ตอนที่ 1 แรกแย้ม

1561 คำ
@บ้านอดิเทพ 'คนอะไรยิ้มให้ดอกไม้' ศุภเสกข์ครุ่นคิด หนุ่มนักรักทำท่าด้อมๆ มองๆ หญิงสาววัยกระเตาะที่สวมเสื้อม่อฮ่อมยืนอยู่กลางสวนกุหลาบหลากสี ยิ่งมองนานยิ่งเพลินตาทว่าไร้อารมณ์ผู้ใหญ่ใคร่ปรารถนา รอยยิ้มอ่อนนั้นเปรียบเสมือนสถานที่อันสงบงดงามและน่าหลงใหล "นี่แหละผู้หญิง พวกเธอมักจะใช้ความสวยงามเป็นยาพิษ หลอกล่อให้ผู้ชายติดกับดักได้ดีเสียยิ่งกว่ายาปลุกเซ็กส์" เสียงทุ้มดังใกล้ใบหูจนลำตัวสูงสะดุ้งโหยง ศุภกรหัวเราะร่าเมื่อเห็นท่าทางตกใจของพี่ชาย "เพ้อเจ้อ มาเงียบๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียง" "พี่ชายนั่นแหละที่เหม่อลอย ติดใจสาวใช้นั่นหรือยังไงกัน?" ใบหน้าคมคายพเยิดไปทางคนในสวน "สาวใช้ สาวใช้ที่ไหน?" คิ้วเข้มขมวดยุ่งพลันตวัดหางตามองน้องชายสีหน้าดุดันแก้เก้อ "คนนั้นแหละสาวใช้ ไม่ต้องไปสนใจหรอกฮะ" "เด็กนั่นดูไม่เหมือนสาวใช้สักนิด" สายตาคมกริบจับจ้องไปยังเจ้าของผิวขาวผุดผ่อง มองอย่างไรอายุก็ยังไม่ถึงสิบแปดปีเสียด้วยซ้ำ "เอาเวลาไปสนใจว่าที่เจ้าสาวดีกว่าไหมครับ" "ไม่อ่ะ แล้วคุณพ่อคุณแม่สู่ขอว่าที่เมียให้ฉันใกล้เสร็จหรือยัง อยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว" "น่าจะใกล้เสร็จแล้ว เห็นว่าคุณสโรชาเองเขาก็แอบออกจากบ้านไปแต่เช้าเพราะไม่อยากเจอว่าที่เจ้าบ่าวเหมือนกัน" ศุภเสกข์แค่นหัวเราะ นึกตัดพ้อชะตากรรมหนุ่มนักรักที่กำลังถูกจับคลุมถุงชน เรื่องนี้คงต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด หากรู้ถึงไหนได้อายถึงนั่น เพราะที่ผ่านมาเขามักเปรียบผู้หญิงทุกคนเสมือนดอกไม้งาม มีไว้เด็ดดมชมเชยชั่วครั้งชั่วคราวเมื่อไร้กลิ่นหอมก็เขวี้ยงทิ้งไม่ไยดี การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและผิดพลาดมากที่สุดในชีวิต จะเรียกว่าความอัปยศก็คงไม่เกินไป "สาวใช้ที่แกว่ากำลังเดินมาหาเรา" ดวงตาเป็นประกายของศุภเสกข์จ้องมองร่างเล็กกะทัดรัดที่เดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้า เรียวปากอิ่มฉีกยิ้มกว้างเผยฟันขาวเรียงสวยเป็นการผูกมิตร บุษบันรู้ดีว่าหนึ่งในนั้นคือว่าที่พี่เขยของตน เธอจึงยกขึ้นไหว้แขกผู้มาเยือนทั้งสองคน "สวัสดีค่ะ ทำไมถึงไม่เข้าไปในบ้านล่ะคะ?" เสียงใสเอ่ยถาม แก้มขาวผ่องกลายเป็นสีแดงระเรื่อเพราะกระทบเข้ากับแสงแดดยามสาย ใบหน้าเรียวงามรูปไข่ คิ้วเรียวสวยรับกับดวงตากลมโตสีน้ำตาลเป็นประกาย จมูกโด่งเล็กเชิดรั้น ผมสีดำขลับถูกรวบตึงมัดมวยขึ้นสูง ผิวพรรณเปล่งปลั่งดั่งไข่มุก ศุภเสกข์จ้องมองคนตรงหน้าอย่างลืมตัว เนิ่นนานจนสามารถจดจำรายละเอียดบนใบหน้างดงามของบุษบันได้แทบทุกตารางนิ้ว ศุภกรได้แต่ยิ้มเจื่อน แล้วจึงขยับข้อศอกเข้าไปสะกิดท่อนแขนพี่ชายเป็นการเรียกสติ "เอ่อ...พี่ชายฉันเขาไม่อยากเจอว่าที่เจ้าสาวน่ะ ว่าแต่เราเถอะเป็นสาวใช้ใช่ไหม พอจะหาน้ำหาท่าหาของว่างมารับแขกที่สวนหน้าบ้านได้หรือเปล่าล่ะ?" ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนที่ตนเข้าใจว่าเป็นสาวใช้ บุษบันกลั้นขำแล้วพยักหน้าน้อยๆ ทว่าศุภเสกข์กลับยังคงไม่พูดอะไร และไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าอ่อนเยาว์แม้แต่วินาทีเดียว "งั้นเชิญคุณสองคนไปนั่งรอที่ใต้ต้นปีบด้านโน้นก่อนนะคะ เดี๋ยวบัวจะไปเอาน้ำเย็นๆ ออกมาให้ค่ะ" มือเล็กชี้ไปยังเก้าอี้สีน้ำตาลที่ตั้งอยู่ใต้ต้นปีบกลางสนามหญ้าซึ่งไม่ไกลมากนัก ศุภกรพยักหน้าแทนคำขอบคุณและดึงแขนพี่ชายเดินตรงไปยังต้นปีบตามที่หญิงสาวบอก "คุณหนูขา ป้าได้ยินเสียงคุณหนูคุยกับใครหรือคะ?" ป้าดวงแม่บ้านวัยราวห้าสิบปีเดินออกมาหาบุษบัน นางรับเอาตะกร้าดอกกุหลาบจากมือของเจ้านายน้อยมาถือไว้พลางกวาดสายตามองหาสาวใช้อีกคนหนึ่ง "คุยกับแขกของคุณแม่ค่ะ" "อ๋อ คุณศุภเสกข์กับคุณศุภกรน่ะหรือคะ?" "มั้งคะ" เธอตอบพลันหันไปมองสองหนุ่มที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ "แล้วแม่กระถินไปไหนซะล่ะ อุตส่าห์ให้มาเก็บดอกไม้แล้วทำไมดอกไม้ถึงมาอยู่กับคุณหนูล่ะคะ?" "หนูขอให้กระถินช่วยออกไปซื้อขนมเบื้องหน้าปากซอยค่ะ ร้านนี้อร่อยมากเลยนะคะ หิวจนทนไม่ได้แล้วเนี่ย" คนตัวเล็กทำท่าออดอ้อนใส่ป้าดวงเหมือนตอนเธอเป็นเด็กน้อย และยังสวมกอดนางโดยไม่สนใจฐานะเจ้านายของตนเองเสียจนศุภเสกข์ที่กำลังมองมาเชื่อสนิทใจว่าเธอเป็นสาวใช้อย่างที่น้องชายบอก "ป้ารู้แล้วค่ะว่าอร่อยมาก ทานของหวานเยอะๆ ระวังจะตัวอ้วนต้วมเตี้ยมนะคะ" "ไม่เห็นจะสนใจซะหน่อย" หญิงสาวหัวเราะคิกคักเมื่อโดนทักว่าตัวจะอ้วน เพราะตอนนี้ตัวผอมจะเท่าไม้เสียบลูกชิ้นอยู่แล้ว "อ้อ ว่าแต่คุณหนูรู้หรือยังว่าคุณเสกข์เขาเป็นว่าที่พี่เขยของคุณหนู" "คุณเสกข์คนไหนยังไม่รู้เลยค่ะ" "ก็คุณเสกข์คนที่ตัวสูงกว่าคุณกรไงคะ ดูหน้าจะหล่อกว่าคุณกรด้วย" "ไม่อยากรู้หรอกค่ะ เพราะถึงยังไงพี่หอมก็ไม่มีวันยอมแต่งงานแน่ๆ สงสัยคุณแม่ยังไม่รู้ว่าพี่หอมมีแฟนแล้ว" สโรชาคบหนุ่มมากหน้าหลายตา แม้แต่บุษบันเองยังแทบไม่รู้ชื่อแฟนคนปัจจุบันของพี่สาว "คุณพระ! คุณหนูอย่าพูดเสียงดังไปสิคะ เดี๋ยวก็มีใครมาได้ยินเข้าหรอกค่ะ" นางเอ็ดเจ้านายน้อยเสียงเบา "บัวไม่เห็นจะเข้าใจเลย ทำไมผู้ใหญ่ถึงต้องบังคับให้เด็กๆ แต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รักกันคะ" วงแขนเล็กขยับออกไม่ยอมกอดป้าดวงแล้ว เรียวเท้าสวยก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกับทำสีหน้าบึ้งตึง "เรื่องนี้คุณหนูให้คุณแม่ท่านอธิบายให้ฟังดีกว่านะคะ แต่ตอนนี้อย่าพูดเสียงดังไป เข้าบ้านกันเถอะค่ะ" นางตัดบท เพราะบุษบันยังคงไม่เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจสถานการณ์ของผู้ใหญ่ในตอนนี้  "เดี๋ยวค่ะ แขกสองคนนั้นเขาอยากได้น้ำกับของว่าง เดี๋ยวบัวเอาไปเสิร์ฟเองนะคะ" เธอพูดเท่านั้นแล้วจึงเดินจ้ำอ้าวตรงเข้าบ้านและเลี้ยวไปในห้องครัว ป้าดวงได้แต่ถอนหายใจในความซุกซนของเจ้านายน้อย จากนั้นนางจึงเดินตามหลังคุณหนูของตนเข้าไป ภายในห้องรับแขกกำลังพูดถึงศุภเสกข์ เขาคือผู้บริหารหนุ่มไฟแรงจากตระกูลเศรษฐีใหม่ในยุคเศรษฐกิจอันเฟื่องฟู ว่าด้วยความร่ำรวยถูกพูดถึงจนกลายเป็นเรื่องสาธารณะ และความหล่อเหลาทุกกระเบียดนิ้วส่งผลให้เขาและศุภกรผู้เป็นน้องชายกลายเป็นที่หมายปองของสายน้อยสาวใหญ่ไปโดยปริยาย ทว่าการเป็นเศรษฐีใหม่ที่ไต่เต้าขึ้นมาสู่สังคมระดับสูงในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ตระกูลเศรษฐาดำรงถูกครหาถึงที่มาของเม็ดเงินมหาศาลในช่วงสี่ปีหลัง ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาเคยได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลอดิเทพ ตระกูลผู้ดีเก่าที่เคยมั่งคั่งทว่าตอนนี้มีเพียงนามสกุลไว้เชิดหน้าชูตา ไม่มีใครรู้ว่าอดิเทพกำลังตกที่นั่งลำบากหลังจากสูญเสียเสาหลักของครองครัว สมบัติที่เหลือมีเพียงบ้านหลังใหญ่โตที่ไม่มีวันยอมขาย ที่ดินติดจำนอง รวมถึงรถยนต์หรูสามคันที่ไม่พอชดใช้หนี้สิน และลูกสาวอีกสองคนที่ยังพึ่งพาอาศัยไม่ได้ "อย่ากังวลไปเลยนะคะคุณพี่บงกช อย่าลืมสิว่าเศรษฐาดำรงมีวันนี้ได้เพราะคุณพี่ภวพล ถึงแม้ว่าเงินก้อนนั้นเราจะใช้หนี้กันหมดแล้ว แต่ถึงยังไงน้องก็ยังอยากเป็นทองแผ่นเดียวกันกับอดิเทพนะคะ" คุณสรวงสุดายังคงยืนยันคำเดิม การที่นางเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อสู่ขอบุตรสาวคนโตให้กับศุภเสกข์ ตามที่เคยบอกกล่าวไว้เมื่อหลายเดือนก่อนหลังจากคุณบงกชสูญเสียสามี "คุณเสกข์คงลำบากใจแย่เลยนะคะ พี่ว่าเราลองถามเด็กๆ ดูก่อนไหมคะ?" นางเหนื่อยใจ เพราะรู้ดีว่าสโรชานั้นแสนดื้อรั้นเอาแต่ใจ "ไม่ต้องกังวลเรื่องตาเสกข์หรอกค่ะ น้องรู้ดีว่าลูกชายคนนี้ไม่มีทางลงหลักปักฐานกับใครเป็นแน่ หากไม่บังคับก็คงจะเอาแต่เกเรเด็ดดอกไม้ริมทางไปเรื่อย" นางหันไปมองหน้าคุณศรผู้เป็นสามี "ส่วนค่าสินสอดห้าสิบล้านคิดซะว่าเราตอบเเทนบุญคุณอดิเทพเถอะนะครับ ผมบอกลูกๆ เสมอว่าคุณภวพลมีบุญคุณกับเรามาก และเสกข์เองเขาก็ไม่ได้ขัดอะไร" คุณบงกชคลี่ยิ้มเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงลำบากใจ ที่จะต้องกล่อมบุตรสาวให้ยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับศุภเสกข์นั่นเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม