ชำระหนี้เมียคืนเดียว บทที่2.ความซวยยังไม่หมด!

1518 คำ
หญิงสาวแย้งเสียงขุ่น เห็นๆ ว่าไอ้ผู้จัดการหน้าเลือดจ้องจะเขี่ยเธอออก เพราะดันไปรู้ความลับนั้นเข้า... “อย่าพูดพล่อยๆ อัปสร เธอมีหลักฐานอะไร ไหนเอามาแสดงสิ...ไม่อย่างนั้นฉันจะถือว่าเธอหมิ่นประมาท” เหอะ! หญิงสาวลดมือที่ไหว้มันลง เสียเวลา ในเมื่อเขาคิดจะกำจัดเธอ เขาคงไม่มีทางลดราวาศอกให้...เธอคงต้องหางานใหม่ทำ เพราะอยู่ไปก็ไม่มีความสุขเมื่อผู้จัดการจ้องจะเขี่ยเธอให้กระเด็นทุกวันไป “ก็ได้ค่ะ ฉันลาออก...ฉันไม่มีหลักฐานเอาผิดคุณ แต่...ความลับไม่มีในโลกนี้นะคะ สักวันทุกคนต้องรู้ และวันนั้นคนที่ต้องเดินออกจากร้านก็คือคุณ...” “ฉันไม่ใช่ไก่อ่อนนะอัปสร เธอไม่ต้องมาสอน...เธอเถอะ ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน เห็นใครๆ ก็พูดนี่ว่าเธอหนี้ท่วมหัว” มันยังมีหน้ามาเยาะให้เธอเจ็บใจเล่น...ใช่สิ เวลานี้เธอล้ม เลยมีแต่คนข้าม รอให้เธอกลับมาเหมือนเดิมเมื่อไร เธอจะตามคิดบัญชีรายตัว...แต่... เมื่อไรล่ะ เธอมองไม่เห็นทางเลย... “ฉันคิดว่าเงินค่าแรงฉัน ฉันควรได้รับนะคะผู้จัดการ เพราะฉันทำงานเกิน7 วัน คุณคิดค่าจ้างฉันไว้หรือยัง ฉันจะได้รีบไปให้พ้นสายตาคุณ” เธอถอนใจ แล้วจึงพูดต่อ “ยังจะเอาสตางค์ค่าแรงอีกเหรอ ในเมื่อฉันไล่เธอออก” “อย่ามาหัวหมอกับฉันค่ะผู้จัดการ คุณข้ามขั้นตอน มีการตักเตือนในครั้งแรก ครั้งต่อไปคือใบเตือนค่ะ แต่นี่คุณปลดฉันออกเลย ฉันมีสิทธิไปฟ้องกรมแรงงาน ถึงมันจะเป็นเงินน้อยนิด แต่มันเป็นเงินที่ฉันควรได้รับ และหากเรื่องถึงกรมแรงงานจริง บางสิ่งที่คุณซุกไว้ อาจจะแดงโร่ขึ้นมาก็ได้” หญิงสาวพูดเสียงเป็นต่อ ผู้ชายตรงหน้าเธอกินเล็กกินน้อย...เขาเม้มทุกอย่างเท่าที่พอจะเม้มได้...และหากมีการตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ เขาน่าจะได้รับโทษหนักยิ่งกว่าคนอื่น หลังคำนวณผลได้ผลเสียที่จะเกิดขึ้น หากแม่นี่บ้าเลือดทำอย่างที่หล่อนพูดจริงๆ เขาอาจจะเดือดร้อน ผู้จัดการร้าน จึงลดท่าทีลง เขาพูดเสียงดีขึ้น แต่ก็ตั้งใจจะเขี่ยอัปสรออกเหมือนเดิม หล่อนอันตรายเกินกว่าจะเก็บไว้ “ฉันจ่ายค่าแรงให้เธอก็ได้ ตามเข้ามาสิ!” “ขอบคุณ!” มันเป็นเงินก้อนสุดท้าย ที่พอจะประทังชีวิตตัวเอง ก่อนที่จะหางานใหม่ได้ หญิงสาวจึงต้องสู้เพื่อให้ได้มา ไม่ใช่โดนอมเอาไปอีก “เอ้า! เอาไป แล้วก็รีบไสหัวไปให้พ้นๆ ฉันจะได้รับคนใหม่เข้ามาแทนเธอ” “ค่ะ...ฉันจะได้ไปป่าวประกาศให้คนแถวๆ นี้รู้ด้วย ว่าใครบางคนในร้านนี้ ขี้โกง! หากไม่อยากถูกเอาเปรียบก็ออกไปทำที่อื่นเถอะ เสียดายนิดเดียว ที่มิสเตอร์สีเฟ่นไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องกระซิบบอกเขาบ้างว่ามีเหลือบแอบกินเลือดของเขาอยู่ เพื่อเขาจะได้หาย่าฆ่าเหลือบตัวนั้นไว้รอ” อัปสรกำซองแน่นๆ เธอพูดเสียงดัง จนคนในบริเวณใกล้เคียงหยุดฟัง...ไหนๆ ก็โดนไล่ออก เธอขอวางระเบิดไว้สักลูก...เผื่อมันมีผลสะท้อน...ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเพื่อนร่วมงานคนอื่นจะไม่โดนเอาเปรียบอีกต่อไป... “หุบปาก! แล้วก็ไสหัวเธอไปซะ เธอผิดกฎฉันไล่ออก มันผิดเหรอห่ะ! อย่ามายุยงคนอื่นๆ ด้วยคำพูดลอยๆ ของเธอ อัปสร” อาการร้อนตัวเกิดขึ้นทันที ทันใด ผู้จัดการขี้ฉ้อ ลุกพรวด เขาตวาดเสียงแหลม แต่เหงื่อกาฬแตกซิกๆ เมื่อมีคนได้ยินเกินครึ่งร้าน แถมแววตาแต่ละคนดูจะเคลือบแคลงเขาเพิ่มขึ้น อีอัปสรตัวแสบ แสบกว่าที่เขาคาดไว้! ขนาดไล่ออกแล้ว หล่อนยังมีหน้าทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ ต่อไปคงต้องระวังตัวมากกว่านี้ “แล้วแต่จะคิดค่ะ...ฉันไปล่ะ ทุกคนโชคดีนะ...” หญิงสาวเอ่ยลา เธอหันไปโบกมือกับกลุ่มเพื่อนๆ ร่วมงานแล้วจึงเดินเชิดหน้าออกไปจากร้าน แต่เมื่อพ้นร้านอาหารแห่งนั้นออกมาไกลพอสมควร ลำคอที่เหยียดตรงกลับตกห้อยลง เธอจะหางานอะไรทำได้ เมื่อไม่มีความรู้ ไม่มีวุฒิการศึกษา...และจะเอาเงินที่ไหนจ่ายค่าห้อง...หากต้องระเห็จออกจากห้อง เธอคงได้นอนที่ทางเท้า เมื่อไม่รู้จะไปซุกหัวนอนที่ไหน? ครั้นจะไปขออาศัยนอนกับมารดา มันก็ตะขิดตะขวงใจ ท่านละทางโลกไม่อยากให้ท่านพลอยมาไม่สบายใจด้วย เธอหัวเดียวกระเทียมลีบ คงไม่ถึงตายหรอก “ลองเสี่ยงดวงไปขอให้ป้าเพ็ญช่วยดีกว่าไหม? เพื่อท่านจะพอช่วยได้” พี่สาวคนโตของบิดา ป้าเพ็ญจันทร์ ฐานะดีมีอันจะกิน อัปสรแปลกใจแค่...หลังจากบิดาล้มละลาย ญาติสนิททำไมถึงได้หายหน้าไปจนหมด แต่เวลานี้เธอเข้าตาจนจริงๆ ลองเสี่ยงดวงดูก็แล้วกัน เธอเดินท่าฝ่าเปลวแดดตอนเที่ยงตรง กระเสือกกระสนมาจนถึงคฤหาสน์หลังโตของเพ็ญจันทร์ หลังกดกริ่งและมีคนใช้หน้าซื่อเดินออกมาหา เธอยื่นความประสงค์ของตัวเอง แต่ก็ต้องหน้าแหกเพราะเจ้าของบ้านไม่ยินดีต้อนรับ “คุณนายให้บอกคุณค่ะ...ว่าไม่อยู่...คุณกลับไปเถอะ” คนพูดคงไม่รู้ตัวว่าพูดผิด หล่อนคงเป็นประชาชนของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะสำเนียงของเธอยังไม่ชัดเจน และคงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาเฉลยความจริงทั้งหมด เจ้าของบ้านไม่เปิดประตูต้อนรับเธอ เขารู้ว่าเธอคือใคร? และมาเพื่ออะไร “เหอะ!” หญิงสาวเงยหน้ามองพระอาทิตย์ดวงโต เพื่อให้น้ำตาร้อนๆ ไหลกลับไปอยู่ที่เดิม เป็นคนจนมีแต่คนรังเกียจ แม้แต่ญาติสนิทยังตีตัวออกหาก รังเกียจแม้แต่เงาของเธอ อัปสรตัดใจเดินหนี เขาไม่ยินดีต้อนรับเธอก็ไม่หน้าด้านทน แต่เพราะเธอหมดแรงเดิน จึงซุกตัวนั่งพักริมรั้ว อาศัยเงาต้นไม้ไม่ให้เปลวแดดจัดจ้าลามเลียผิวกายจนไหม้ไปเสีย “กลับไปแล้วใช่ไหมนังจวง? ถ้าแม่นั่นมาอีก...แกไล่ไปได้เลยนะ ฉันไม่ใช่ธนาคาร...ที่จะได้มาเบิกถอนเงินไปใช้ฟรี ดูหนังหน้าก็รู้คงจะกรอบเต็มทน!” เสียงคุ้นหูของคนคุ้นเคย ไม่มีคำพูดอ่อนหวาน ไม่มีคำพูดคะขา มีแต่คำดูแคลนและหยามเหยียด...นี่คือพี่สาวบิดา คนที่เธอเคยเคารพและเรียกอย่างนับถือมาตลอดว่า ‘ป้า’ เมื่อไร้เงินทอง เธอก็เลยกลายเป็นแค่เศษขยะ มีแต่คนรังเกียจอย่างนั้นเหรอ? ไม่รู้ว่าเธอจะต้องผจญเรื่องเลวร้ายแบบนี้ไปอีกเมื่อไร แล้วเมื่อไร ความอยากจนนี่ จะไปพ้นๆ เธอเสียที ต้องกระเหม็ดกระแหม่ ทำงานเหนื่อยสาวตัวแทบขาด แต่ก็ไม่มีกินเหมือนเดิม เพราะต้องแบ่งเงินที่หามาได้เอาไปอุดหนี้บัตรสารพันที่เคยใช้สมัยร่ำรวย...จนตอนนี้แทบจะตายเพราะความสุรุ่ยสุร่ายนั่น ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไรอีก มีแต่ความทุกข์ใจ...และเหนื่อยเต็มทน... ขวดยาพาราเซตามอลอัปสรตัดสินใจซื้อมาจากร้านขายยาหน้าปากซอย...2 ขวดพร้อมกับอาหารดีๆ ที่ไม่ได้แตะมาเกินครึ่งปี เพราะต้องกระเหม็ดกระแหม่การใช้เงิน มีกุ้งเผาตัวโตๆ พิซซ่าถาดใหญ่ พร้อมกับน้ำอัดลมขวดโต เธอจะกินทั้งหมดนี่ให้หมด แล้วก็ซัดยาตาม พอกันทีกับชีวิตบัดซบ! ยิ่งดิ้นรน ยิ่งลำบาก เมื่อพระเจ้าไม่เมตตาเธอ ก็ขออำลาแล้วละ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะฝืนอยู่ต่อ...มีแต่ความทุกข์ กับความกลัดกลุ้ม “รวยอะไรมาน้องสาว...ของกินเพียบเลย” ไอ้ปากหมาประจำหอพักตะโกนสัพยอกเธอ แต่อัปสรไม่มีอารมณ์จะต่อปากต่อคำ เธอจ้องตามันแล้วจึงแสยะยิ้ม “เห่าวันนี้ได้วันสุดท้ายนะพี่ชาย...อยากสำรากอะไรก็พูดออกมาได้เลย...” มันชะงัก แล้วจึงผุดลุกขึ้นยืน หน้าแดงก่ำ “ปากดีจริงนะอีคนสวย! นึกว่าสวยตายล่ะมึง โทรมยิ่งกว่ากะหรี่ แบบนี้ใครจะเอาลงว่ะ” มันกรรโชกกลับเสียงอ้อแอ้...คงกำลังเมาได้ที่ “หึ!” เธอแค่นยิ้ม คนพวกนี้แปลก...เฉยมันก็ด่าหาว่าเล่นตัว ตอกกลับมันก็ด่า หาสารรูปดูไม่จืดแล้วมาทำหยิ่ง เธอเพลียและเหนื่อยใจแต่ก็ต้องทน แต่...วันนี้ความอดทนเธอขาดผึ่งแล้ว ต้องให้มันสำนึกบ้างว่าการทำตัวเป็นเหลือบสังคม มีใครรังเกียจมันบ้าง?
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม