"คุณปิ่นคะ มีคนมาหาค่ะ"
"ใครกัน"นั่นสิใครกันเพราะตอนนี้เป็นเวลาเย็นซึ่งเป็นเวลาที่เธอเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านน้อยคนนักที่จะเข้ามาพบเธอในช่วงเวลานี้
"ผมเอง"น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่ร่างของขุนเขาจะปรากฏกายมายืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงาน
"ผู้ชายคนนี้แหละค่ะที่ต้องการพบคุณปิ่น"
"ขนมไปเก็บของเถอะจ้ะ แล้วก็ฝากปิดร้านให้ด้วยนะ"
"ได้ค่ะคุณปิ่น"หลังจากที่ขนมเดินออกไปภายในห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบ แววตาคมกริบมองไปที่แขนของหญิงสาวที่ยังคงเป็นรอยแดงช้ำ
"ยังเจ็บแขนอยู่ไหม"
"คุณมีธุระอะไรคะถึงได้มาหาฉัน"สายตาสงสารหรือแววตาที่สื่อถึงความรู้สึกผิดเธอไม่ต้องการ
"คุณแม่ให้ผมมารับคุณไปส่งที่บ้าน"
"ไม่จำเป็นหรอกค่ะฉันกลับแท็กซี่เองได้"เธอไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาผู้ชายที่ทำร้ายผู้หญิงอย่างเขาตลอดไป และเธอก็ไม่อยากที่จะเข้าใกล้ผู้ชายที่อันตรายแบบเขาด้วย ยิ่งอยู่ใกล้ก็รู้สึกถึงความอันตราย
"อย่ามาอวดดีกับผมปิ่นมุก"
"ฉันไม่ได้อวดดีค่ะ แต่ฉันยืนยันที่จะกลับด้วยตัวเอง โอ๊ย"ความเจ็บที่ต้นแขกเพราะถูกแรงกระชากทำให้ปิ่นมุกถึงกับต้องร้องออกมา แววตาเรียบนิ่งมองฝ่ามือหนาที่จับแขนของเธอเอาไว้
"ปล่อย"
"คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากไหนห๊ะ หรือคิดว่าเป็นถึงลูกสาวเจ้าสัวเลยจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ"
"หึ น่าแปลกนะคะคุณเองก็เป็นถึงลูกชายเจ้าสัวเหมือนกันแต่ไม่รู้ทำไมการกระทำของคุณนั้นเหมือนกับพวกนักเลงข้างถนน"ปิ่นมุกรวบแรงทั้งหมดสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม แววตาของเธอจ้องหน้าของขุนเขาอย่างไม่เกรงกลัว
"เธอ"
"เอาเวลาที่มายืนต่อว่าคนอื่นไปปรับนิสัยของตัวเองให้ดีขึ้นก่อนนะคะ คุณลุงคุณป้าท่านจะได้สบายใจว่าลูกชายคนเดียวของท่านสามารถฝากผีฝากไข้ได้ในยามแก่เฒ่า"เหมือนกับมีน้ำเย็นจัดสาดใส่เข้าไปหน้า สายตาวาวโรจน์จ้องแผ่นหลังของปิ่นมุกที่เดินออกไป ไม่เคยมีใครทำให้เขาเจ็บใจได้เท่ากับเธอ
"ในเมื่อเธอเลือกที่จะเขามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน ภายในหนึ่งปีต่อจากนี้ก็อย่าหวังว่าเธอจะมีความสุข ปิ่นมุก"
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอารมณ์เสียอยู่ในห้องหันไปมองด้วยสายตาติดเหวี่ยง ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ร่างบางที่อยู่ในผ้าเช็ดตัวผืนเดียวถึงกับยิ้มกว้างออกมาเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เธอกำลังต้องการอยู่ในตอนนี้
"ขุน"ม่านรุ้งถึงกับโผเข้ากอด ชายหญิงทั้งสองกอดกันแน่นอยู่ตรงที่หน้าประตูก่อนที่เจ้าของห้องจะยกแขนทั้งสองข้าคล้องคอแฟนหนุ่มให้โน้มคอลงมา กลีบปากอ่อนนุ่มประกบจูบอย่างดูดดื่ม แววตาของม่านรุ้งมีแต่ความหื่นกระหายต่อร่างกายชายอยู่ในตอนนี้ มือเรียวบางพยายามปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก แต่ก็ถูกมือหนาของขุนเขารวบเอาไว้ ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมา
"ใจเย็นสิครับคนสวย ขุนพึ่งจะมาถึงเองนะ"
"แต่รุ้งต้องการขุนนะคะ ต้องการมาก"แค่ว่ายังไม่พอเธอยังเบียดกายอวบอิ่มของตัวเองเข้าหา สายตายั่วยวนมีความต้องการอันแรงกล้า
"ไม่ใช่ตรงนี้ครับคนดี เข้าไปในห้องดีกว่านะครับ"เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนทุ้มแขนกำยำทั้งสองข้างตวัดร่างกายเพรียวบางขึ้นมาอุ้มเดินเข้าไปในห้องพักของหญิงสาว
"ขุนอะ ทำไมพึ่งจะมาหารุ้งล่ะคะ รุ้งรอขุนตั้งนาน"ใบหน้าขาวใสซบลงบนไหล่หนาอย่างออดอ้อน ขุนเขาถึงกับส่ายหัวกับความขี้อ้อนของแฟนสาวเพราะเธอเป็นแบบนี้ไงเขาถึงหลงเธอจนไม่สามารถถอนตัวถอนใจได้
"ขุนบอกแล้วไงครับคนดี ว่าวันนี้ขุนเข้าบริษัทคนดีของขุนไม่งอแงนะครับ"
"ไม่รู้แหละรุ้งงอนขุนจริง ๆ ด้วย"
"เอาอย่างนี้ไหมครับ เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ขุนไม่ได้มาหาเมื่อตอนเที่ยง เราไปหาร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศดี ๆ ดินเนอร์กันสองคนดีกว่าไหมครับ"คนที่ได้ยินถึงกับตาลุกวาว แต่คิ้วทั้งสองข้างที่โค้งดั่งคันศรของหญิงสาวต้องขมวดเข้าหา เมื่อตอนเที่ยงก่อนที่สายของแฟนหนุ่มจะตัดไป แม่ของแฟนหนุ่มพูดขึ้นมาว่า 'กะอีแค่ผู้หญิงที่ชอบยุ่งกับสามีคนอื่น'
"เป็นอะไรไปครับรุ้ง"
"เมื่อตอนเที่ยงแม่ของขุนด่าว่ารุ้งไปยุ่งกับสามีคนอื่น มันหมายความว่ายังไงคะ"คนที่ได้ยินคำถามถึงกับใจสั่น สายตาของม่านรุ้งมองมาที่เขาด้วยความสงสัยปนจับผิด เมื่อสีหน้าของขุนเขาซีดเผือดเหมือนกับโดนผีหลอกในตอนกลางวัน เหงื่อเม็ดเล็กผุดตามกรอบหน้า เมื่อเจอสายตาจับผิดของแฟนสาว เขายังไม่พร้อมที่จะบอกให้เธอรู้ในเรื่องที่เขาจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
"รุ้งหูฝาดไปหรือเปล่าครับ"
"ไม่ค่ะ รุ้งไม่ได้หูฝาดรุ้งได้ยินเต็มสองหูว่าแม่ของคุณด่าว่ารุ้งชอบยุ่งกับสามีชาวบ้าน"ขุนเขาแทบนั่งไม่ติดโซฟาเพราะกลัวว่าแฟนสาวจะคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา ซึ่งตอนนี้เขาไม่พร้อมและไม่มีคำตอบอะไรให้เธอทั้งนั้น
"ใครกันคะสามีชาวบ้าน"
"ไม่มีอะไรหรอกครับรุ้ง คุณแม่ท่านก็พูดไปเรื่อยอย่าไปสนใจคำพูดของท่านเลยนะครับ มาสนใจเรื่องของเราดีกว่า"
"แน่ใจนะคะขุนว่ามันไม่มีอะไรจริง ๆ อย่าให้รุ้งรู้ทีหลังนะคะว่าขุนมีอะไรปิดบังรุ้งเอาไว้"เซนส์ของเธอมันกำลังบอกว่าแฟนหนุ่มกำลังมีอะไรปิดบัง เธอจะไม่คิดอะไรให้มันมากเลยถ้าคำพูดนั้นมันไม่ได้ออกมาจากปากของแม่แฟนหนุ่มที่จงเกลียดจงชังเธอเหมือนกับกิ้งกือไส้เดือน ตั้งแต่ที่เจอหน้าครอบครัวของแฟนหนุ่มครั้งแรกซึ่งเป็นถึงเจ้าสัวและคุณหญิงที่รวยระดับต้น ๆ ของประเทศ ท่านทั้งสองก็ตั้งแง่ไม่ชอบเธอโดยทันที คอยกีดกันการคบหาระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มทุกทาง แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีวันที่จะเลิกกับผู้ชายที่รวย เพอเฟคไปทุกเสียทุกอย่างแบบขุนเขาแน่นอน เพราะการที่เธอมีข่าวคบหากับเขานี่แหละทำให้ชีวิตของเธอดีขึ้น มีงานเข้ามามากมายและไหนยังสามารถมีของแพง ๆ ใช้ตามที่ใจต้องการ และถ้าเธออยากมีชีวิตที่สุขสบายแบบนี้ไปตลอดก็คือการที่เธอจะต้องจับผู้ชายอย่างขุนเขาให้อยู่หมัด และมันก็ดูเหมือนจะง่ายเมื่อในตอนนี้ขุนเขาหลงในตัวเธอเสียอย่างหนักเพียงแต่เธอหารูปสิ่งของแพง ๆ ตามที่ใจเธอต้องการบวกกับใช้มารยาเล็กน้อยแค่นี้เธอก็จะได้สิ่งของเหล่านั้นมาครอบครองโดยทันที รวมถึงห้องพักในคอนโดสุดหรูนี้อีกที่เขาซื้อให้เธอเป็นของขวัญหนึ่งปีที่เธอกับเขาคบกัน
"ทานเยอะ ๆ นะครับรุ้ง"ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกมีชายหญิงสองคนกำลังดื่มด่ำกันอย่างมีความสุข หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสดกำลังนั่งจิบไวน์อย่างมีความสุขสายตาของเธอทอดมองไปยังบรรยากาศที่ล้มรอบไปด้วยไฟประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
"ที่นี่สวยจังเลยนะคะขุน"
"ถ้ารุ้งชอบวันหลังผมจะพามาอีกนะครับ"
"ขุนใจดีกับรุ้งที่สุดเลย"ทั้งสองแสดงความรักกันออกมาอย่างไม่สนใจแขกภายในร้านที่กำลังมองไปที่ทั้งคู่อย่างเป็นที่จุดสนใจ เพราะใคร ๆ ต่างรู้จักทั้งคู่ดีผู้หญิงเป็นถึงนางแบบดังที่กำลังมาแรงในตอนนี้ ส่วนผู้ชายก็เป็นถึงลูกชายของเจ้าสัวรังสิมันต์กับคุณหญิงกิ่งกาญจน์ที่รวยอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ภาพถ่ายของทั้งคู่ที่นั่งซบไหล่และไหนแขนของฝ่ายชายที่โอบเอวสาวเจ้าไม่ห่างกายกำลังถูกบันทึกจากกล้องถ่ายภาพของปาปารัสซี่ ที่แอบตามทั้งคู่ออกมาจากคอนโด และให้เดาว่าพรุ่งนี้ภาพของทั้งคู่จะปรากฏบนข่าวหน้าหนึ่งอย่างแน่นอน