ชำระหนี้เมียคืนเดียว บทที่1.ไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ

1578 คำ
บทที่1.ไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ อัปสรผุดลุก ผุดนั่ง เธอมองกองจดหมายทวงหนี้ของบรรดาสถาบันการเงินทั้งหลายแหล่ที่ตัวเองเป็นลูกค้า วงเงินในบัตรนับ10ใบเต็มเอี๊ยด! ใครจะรู้ล่ะว่า... ลูกสาวคนมีฐานะจะตกอับ...กลายเป็นแค่มนุษย์เงินเดือน แต่อัปสรกลับจมไม่ลง! เธอเป็นหนี้ทุกสถาบันการเงิน แทบทุกแห่งที่เปิดให้บริการในประเทศไทย และเวลานี้ฟองสบู่ของเธอกำลังจะแตก...เธอหาเงินที่ไหนล่ะไปจ่ายหนี้ เมื่อลำพังเงินเดือนก็แทบจะไม่พอกิน เป็นเพราะความเหลวไหลของตัวเอง ตอนที่ครอบครัวอู้ฟู่! เธอก็ดันไม่รักดี ขนาดบิดาส่งไปเรียนที่ฮ่องกง เธอก็ยังไม่สามารถคว้าใบปริญญามาครองได้ แถมยังสร้างหนี้ไว้เสียก้อนมหึมา คิดง่ายๆ แค่ว่ากลับประเทศจะอ้อนขอสตางค์พ่อ แม่มาชดใช้คืน แต่...เมื่อเธอกลับถึงบ้าน ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่คิดไว้ พ่อหนีหนี้ หายตัวไปในกลีบเมฆ แม่ทรุดฮวบ... รับไม่ได้กับภาวะล้มละลายของสามี เมื่อเธอเป็นแค่แม่บ้าน...ไม่มีเอี่ยวแต่ก็เป็นภรรยาตามกฎหมาย...ทรัพย์สินที่เหลือถูกขายทอดตลาด และมารดาก็ปลีกตัวจากทางโลก เธอหันหน้าเข้าหาพระธรรม...เพื่อทำให้จิตใจตัวเองสงบและไม่ฟุ้งซ่าน คนที่ซวยก็คือตัวอัปสร! เธอเหงื่อตกเมื่อรับรู้ความเป็นไปของครอบครัว เข่าแทบทรุดเมื่อต้องรีบเก็บของเผ่นออกจากบ้านที่อาศัยนอนคุ้มหัวมาตั้งแต่เกิด เมื่อมีหมายศาลแปะอยู่ที่ด้านหน้าประตูรั้วบ้าน เมื่อมันคือทรัพย์สินที่ถูกขายทอดตลาดเพื่อชดใช้สินไหมที่บิดากู้เงินมาจากบรรดาธนาคารเพื่อมาอุดรอยรั่วในบริษัทของตัวเอง เธอเคว้งคว้าง? ไม่กล้าปริปากบอกมารดาว่าตัวเองเรียนไม่จบ ไม่มีอะไรสักอย่างติดตัว นอกจากตระเวนเที่ยวแบบไร้สาระไปวันๆ ช่วง6 เดือนท้ายๆ เงินจากทางบ้านไม่ได้ส่งไปให้ เธอหาทางรอดด้วยการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ แล้วก็ใช้ชีวิตสำเริงสำราญเหมือนเดิม...ไม่คิดว่าช่วงเวลานั้น...ที่บ้านกำลังวิกฤต หญิงสาวอยากย้อนเวลากลับไป เธอจะรีบกลับมาช่วยบิดา ไม่ให้เหตุการณ์มันเลวร้ายมากไปกว่านี้ แต่มันเป็นไปไม่ได้! สองสิ่งที่ไม่มีทางย้อนกลับ คือเวลา และสายน้ำ เธอต้องผจญกับหายนะของครอบครัว และต้องอยู่กับมันให้ได้ หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนที่นอนเก่าๆ ผ้าปูที่นอนสีซีดๆ ที่ซุกหัวนอนในเวลานี้ของตัวเอง...พร้อมกับยกมือขึ้นกุมศีรษะ “เอาไงดีล่ะอัปสรเอ๋ย? แกกำลังเข้าตาจนแล้วนะ” ยิ่งดิ้น...เชือกเส้นใหญ่ยักษ์ก็ยิ่งมัดตัวเธอแน่นขึ้น หากไม่มีเงินมาปลดหนี้ทั้งหมด เธอคงไม่มีความสุข แต่...จะหาเงินจากไหนล่ะ เมื่อไม่ว่าญาติพี่น้องคนไหน ต่างก็เบือนหน้าหนี ไม่มีใครหวังดีกับเธอ เหมือนตอนที่ครอบครัวกำลังรุ่งเรือง เวลานี้เธอแทบจะกลายเป็นแค่หมาจรจัด เพราะทันทีที่โผล่หน้าไปให้พวกเขาเห็น เขาเผ่นหนีแบบไม่ไว้หน้า เหมือนจะกลัวว่าเธอจะไปยืมเงิน “ช่างมัน ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” เธอพึมพำเสียงแผ่วเอนกายลงนอน พยายามทำใจให้สงบ เพื่อหาทางออกสวยๆ หญิงสาวหลุบเปลือกตาลง น้ำตาร้อนๆ รินไหลออกมาทางหางตา เธออ้างว้าง... ต้องการที่พึ่ง แต่ไม่มีใครที่ใจดีพอจะยื่นมือเข้าช่วย อัปสรพึ่งเข้าใจ... ไม่มีสตางค์ในกระเป๋าก็ไม่มีทั้งเพื่อน...หรือว่าญาติพี่น้อง “สักวันเถอะ! สักวันฉันจะฟื้นฟูแสนสิริด้วยตัวเอง!” กิจการของบิดาคือบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ท่านขาดทุนเพราะมีการคอร์รัปชันในบริษัท ยังจับมือใครดมไม่ได้ว่าใครคือหนอนตัวนั้น ฟองสบู่ก็มาแตกผั๊วะเสียก่อน ท่านเลยกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ในบริษัทมีหุ้นส่วนหลายคน และที่ถือหุ้นใหญ่ๆ มีด้วยกันสามเจ้า หนึ่งคือคุณองอาจบิดาเธอ และดำรงตำแหน่งประธาน สองคือคุณอำนาจน้องชายของบิดา สามคือคุณเพ็ญจันทร์พี่สาวของบิดา อัปสรไม่เข้าใจทำไมบิดาถึงล้มคนเดียว โดยที่สองคนนั้นยังอยู่ดีมีสุข เธอไม่เข้าใจและกำลังเฟ้นหาความจริง หนึ่งในสองคนนั้น อาจจะเป็นหนอนตัวที่เธอสงสัย แต่เธอไม่รู้ว่าจะหาทางไหนเข้าไปใกล้ชิดสองคนนั้นได้ เมื่อพ่อล้ม สองท่านนั่นแทบจะไม่แลครอบครัวเธอ เธอไม่ใช้หลานของพวกเขาอีกต่อไป! อัปสรหลับไปทั้งคราบน้ำตา เธอตะลีตะลานตื่นขึ้นมาหลังนาฬิกาปลุกแผดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว! “ตายๆ แกตื่นสายอีกแล้วนะสร วันนี้ไปไม่ทัน แกถูกไล่ออกแน่ๆ” หญิงสาวก่นด่าตัวเองที่นอนขี้เซาจนตื่นเสียสายโด่ง เธอทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ ความรู้แค่หยิบมือจะไปทำมาหากินอะไรได้ นอกจากใช้แรงงานแลกเอาเงินเดือน แค่พอประทังชีวิต แต่ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้อย่างที่หวัง แถมบรรดาสถาบันการเงินทั้งหลายทั้งแหล่ โหมทวงหนี้เธอ จนเธอปวดหัว เพราะเท่าที่เปิดดู สรุปยอดแล้วเธอเป็นหนี้เกือบครึ่งล้าน ไม่รวม... หยางไช่กรุปที่เธอกู้เงินมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยตอนที่อยู่ฮ่องกง เพราะหากรวมเจ้านั้นด้วย เธอเป็นหนี้เกินล้าน รถเมล์เมืองไทยขับเหมือนอยู่ในสนามแข่งขัน ทั้งเร็ว และกระแทก กระทั้น นึกอยากจะตะบึงท่านก็ทำโดยไม่ถามความเห็นของผู้โดยสาร ความเร็วยิ่งเพิ่มขึ้นหากถนนว่าง และผู้โดยสารแน่นเสียจนแทบจะไม่มีอากาศหายใจ ต่างคนต่างเบียดเสียด เพื่อจะไปทำงานให้ทัน รวมทั้งตัวเธอเองด้วย “พูว์!” หญิงสาวถอนลมหายใจ หลังสามารถแหวกวงล้อม ก้าวลงจากรถเมล์มฤตยู ลงมายืนบนทางเท้าได้หน้าอาคารสูงเสียดฟ้า สถานที่ที่เธอทำงานอยู่ที่นี่ เป็นพนักงานเสิร์ฟรับรองลูกค้าต่างชาติ เพราะเธอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เงินเดือนมากอย่างที่คิด อยากจะเปลี่ยนงาน แต่ก็ไม่มีวุฒิการศึกษาให้เขา หากย้อนเวลาได้ อัปสรสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน แต่มันคือความฝันเมื่อทุกอย่างไม่มีทางย้อนคืน เธอต้องผจญกับมันต่อไป จนกว่าจะตายกันไปข้าง “ไปด้วยค่ะ ขอไปด้วย” เธอวิ่งหน้าตั้ง เมื่อประตูลิฟต์กำลังจะปิดลง หากเธอพลาดลิฟต์เที่ยวนี้ เธอเข้างานสายแน่ๆ มีคนในลิฟต์ได้ยินเสียงตะโกนของเธอ อัปสรแน่ใจ! แต่กลับไม่มีใครใจดีพอที่จะหยุดลิฟต์รอเธอ ประตูลิฟต์ปิดลง และลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นไปด้านบน ก่อนที่เธอจะไปถึงเพียงเสี้ยววินาที เธอเม้มปากแน่น น้ำตาแทบจะหยด ขอบตาแดงก่ำเพราะความกดดันในหัวใจ ใช่สิ! สภาพเธอตอนนี้คงไม่ต่างอะไรกับเศษขยะ เสื้อผ้ายับยู่ยี่เพราะไม่มีเวลารีด (ที่สำคัญเธอรีดผ้าไม่เป็น) ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ความยากจนเกาะ ไม่มีสง่าราศี มีแต่ความอับเฉา เธอคอตกผ่อนลมหายใจยาวเหยียด ก่อนจะเชิดหน้าขึ้น เดินไปลิฟต์อีกตัวและกระแทกนิ้วกดแรงๆ ยืนรอด้วยความหวัง หวังให้ตัวเองขึ้นไปทันเวลาเข้างาน... แต่มันริบหรี่ และเลือนรางสิ้นดี! เข็มนาฬิกาเหมือนจะไม่เป็นใจ เมื่อเธอกระหืดกระหอบขึ้นไปจนถึงชั้น15 มันก็เลยเวลาเข้างานไปกว่า5 นาที ผู้จัดการขาโหด ยืนกอดอกรอเธออยู่หน้าประตู หน้าเขาแดงก่ำ และคงกำลังอารมณ์เสียถึงขีดสุด “อัปสร! เธอมาสาย” เสียงเรียบกริบ แต่ดวงตาของเขาเหมือนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเธอ “ฉันขอโทษค่ะ ฉันพยายามแล้ว แต่ขึ้นลิฟต์มาไม่ทัน ต้องเสียเวลารอตั้งนานค่ะ” เธอพนมมือยกขึ้นไหว้ และอธิบายการล่าช้าของตัวเองครั้งนี้ให้ท่านผู้จัดการฟัง และหวังว่าเขาจะเมตตา “นั่นมันเรื่องของเธอ แต่...เราตกลงกันไว้แล้วนี่นา หากเธอมาสายอีกครั้งในเดือนนี้ ฉันคงต้องปลดเธอออก เมื่อยังมีคนที่พร้อมกว่าเธอรอที่จะเข้ามาทำงาน” ผู้จัดการร้านพูดเสียงเนิบนาบ เขาเก็บอัปสรไว้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะมันจะทำให้ระบบ ระเบียบภายในร้านหย่อนยานลง เมื่อหล่อนกำลังทำให้ทุกคนเริ่มกระด้าง ภาษาอังกฤษของอัปสรดีเลิศ ฟังออกว่าเจ้าของร้านชาวอังกฤษใจดี เขาไม่ได้มีอะไรกับพนักงาน คนที่เขี้ยวคือเขาเอง... แถมหล่อนยังรู้อีกว่าเขาเม้มเงินค่าทิป เพราะฉะนั้นต้องรีบเขี่ยแม่ตัวกลางความวุ่นวายออกไป ก่อนที่ความลับของเขาจะแตกผั๊วะ “แต่ฉันไม่มีที่ไปนะคะ...คุณก็รู้” “นั่นมันเป็นปัญหาของเธอนะ อัปสร! กฎต้องเป็นกฎ” “ฉันแค่มาสายนะคะผู้จัดการ หากคุณเคร่งกฎจริงคุณน่าจะลาออกนานแล้ว เพราะเรื่องคุณเม้มเงินค่าทิปของพวกเรา...คุณก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งนี้ คุณเอาเปรียบเรา”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม