำใจให้ชินกับการชราและแก่ไปโดยลำพัง” แล้วป้าอวบก็เริ่มตัดพ้อหนักมากขึ้น
“ไม่เอาสิคะคนสวยของชาลี ชาลีรักป้าอวบนะคะ” ฉันหอมอ้อนที่แก้มของป้าอวบ
“เนี่ย ก็อ้อนป้าแบบนี้ไงคะ”
“แล้วได้ผลไหมคะ” ฉันกระพริบตาปริบๆอ้อนหญิงชราตรงหน้า
“ได้สิคะ รีบไปพบคุณหญิงเถอะค่ะ ป่านนี้คงบ่นแย่แล้วที่คุณหนูมาไม่ทันทานข้าวเย็น” ป้าอวบแสดงสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมาทันที เพราะฉันนั้นผิดนัดคุณหญิงสไบทองเป็นชั่วโมง ก็กว่าฉันจะตื่น กว่าแต่งตัวทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จเวลาก็ล่วงเลยเข้าสองทุ่มครึ่ง พอขับรถออกจากคอนโดมาบ้านถนนหนทางคับคั่งด้วยรถยนต์มากหลาย จึงกลายเป็นฉันสายไปโดยปริยาย
“สงสัยจะโดนบ่นหูชาแน่เลยค่ะ” ฉันส่งยิ้มแหยๆให้ป้าอวบเมื่อรู้ตัวว่าตัวฉันนั้นผิด จากนั้นฉันก็รีบเดินเข้าไปพบคุณหญิงสไบทองที่ห้องหนังสือโดยด่วน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"ไม่ได้ล็อค" คุณหญิงสไบทองมารดาผู้บังเกิดเกล้าส่งเสียงหวานออกมา ฉันไม่รีรอที่จะให้น้ำเสียงหวานๆนั้นถูกปรับเป็นเสียงเหี้ยม
“มารดาของบุตร บุตรคิดถึงเหลือเกินเจ้าค่ะ” เมื่อเปิดประตูได้ฉันก็รีบเข้าไปกราบแทบอกของแม่ทันที
“เรื่องสายนี่ไว้ใจแกเลยนะชาลี” คุณหญิงสไบทองเริ่มจุดประเด็นแล้ว
“นอนเพลินไปค่ะ ขอโทษนะคะมายมัม” ฉันฉีกยิ้มอ้อนผู้เป็นมารดา แม่ของฉันท่านชอบพ่ายต่อรอยยิ้มของฉันเสมอ
“วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันให้อภัย” แม่ของฉันยิ้ม ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเองใช่ไหมว่ารอยยิ้มของคุณหญิงสไบทองมีบางอย่างแฝงอยู่
“อารมณ์ดีอะไรคะ คุณพ่อจะยกตำแหน่งให้หนูใช่ไหม” ฉันแกล้งแหย่
“ใช่” แต่แปลกมาก ทำไมวันนี้คำตอบคือใช่ โอ๊ยฉันดีใจ
“หืม จริงเหรอคะแม่ โอ๊ยชาดีใจ” ฉันกอดรัดแม่ของฉันไว้แน่นพร้อมหอมแก้มท่านซ้ำๆ
“งานมอบตำแหน่งจะเกิดขึ้นอีกสองเดือน...พร้อมงานแต่งของแก” แม่ของฉันว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ช่วยบอกอีชาลีที ว่าสิ่งที่คุณหญิงสไบทองพูดไม่ใช่เรื่องจริง!