กริ๊ง
เสียงประตูร้านที่ดังขึ้นยามเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาทำให้ พนักงานที่อยู่ในร้านหันมามองก็เห็นเจ้านายสาวของตัวเองเดินเข้ามาด้วยสภาพที่ไม่ว่าดูยังไงคนที่เป็นเจ้านายก็สวยอย่างหาที่ติไม่ได้ แต่ครั้งนี้คงจะไม่ใช่เมื่อสายตาของลูกน้องเห็นรอยแดงช้ำตรงแขนทั้งสองข้าง
"คุณปิ่น แขนไปโดนอะไรมาคะเนี่ย"
"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวขนมช่วยไปซื้อยามาให้ฉันหน่อยนะนี่จ้ะเงิน"ธนบัตรใบสีม่วงถูกยื่นไปให้พนักงานภายในร้าน ทั้งที่เจ็บแขนแทบยกขึ้นไม่ไหวแต่เธอก็ต้องแสดงสีหน้าเรียบนิ่งเอาไว้
"ค่ะ เดี๋ยวขนมจะรีบไปซื้อมาให้เลยค่ะ"
"เดี๋ยวจ้ะขนม เอายาถุงนี้ไปทิ้งด้วยนะมันใกล้จะหมดอายุแล้วฉันไม่อยากใช้ กลัวเป็นผื่นคัน"
"ได้ค่ะคุณปิ่น"ขนมรับถุงจากมือของเจ้านายก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปซื้อยาให้ผู้เป็นนายจากร้านขายยาที่อยู่ไม่ไกล
ปิ่นมุกเดินเข้ามานั่งบนโซฟาภายในห้องทำงานก่อนจะยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาดู รอยแดงช้ำในตอนนี้มันคงจะอยู่ติดตัวของเธอไปหลายวันเอาเป็นว่าตอนนี้เธอคงจะไม่เข้าไปในบ้านใหญ่สักพัก และเธอก็ภาวะนาให้รอยช้ำที่แขนทั้งสองข้างหายทันก่อนที่จะถึงวันแต่งงานภายในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ฤกษ์ที่แม่ของขุนเขาหามามันตรงกับอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าพอดีซึ่งโชคชะตาเล่นตลกก็เธอหรือเปล่าก็ไม่รู้เมื่อวันแต่งงานของเธอดันตรงกับวันแห่งความรัก 'วันวาเลนไทน์' วันที่คนสองคนที่เป็นคนรักจะได้มีความสุขร่วมกับแต่มันกลับไม่ใช่ความสุขของเธอ อำนาจเงินสามารถบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้แล้วเสร็จ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ชุดแต่งงานที่ส่งตรงมาจากฝรั่งด้วยอภินันทนาการจากแม่สามีที่ใจดี สั่งให้นักออกแบบชุดแต่งงานชื่อดังตัดชุดเจ้าสาวให้เธอโดยมีการออกแบบที่ไม่เหมือนและซ้ำกับใคร เธอควรดีใจใช่ไหมที่จะได้แต่งงานกับลูกชายเจ้าสัวที่มีสมบัติไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนล้าน
"นี่ค่ะคุณปิ่นยา หนูซื้อทั้งยาทาแล้วก็ยาทานมาให้เลยนะคะ"
"ขอบใจจ้ะ"
"แขนคุณปิ่นไปโดนอะไรมากันคะเนี่ย ดูสิช้ำหมดเลย แต่ดู ๆ แล้วเหมือนรอยนิ้วมือเลยนะคะ"
"ช่างมันเถอะจ้ะ ขนมไปทำงานเถอะฉันไม่เป็นอะไรแล้ว"ตอนนี้เธออยากจะอยู่คนเดียวเสียมากกว่า สายตาของขนมมองมายังที่เจ้านายด้วยความเป็นห่วง
"ถ้าอย่างงั้นขนมไปทำงานก่อนนะคะ ถ้าคุณปิ่นเจ็บตรงไหนตะโกนเรียกขนมได้เลยนะคะ"น้ำเสียงที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงทำให้ปิ่นมุกอดที่จะซาบซึ้งในความเป็นห่วงของพนักงานคนนี้ไม่ได้
"ขอบใจมากนะขนมที่คอยเป็นห่วงฉัน"
"ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณปิ่นเป็นทั้งเจ้านายและพี่สาวที่ขนมนับถืออีก"
"ขนมไปทำงานเถอะถ้าฉันต้องการอะไรเดี๋ยวฉันจะออกไปเรียกเอง"
"ค่ะ"หลังจากที่ขนมเดินออกไปเธอก็หันมาสนใจกับรอยช้ำบนเรียวแขนของตัวเอง หลังจากที่เธอจัดการทายาและทานยาเสร็จก็ถึงเวลาที่จะต้องลุยงานที่ยังค้างคาให้แล้วเสร็จ เพราะอีกไม่ถึงสองเดือนเธอจะเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ แถมครั้งนี้เธอจะจัดให้มีการเดินแบบเพื่อขยายธุรกิจเสื้อผ้าของเธอให้ครอบคลุมกับผู้คนทุกวัยได้รู้จักเสื้อผ้าที่เธอเป็นคนออกแบบและตัดเย็บเองให้มากขึ้น
"สู่ ๆ นะปิ่นมุก เธอต้องทำได้"นี่คือคำพูดที่เธอมักจะพูดกับตัวเองเป็นประจำก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก
"ขุนคะ ทำไมวันนี้ขุนไม่มาหารุ้งล่ะคะ"เสียงออดอ้อนที่ดังมาตามสายทำเอาคนที่นั่งดูเอกสารอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานถึงกับใจสั่น เสียงออดอ้อนของแฟนสาวนั้นมันทำให้เขาอยากจะทะลุเข้าไปในโทรศัพท์เพื่อไปหาเธอ
"วันนี้ขันเข้าบริษัทครับ รุ้งไม่งอแงนะครับคนดีของขุน"
"แต่ว่ารุ้งอยากเจอขุนตอนนี้นี่หน่า ขุนมารุ้งนะคะรุ้งคิดถึงขุนจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ซี๊ด อ๊า"
"ทุเรศไปไหมยะหล่อน เป็นสาวเป็นแซ่แต่กลับเชิญชวนให้ผู้ชายไปหาถึงที่ หน้าไม่อาย"แม่ของขุนเขาที่ไม่รู้เดินเข้ามาในห้องทำงานตอนไหนคว้าโทรศัพท์ของลูกชายขึ้นมาถือไว้ก่อนที่จะตะโกนใส่โทรศัพท์ของลูกชายจนปลายสายแทบจะยกโทรศัพท์ออกจากหูไม่ทัน
"อุ๊ย คุณหญิงแม่เองเหรอคะนึกว่าใครสวัสดีค่ะ"
"แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ ฉันไม่มีลูกอย่างแกนางตอแหล"
"กรี๊ดนี่คุณแม่กล้าด่ารุ้งอย่างนั้นเหรอคะ"
"ทำไมฉันจะไม่กล้าด่า กะอีแค่ผู้หญิงชอบยุ่งกับสามีคนอื่น"
"เอ่อแค่นี้ก่อนนะครับรุ้งเดี๋ยวขุนจะโทรหาใหม่"คุณหญิงกิ่งกาญจน์มองลูกชายตัวดีที่แย่งโทรศัพท์จากมือเธอไปด้วยความโกรธ ใช่เธอโกรธเป็นอย่างมากที่ลูกชายของเธอยังอาลัยอาวรณ์แม่นางแบบนั้นทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ลูกชายของเธอมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้ว
"คุณแม่ครับ"
"ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่ถ้าลูกยังไม่เลิกกับนางม่านรุ้ง"คุณหญิงกิ่งกาญจน์สะบัดหน้าหันไปมองทางอื่น นี่ถ้าเธอไม่เข้ามาหาลูกชายที่บริษัทแม่นางแบบนั้นก็คงลากตัวลูกชายของเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
"คุณพ่อกับคุณแม่อคติอะไรกับรุ้งเธอนักหนาครับ ทำไมถึงเอาแต่บอกให้ผมเลิกกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนดีไม่เคยคิดร้ายอะไรกับใคร"
"เหอะ นี่ลูกกำลังเห็นกงจักรเป็นดอกบัวรู้หรือเปล่าขุนเขา แม่นั่นมันไม่ได้รักลูกจริงมันหวังแค่เพียงเงินจากลูกเท่านั้น"
"แต่ที่ผ่านมารุ้งไม่เคยขออะไรจากผมเลยนะครับ"ตลอดเวลาที่คบกันมาม่านรุ้งไม่เคยขอหรืออยากจะได้อะไรจากเขาเลย มีแต่เขาที่มอบทุกสิ่งให้กับเธอเองโดยที่เธอไม่เคยได้เอ่ยปากขออะไรสักอย่าง
"ก็เพราะลูกประเคนให้มันเองทุกอย่างไง แม่ไม่เข้าใจเลยนะขุนทำไมลูกถึงได้รักแม่นี่นักหนา ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ลูกมีหนูปิ่นเป็นภรรยาอยู่แล้ว"เกิดความเงียบภายในห้องทำงานโดยทันที สองแม่ลูกต่างมองหน้ากันอย่างไม่ยอมละสายตา จนเป็นขุนเขาเองที่ทนต่อสายตาที่รุนแรงของผู้เป็นแม่ไม่ไหวจนต้องหันหน้าหนี
"แม่ขอสั่งให้ลูกเลิกกับแม่นางม่านรุ้งนั่น แม่ไม่ชอบมันแล้วเย็นนี้ลูกต้องไปรับหนูปิ่นไปส่งที่บ้านด้วย อย่าขัดคำสั่งของแม่ ลูกก็รู้ว่าไม่มีใครขัดคำสั่งแม่ได้แม้แต่คุณพ่อ"ขุนเขาถึงกับถอนหายใจออกมา แววตาคมกริบของผู้เป็นแม่มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธ อำนาจทุกอย่างภายในบ้านคุณหญิงกิ่งกาญจน์คือคนที่อยู่เหนือกว่าทุกคนไม่เว้นแม้แต่สามียังต้องเชื่อฟัง
"ว่าไงตาขุนเย็นนี้จะไปรับหนูปิ่นตามที่แม่บอกไหม"
"ไปครับ"
"ดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้แม่อยากให้ลูกพาหนูปิ่นไปทานข้าวที่ร้านอาหารหรู ๆ บรรยากาศโรแมนติก ๆ กันแบบสองต่อสองจะได้ไหม"แล้วคนอย่างขุนเขาจะเลือกอะไรได้บ้างไหมนอกเสียจาก
"ครับคุณแม่"