ความร้อนจากลมหายใจของเขาราวเปลวไฟจุดลงไปในกระแสเลือดผสมแอลกอฮอล์ วูบหนึ่งแสงไฟวาบผ่าน ปานดวงใจมองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้มาก เส้นเลือดตรงลำคอเขาดึงดูดใจจนต้องกลืนน้ำลาย
“ฉันได้กลิ่นมนุษย์” เสียงนั้นกระเส่ายามสวมบทแวมไพร์ มือบางเลื่อนจากหน้าอกเขาไปยังต้นคอ
“ฉันเป็นอาหารของเธอ” พยัคฆ์ยืดตัวขึ้นพร้อมจับขาเธออีกข้างขึ้น เขาขย่มตัวครั้งเดียว ก็สามารถจับขาของปานดวงใจเข้าล็อกในท่าอุ้มแตง
เรียวแขนเล็กกอดคอเขาเมื่อพยัคฆ์อุ้มเธอหมุนตัวตามเสียงเพลงซึ่งเปลี่ยนเป็นคึกคักอีกครั้ง เขาเหวี่ยงจนเธอหัวหมุน ซุกหน้ากับลำคอเขาที่มีกลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นน้ำหอมยั่วใจ
“เลือดของฉันจะพาเธอดื่มด่ำตลอดราตรีนี้” เสียงของเขาปลุกผีเสื้อในตัวเธอให้พากันกระพือปีก ความซาบซ่านซึมซาบไปทั่วกาย ในที่สุดเธอก็ฝังเขี้ยวลงไปที่ลำคอเขา
“โอ้” เสียงร้องของเขาทำให้สาวน้อยย่ามใจ ฝังคมเขี้ยวลงมากกว่าเดิม
กางเกงเขาแทบปริเมื่อวายร้ายข้างในอยากลิ้มรสสวาทแวมไพร์ พยัคฆ์วางเธอลงหลังจากลำคอเป็นอิสระ แต่แขนยังประคองเธอไว้
หน้าอกของเธอกลับมายั่วตาเขาอีกครั้ง และในที่สุดจมูกคมก็กดลงบนเนินอกข้างหนึ่ง เขากดหน้าซุกไซ้ แค่ดมไม่เพียงพอ ลิ้นร้อนปาดลงบนความนุ่มหยุ่น ในจังหวะที่บรรยากาศมืดเหมือนหลับตาพยัคฆ์ดึงขอบเสื้อของเธอลง สติเกือบแตกดับเมื่อริมฝีปากได้สัมผัสกับยอดอกตึงเต็งแข็งสู้ ลิ้นร้อนตวัดโลมเลียก่อนดึงขอบเสื้อกลับที่เดิม ไฟสว่างวาบอีกครั้ง แต่ความหวามไหวที่เกิดขึ้นทำให้ปานดวงใจทิ้งร่างลงในอ้อมกอดเขา
พยัคฆ์ประคองคนสติไม่เต็มร้อยที่พยายามเต้นต่อไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างบีบปากเธอจนหญิงสาวยอมดันเขี้ยวปลอมออก ริมฝีปากเธอน่าจูบขึ้นเป็นกอง
“ไหนขอลิ้มรสเลือดของฉันในปากเธอหน่อย”
ปานดวงใจแลบลิ้นเลียน้ำลายที่ไหลหลังจากถอดเขี้ยว พยัคฆ์ยิ่งกอดเธอแน่น ก้มลงแตะปลายลิ้นของตัวเองบนปลายลิ้นของเธอ
“จักจี้” ปานดวงใจหัวเราะยามรับสัมผัสสุดสยิว มือเล็กไต่ไล้บนหน้าอกเปลือยเขา “คุณจูบไม่เป็นเหรอ”
พยัคฆ์ขบกรามแน่น หันขวับไปมองยังสมุนสองคนที่ยืนรออยู่ตรงมุมหนึ่งของผับ...เป็นอันรู้กัน
“ฉันเป็นนักจูบ”
“จริงอะ” เธอแหงนหน้าหัวเราะอีกครั้ง “ฉันว่าไอ้คุณสมบัตินี้ต้องให้คนอื่นเขายกย่องนะ ไม่ใช่มายกหางตัวเองแบบนี้” นิ้วเรียวยาวจิ้มบนหน้าอกเขา กระแทกแรงๆ สองสามครั้ง
มือหนากระตุกโบบนคอของเธอ ผ้าคลุมของแวมไพร์ทิ้งตัวลงพื้นทันใด
เธอน่ากลืนกินยิ่งกว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ไหล่กลมกลึงต้องแสงไฟ ปานดวงใจกระตุกไหล่ไล่จมูกโด่งคมที่กำลังฝังลงมาแถวรักแร้
“ฉันมีเงินก้อนหนึ่งเหลือเฟือสำหรับการเที่ยวรอบโลก เธอรับคำท้าไหม”
“เงินน่ะไม่หิว แต่เมย์กระหายชัยชนะ”
“นี่คือคำตอบว่ารับคำท้าใช่ไหม” พยัคฆ์ต้องการคำตอบที่ชัดเจน
“Yes เมย์ชอบของรางวัล ชอบความท้าทาย ฮ่าๆๆๆ”
“ฉันคิดไม่ผิด งั้นมาพิสูจน์กันว่าฉันเป็นนักจูบจริงไหม กล้าจูบกับฉันหรือเปล่าล่ะ”
“ทำไมจะไม่กล้า จูบเสร็จก็ล้างปาก ทำออกบ่อยปายยย แล้วกติกาคืออะไร แค่อยากได้คำยืนยันว่าเฮียเป็นนักจูบตัวยงอะเหรออออ”
“ใครมีอารมณ์ก่อนคนนั้นแพ้”
“โอ๊ย สบายบรื๋อ แข่งกับครายไม่แข่ง มาแข่งกับคนตายด้านแบบเมย์ เฮียเตรียมเงินให้เมย์เลยยยยย”
“งั้นเรามาสนุกกัน”
“โอเค สนุกแน่ๆ”
เขายกนิ้วก้อยขึ้น ปานดวงใจเกี่ยวนิ้วก้อยกับเขาทันควัน มั่นใจว่าเกมนี้เธอไม่มีทางแพ้
เขาเหนี่ยวร่างเล็กหลบพนักงานเสิร์ฟที่ถือเครื่องดื่มเดินมา จากนั้นก็ทำท่าจะช้อนเธอขึ้นอุ้ม
“คุณเสือคะ” เสียงผีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งขัดจังหวะ พลางมองเพื่อนที่เมาแอ๋พูดอ้อแอ้ซุกอยู่ตรงอกชายหนุ่ม
“ครับ”
“พี่มารีเป็นลมค่ะ” พนักงานตะโกนแข่งกับเสียงดนตรี น้ำเสียงมีความตื่นตกใจเจือปนอย่างเห็นได้ชัด
*********
ชั้นบนสุดของโรงแรมที่ราคาแพงระยับทุกตารางนิ้ว ร่างที่อ่อนเปลี้ยถูกวางลงบนเตียงคิงไซซ์
แน่นอนว่าพยัคฆ์ไม่ได้เป็นแค่ลูกค้าของผับกึ่งร้านอาหาร แต่เขายังเป็นลูกค้าระดับวีวีไอพีของโรงแรม ชายหนุ่มเช่าห้องนี้แบบเหมาเดือน แม้ว่าลูกคลื่นจะเกลี้ยกล่อมให้เขาอยู่ฟรีในฐานะเพื่อนสนิทที่หัวหกก้นขวิดมาด้วยกัน แต่เขาก็ยืนกรานจะจ่ายทุกบาททุกสตางค์
หญิงสาวพยุงตัวขึ้นนั่ง ตาสะลึมสะลือมองไปด้านนอก เธอลุกขึ้นและเซน้อยๆ ตอนเดินไปเกาะกระจกมองวิวจากมุมสูง เธอไม่เคยขึ้นมาสูงถึงขนาดนี้ แต่พอหันกลับมาอีกทีก็พบว่าภายในห้องมืดลง ก่อนที่ผนังห้องจะสว่างวาบ ด้วยฉากของบรรยากาศวันฮัลโลวีน
พนักงานเสิร์ฟในชุดผีเดินผ่านมา เธอจึงคว้าเครื่องดื่มมาเทลงคอ รสชาติของมันเป็นอย่างไรตอนนี้เธอไม่รู้แล้ว แต่เวียนหัวสิ้นดี
เอวบางถูกจับรัดเข้าหาลำตัวหนาก่อนที่เธอจะล้มลงไปกองกับพื้น
เธอแหงนหน้ามองคนพยุง สมองประมวลผลได้อยู่เธออยู่กับพยัคฆ์ จากนั้นเขาก็ทิ้งเธอไว้กับเหล่านักเต้นแล้ววิ่งไปหามารี มีคนสองคนพยุงเธอออกมา
เธอจ้องหน้าเขาตอนแสงในห้องส่ายมากระทบใบหน้าเขา
“เธอว่าเธอตายด้าน?” เสียงเขาทุ้มละมุนจัง
ปานดวงใจเอานิ้วดันริมฝีปากเขาไว้ก่อนที่จะลงมาถึงปากตัวเอง “ช่ายยย”
“ฉันอยากจะรู้ว่าเธอด้านจริงไหม งั้นฉันขอเพิ่มกติกา ถ้าใครมีอารมณ์ก่อน จะต้องถอดทีละชิ้น แล้วก็เริ่มเกมใหม่”
เธอไม่รู้ว่าเกมมันจะสิ้นสุดที่ใด เริ่มไม่เข้าใจกติกาที่เพิ่มเข้ามา แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงพยักหน้าง่ายๆ
ทั้งสองหยิบเครื่องดื่มที่มีคนเดินมาเสิร์ฟขึ้นดื่ม สาวเจ้าตาลายยืนแทบไม่อยู่เพราะแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไปมาก โลกเริ่มหมุนเหวี่ยงเธอลงบนเตียง ฉากวันปล่อยผีถูกเปลี่ยนเป็นกลีบกุหลาบซึ่งมาพร้อมอโรม่ากลิ่นกุหลาบสุดโรแมนติก
ความหนักอึ้งน่าอึดอัดกักขังอิสระของเธอไว้ ปานดวงใจปรือตามอง พอเห็นว่าเป็นร่างกำยำก็พยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่ไม่เป็นผล นอกจากร่างกายจะโดนทาบทับไว้ สองแขนยังถูกยึดไว้เหนือศีรษะด้วยมือหนาเพียงข้างเดียว
ความอดทนเท่าปลายก้อยของพยัคฆ์ขาดผึงยามเห็นอกสล้างสะท้านขึ้นลงใกล้ตาในบรรยากาศที่เขาเนรมิตขึ้นมา ไม่ใช่ฉากสยองขวัญสั่นประสาท ขอบคุณลูกคลื่นเพื่อนรักที่ตอบสนองแผนการอันแยบยลที่เขาวางมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
กลิ่นรสที่เพิ่งได้ลิ้มลองในผับทำให้เลือดเสือพลุ่งพล่านเล่นนอกกติกา เขาจูบลงบนหน้าอกเธอ
“ขี้โกง” หญิงสาวบริภาษ หากสะท้านตัวสั่นยามถูกกระตุ้น
“นี่ก็เรียกว่าจูบ” พยัคฆ์เถียง
“ไม่ ที่ปาก เมย์หมายถึงที่ปาก”
“ได้”
แล้วโดยไม่ทันตั้งตัว พยัคฆ์ก็ประกบปากช่างจ้อ ปานดวงใจร้องอึกอักเมื่อลิ้นของเขากวาดต้อนเข้ามาในโพรงปากเพื่อหาลิ้นของเธอ หญิงสาวพลิกลิ้นหลบ พยายามประคองสติให้ได้ทั้งที่แอลกอฮอล์ส่งผลมากขึ้น เธอหลับตาปี๋กับแสงสีที่สะท้อนไปมา มันพาให้ร่างกายวิงเวียนอ่อนล้า ขณะที่ความรู้สึกข้างในตอนนี้เริ่มมีชีวิตชีวา มันตอบรับการทาบทับของร่างใหญ่ที่อยู่ไม่สุข
พยัคฆ์รู้สึกว่าอะไรๆ ก็เกะกะไปหมด เขาเบียดบดสะโพกขณะที่ริมฝีปากต่อสู้กับการต่อต้านของเธอ
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างของปานดวงใจ ดูดมันแรงๆ ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปภายในปากอีก เสียงครางเบาๆ ของเธอดังเล็ดลอด เพียงแค่ได้ยิน เจ้าเสือในกางเกงเขาก็ร่ำร้องขออิสระ ปานดวงใจบิดส่ายอย่างทรมานอยู่ใต้ร่าง ชั่วเสี้ยวนาทีที่เผลอไผลปล่อยอารมณ์เตลิด ลิ้นของเธอก็ถูกเขาดูดดึง ความเสียวซ่านวูบวาบวิ่งปราดไปทั่วเนื้อตัวราวถูกไฟชอร์ต
พยัคฆ์คำรามกระหยิ่ม แต่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาของเธอ ตาคมมองภาพสาวน้อยหอบหายใจอารมณ์ค้าง
อิสรภาพที่ไม่ต้องการยามนี้ทำให้หญิงสาวเผยอเปลือกตามอง เขาเลิกคิ้วยิ้มมุมปากราวส่งสัญญาณบอกว่าเธอแพ้ในเกมแรก
หากขอยุติเกมที่เพิ่งเริ่มก็เสียฟอร์ม ปานดวงใจมั่นใจว่าเกมต่อไปเธอไม่มีทางแพ้แน่ๆ อีกอย่างเครื่องแต่งกายของเธอก็หลายชิ้น เมื่อใคร่ครวญดีแล้วปานดวงใจจึงยกมือไปที่ติ่งหู
พยัคฆ์โน้มตัวมาส่ายนิ้วชี้ไปมาตรงหน้าเธอ แม้สติของปานดวงใจจะไม่เต็มเต็งแต่ความเจ้าเล่ห์ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ สาวน้อยคงจะคิดว่าถอดต่างหูข้างหนึ่ง อีกเกมก็ถอดอีกข้าง จากนั้นก็สร้อยคอ แล้วอะไรอีกล่ะ ลำดับต่อไปก็คงไม่พ้นถุงน่อง
“ฉันแพ้” เขาเป็นฝ่ายยอมรับเสียอย่างนั้น “ฉันถอด”