ห้าวันที่ผ่านมา หลี่หวางชิงตั้งใจเขียนแผนการสำหรับเปิดร้านค้าของตน ที่ต้องทำเช่นนี้ด้วยรู้ว่า หากวันใดวันหนึ่งต้องแต่งออกจากสกุลหลี่ซึ่งชะตาชีวิตมิอาจเลี่ยงได้ นางควรมีทรัพย์สมบัติของตนไว้บ้าง ดังนั้นเริ่มทำการค้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ นางคงอยู่รอดได้แบบมีสภาพคล่องในมือ และให้ผู้อื่นออกหน้าเปิดร้านแทน ส่วนนางคอยเก็บส่วนแบ่ง แล้วจะค้าขายสิ่งใด หลี่หวางชิงคิดอย่างถี่ถ้วน สินค้าของนางย่อมไม่ผิดกฎหมาย แน่นอนมันต้องเป็นที่ต้องการของทุกคน นางจะใช้การบอกแบบปากต่อปาก กระตุ้น ความอยากรู้ อยากลองให้คนนำเงินมามอบให้นาง ด้วยความจงรักภักดี
ขณะที่หลี่หวางชิงคิดใคร่ครวญหลายสิ่งอย่างกระตือรือร้น โดยหารู้ไม่ว่ายามสายวันนี้ นางต้องเผชิญหน้าจอมมารผู้เฝ้าประตูนรก
หญิงสาวไม่ใคร่อยากต้อนรับผู้ใด แต่เป็นเพราะหลี่หมิง พี่ชายคนโตของนาง ในอดีตเขาเป็นศิษย์ร่วมสำนักของจ้านซานป๋อ เรื่องนี้นางจึงปฏิเสธไม่ได้
“เขาไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อใด”
โอว่เซียงมองคุณหนูของตน แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ไม่ใช่เฉพาะคุณชายใหญ่ที่นับถือแม่ทัพจ้านเท่านั้น แต่ตัวคุณหนูก็...มีใจให้กับเขาอยู่มาก มากจนล้นเชียวล่ะเจ้าค่ะ” คำพูดแม่นมทำให้หลี่หวางชิงนิ่งไปชั่วขณะ ด้วยภูมิหลังตัวละครทั้งจ้านซานป๋อ และคนที่นางสวมร่างอยู่นี้ มีน้อยนิดในหัว
“เจ้านำสิ่งใดมากล่าว เหลวไหลสิ้นดี”
แม่นมส่ายหน้าน้อยๆ ทำท่าราวกับจะปลอบให้หลี่หวางชิงสงบสติอารมณ์
“หกปีก่อน คุณชายใหญ่ติดตามแม่ทัพจ้านไปบันทึกแผนที่ คุณหนูได้มีโอกาสออกไปด้วยอันที่จริงคือปลอมตัวเป็นเด็กชายในบ้านขึ้นรถม้าตามไป และความซุกซน ทั้งชอบผจญภัย คุณหนูขโมยม้าขี่ออกไปจนหลงป่า และพอถูกหมีไล่ ก็ได้แม่ทัพจ้านผู้นี้ช่วยเหลือ”
“ฮึ ข้ามิเห็นจะจดจำได้ เยี่ยงนี้ย่อมหมายความว่า เรื่องเหล่านั้นไม่ได้สำคัญ”
“ไม่สำคัญหรือเจ้าคะ แผลถูกหมีตะปบตรงกลางหลังแม่ทัพจ้านเกิดจากการช่วยชีวิตคุณหนู เขายังออกตามหา บัวหิมะ และสมุนไพรหลายชนิดช่วยคุณหนูด้วย เพราะหนีหมียักษ์ได้ก็จริง แต่คุณหนูกลับผลัดตกเขา ลงไปอยู่ในรังของแมงมุมก้นม่วง!”
ได้ยินโอว่เซียงเอ่ยเช่นนั้น เนื้อตัวของหลี่หวางชิงพลันร้อนวูบวาบ นางรู้สึกเหมือนได้รับพิษบางอย่างและมันจู่โจมเข้าสู่ร่างกายด้วยความรวดเร็วรุนแรง กระทั่งถ้วยชาในมือหล่นลงพื้นแตกกระจาย
“คุณหนู!”
หลี่หวางชิงดึงสติตนกลับ นางเข้ามาอยู่ในร่างของหลี่หวางชิง หลายสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ย่อมส่งผลให้เจ้าของร่างรักปักใจต่อจ้านซานป๋อ
หญิงสาวมือเย็นจัด เหงื่อชื้นบนหน้าผาก หัวใจนางก็เคลื่อนไหวในจังหวะที่ไม่เป็นปกติ
“เติมสีปากสักนิด ดีหรือไม่เจ้าคะ” คำที่โอว่เซียงโพล่งขึ้น ทำให้หลี่หวางชิงฉงนอยู่สักหน่อย
“เจ้าหมายความเช่นไร”
“ก็คุณหนู ต้องออกไปต้อนรับแม่ทัพจ้านกับคุณชายใหญ่ อย่างน้อยควรมีสีหน้าสดใสสักนิด มิใช่ซีดเซียวเช่นนี้”
หลี่หวางชิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พอเรียกหากระจกทองเหลือง นางก็แทบกรีดร้องราวกับคนเสียสติ
“เติมสีปากไม่พอแล้ว ข้าต้องเขียนคิ้ว แต้มสีแก้มให้งามกว่านี้ ปะ ไปเอาถุงหอมมาด้วย ปิ่นดอกไม้ แล้วก็กำไลหยก ทั้งขนจิ้งจอก ข้าต้องการขนจิ้งจอกเงิน!!”
โอว่เซียงพยักหน้ารับ พร้อมสั่งสาวใช้นางเล็กๆ ให้วิ่งวุ่นหาของทุกอย่างที่หลี่หวางชิงต้องการ แต่ไม่วายสงสัยอยู่สักหน่อย เลยเอ่ยถาม
“ขนจิ้งจอกเงินหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ข้าจะสวมมันผิดที่ใด”
“โถ คุณหนู แต่ตอนนี้แสงแดดจ้า อีกทั้ง ท่านก็แพ้ขนสัตว์”
หลี่หวางชิงหยุดชะงัก นางเกือบทำเสียเรื่องแล้ว จึงรีบเปลี่ยนคำสั่งสุดท้ายของตนเสียใหม่
“เสื้อคลุมสีเหลือง ที่ปักลายดอกแปะก๊วย รีบไปเอามาให้ข้าที”
โอว่เซียงยกมือขึ้นปิดปากตน หลี่หวางชิงกำลังต้องการทำสิ่งใดกันแน่ นางไม่รู้หรอกหรือว่า จ้านซานป๋อ...เกลียดสีเหลืองเพียงใด โดยเฉพาะสีเหลืองที่ปักลายดอกแปะก๊วย!
หลี่หมิงต้อนรับจ้านซานป๋อเป็นอย่างดี ทั้งคู่นั่งดื่มสุราในสวนหิน ทว่าเมื่อพูดคุยถึงการทำแผนที่แนวกำแพงเมืองทางใต้ หลี่หมิงก็นึกบางสิ่งได้
เขากำลังออกแบบเครื่องเหวี่ยงหินลูกไฟ คิดว่าคงสามารถนำมาใช้ป้องกันเผ่านอกด้าน รวมถึงหน้าไม้ที่สามารถยิงได้คราวละสามลูก
“พี่ป๋อ ข้ามีบางสิ่งอยากอวดท่าน”
“วันนี้ข้ามาเยี่ยมเยียน เจ้าพักบ้างเถิด ไม่ต้องทำเป็นเด็กน้อย อยากอวดของเล่นใหม่เช่นนี้ก็ได้”
หลี่หมิงเขินเมื่อถูกทักเช่นนั้น เขาถูฝ่ามือสองข้างของตนไปมา และไม่วายเอ่ยต่อ
“แต่ข้าอยากให้พี่ป๋อชมจริง ๆ ตั้งใจทำอยู่หลายวัน ครั้งนี้หากพี่พึงใจ ข้าจะขอออกไปเมืองหน้าด่านด้วย อยากสำรวจถ้ำ แล้วก็วาดแผนที่ที่ทำค้างไว้ให้สำเร็จ”
จ้านซานป๋อหัวเราะเสียงห้าวด้วยความสุข หลี่หมิงเป็นคนเก่ง กระตือรือร้นตลอด อีกทั้งมุ่งหวังช่วยงานเขาเต็มที่ แต่พออยากให้อยู่ในราชสำนัก ทำงานในกรมโยธา หลี่หมิงกับปฏิเสธ ดังนั้นจึงรับหน้าที่เป็นกุนซือแทน ตำแหน่งขุนนางเขาจึงยังอยู่เพียงขั้นสี่ กระนั้นคนต่างนับหน้าถือตาหลี่หมิงมิน้อย นั่นเพราะบิดาเขาเป็นถึงราชครูซึ่งสอนเชื้อพระวงศ์ อีกทั้งคอยให้คำปรึกษาแก่ฮ่องเต้
“เช่นนั้นข้าขอตัวไปนำรถเหวี่ยงหินลูกไฟจำลองกับหน้าไม้มาให้พี่ป๋อชมสักหน่อย”
หลี่หมิงเอ่ยจบ จึงกลับเข้าไปในเรือนของตน ปล่อยให้จ้านซานป๋อ ชมสวนหิน และน้ำตกจำลองอย่างสบายอารมณ์