เอเดนสูดลมหายใจแรงๆ แล้วยืดตัวออกห่าง
มิลาขยับเกือบชิดผนังลิฟต์เธอหายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว
เมื่อถึงชั้นที่เธอทำงานประตูลิฟต์ปิดออก เธอเดินตัวลอยออกมา มีสายตาคมดุมองตามแผ่นหลัง ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง มิลาทรุดฮวบ ขาที่สั่นเทามาตลอดช่วงเวลาที่ฝืนยืนอยู่ในลิฟต์หมดแรงลงดื้อๆ
“มะ ไม่เป็นไร แค่หน้ามืดน่ะ”
เพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาดู รวมทั้งคู่อริของเธออย่างชลิตด้วย
“ชุดของคุณทำให้หายใจไม่สะดวกมั้ง” เสียงห้าวๆ ของชลิตเปรยลอยๆ มิลาไม่ได้เถียง เพราะการมาของเขาไง เลยทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติเรื่องชุดทำงาน เธอยอมถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ จากคนรอบตัว มากกว่าสะดุดตาผู้ชายกะล่อนอย่างเอเดน
เขาขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงจะตาย
การอยู่ห่างเขา ทำให้เธอปลอดภัยเพิ่มขึ้น
“พอสมใจแล้ว ก็เลยไม่ต้องอ่อยหรือไง” ชลิตพูดแดกดันแล้วก็เดินห่างออกไป
มิลายิ้มหยัน ไม่มีใครรู้เหตุผลของเธอ ดีเท่าตัวเธอเอง มิลาไม่จำเป็นต้องแคร์ใครเลย เธอได้ตำแหน่งเพราะความสามารถไม่ใช่การใช้ร่างกายเข้าแลกเหมือนที่ชลิตพยายามแดกดัน เขาเคยดิสเครดิตของเธอ ด้วยการปล่อยข่าวลือแย่ๆ แต่เพราะเธอเป็นเธอไง หากไม่จริงมิลาไม่เคยโต้แย้ง เธอปล่อยให้เวลาพิสูจน์ความจริงเอง
ผู้ชายสมัยนี้เปราะบางเรื่องเดียว
เขาคิดว่าผู้ชายเป็นเพศที่เป็นแกนนำของโลก แต่ไม่ใช่หรอก หลายเรื่องที่ผู้ชายมีความอดทนได้ไม่ถึงครึ่งที่เพศหญิงมี
มิลารวบรวมสมาธิเดินไปทิ้งตัวนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ
เธออ่อนแอเพราะการเผชิญหน้ากับชายผู้นั้น เธอควรหาทางแก้ไขเรื่องนี้แบบเร่งด่วน ไม่อย่างนั้นจะเป็นพิรุธให้เขาจับได้
เอเดนหลับตาพริ้ม เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ มีกลิ่นวานิลลาหอมกรุ่นลอยตลบอบอวลทั่วห้อง เขาชอบใช้กลิ่นบำบัดความอ่อนล้าและกลิ่นพวกนี้คือกลิ่นที่เขาเริ่มชอบ หลังจากวันนั้น...วันที่เขาหิ้วผู้หญิงแปลกหน้าขึ้นไปนอนด้วยบนห้องพัก แต่ยังไม่ทันถามชื่อ หล่อนก็หายตัวไปเสียก่อน อีกอย่างเขาต้องบินด่วนเพื่อจัดการปัญหาบางอย่างแทนอัลเบิร์ต เอเดนไม่เคยลืมเลยสักนิดว่าวันนั้น เขามีความสุขมากแค่ไหน มุมปากสีเข้มกระดกยิ้ม...
มือเรียวสั่นระริก ยกปิดปากตัวเองแน่นๆ ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า...มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ‘ฉันอยู่ที่ไหนนะ? ’ ’ เสียงถามดังขึ้นในหัว มันน่าตกใจเหลือเกิน กับการลืมตาขึ้นมาในสภาพที่น่าอดสู เธอตัวเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงสภาพเละเทะ แถมยังมีผู้ชายตัวใหญ่นอนคว่ำหน้าอยู่ด้านข้าง ‘อัยย๊ะ!!’
สภาพร่างกายตนเอง แม้แต่คนไม่ประสีประสาก็คงเดาถูก ผิวเนื้อขาวๆ เต็มไปด้วยร่องรอยบางอย่าง การขยับกายเบาๆ ยังทำให้ ‘เจ็บ’ แทบน้ำตาร่วง มิลารวบผ้าห่มมากอดแนบอก น้ำตาหยดผ่านร่องแก้ม ตกใจแทบสิ้นสติ
“โอวะ” ความเจ็บแปลบพุ่งปราดจากกึ่งกลางร่างกายจนทำให้เธอตระหนกมากขึ้น
มิลาคลานลงจากเตียงนอน น้ำตาหยดเป็นทาง มือสั่นระริกควานหาเสื้อผ้าบนพื้นพรม รีบกระโจนเข้าไปในห้องน้ำด้านข้าง กดล็อกประตูด้วยมือที่สั่นระริก
มิลาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ภูมิไปไหน? ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร? คำถามร้อยแปดผุดขึ้นในหัว แต่ยังไม่มีคำตอบ เธอรีบหาทางแก้ไข และสิ่งเดียวที่คิดออกตอนนี้ คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
‘ต้องรีบไป!!’
มันเกิดขึ้นได้ยังไง มิลาพยายามนึก เธอกำลังสนุกสุดเหวี่ยงอยู่ในผับ ท่ามกลางเพื่อนๆ นี่นา
มิลาย่องออกมาจากห้องหรูหราเงียบๆ เธอหันไปมอง ‘เขา’ เสี้ยวหน้าคมคายที่หล่อเหลาชวนตะลึง เธอคว้าเทพบุตรสุดหล่อนี่มาจากไหนนะ เธอขอจดจำใบหน้าเขาไว้ ก่อนจะรีบผลุนผลันจากไป...
หญิงสาวนั่งตัวลีบอยู่ที่เบาะหลังรถแท็กซี่หลังออกมาจากโรงแรมห้าดาวกลางกรุงเทพฯ มิลาทั้งมึนทั้งงง ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนที่นี่ เขาน่าจะมีฐานะเชียวแหละ ค่าโรงแรมนี่แพงหูฉี่ มีแต่เศรษฐีเท่านั้นที่ยอมควักกระเป๋าสตางค์จ่าย เธอสะบัดหน้าไม่อยากคิดต่อ เธอควรไปให้ไกลที่แห่งนั้น และกำลังตรงกลับบ้านทันที
“มิลาแกหายหัวไปไหนมา ฉันมานั่งรอแกทั้งคืน” ภูมิวิ่งมาดักหน้า เขาจับหัวไหล่มิลากวาดตาขึ้นๆ ลงๆ แล้วก็เบิกตากว้าง
“ภูมิ” มิลาครางเสียงอ่อย ก้มหน้าหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนเธอรู้ตัวดีว่าตนเองอยู่ในสภาพไหน ในเมื่อตลอดทางที่ผ่านมา ผู้คนรอบตัวมองเธอเหมือนตัวประหลาด
“ใคร ใครทำกับแกแบบนี้?!!” ภูมิถามเสียงแหลม เขย่าตัวมิลาแรงๆ
“ไม่รู้อะ ฉันไม่รู้จักเขา” มิลาตอบตามตรงเธอไม่รู้ชื่อแซ่ของผู้ชายที่ตนเองนอนอยู่ด้วยทั้งคืนเลย
“บ้าไปแล้วแน่ๆ เข้าบ้านก่อน แกเล่ารายละเอียดมาเลยนะ ไอ้เวรนั่นทำอะไรแกบ้าง”
ภูมิโมโหจนหัวเสีย เขาโกรธทุกอย่างโกรธที่ทำให้เธอกลายเป็น ‘เหยื่อ’
“อะไรนะโรงแรม...” ภูมิตะโกนเสียงดัง สถานที่สุดท้ายที่มิลาเพิ่งจากมาคือโรงแรมห้าดาวระดับไฮเอ็นที่คนธรรมดาไม่มีทางได้เหยียบเข้าไป ค่าห้องแต่ละคืนแพงหูดับตับไหม้
“อืม...ที่นั่นแหละ ชั้นสามสิบห้า”
ยิ่งสูงยิ่งแพง ชั้นที่มิลาเพิ่งจากมาก็อยู่เกือบๆ ชั้นสุดท้ายบนยอดตึกนั่น ภูมิยกมือตบหน้าผาก เพื่อนของเขาเจอกับมหาเศรษฐีคนไหนเข้านะ
“ฉันอยากจะบ้า แกถูกไอ้เวรนั่นเจาะไข่แดงจนพรุนแต่กลับไม่รู้แม้แต่ชื่อมัน”
“ฉันจำอะไรไม่ไดเลย รู้แค่ว่าเหนื่อยแทบขาดใจ ฉันแสบคอไปหมดเลยอะภูมิ”
มิลาก้มหน้าหลบ พวงแก้มซับสีระเรื่อ ความทรงจำที่ผุดขึ้นมามันน่าอายมากกว่าจะเล่าให้คนอื่นฟัง ผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนเธอ กลายเป็นผู้หญิงอีกคนที่มิลาไม่รู้จัก ผู้หญิงคนนั้นเร่าร้อนและหิวโหย บทเพลงรักนั่นร้อนแรงจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะลืม
แค่คิดถึงความพลุ่งพล่านตอนนั้นเนื้ออ่อนๆ ในส่วนลี้ลับของเธอก็ขยิบขับหยาดน้ำรักที่ยังคงค้างออกมาฉ่ำแฉะเป้ากางเกงชั้นใน
“ไอ้หื่นเอ๋ย”
“ภูมิขอฉันอาบน้ำก่อนได้ไหม”
คราบน้ำรักนั่นไหลเยิ้มออกมาจนเหนอะหนะไปทั้งหน้าขา มิลาบีบหน้าขาเข้าหากันแล้วรีบเดินโผเผเข้าห้องน้ำ
ภูมิพยายามควานหาผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นคู่นอนของเพื่อน เขากลับควานหาใครไม่ได้สักคน ผับนั่นเขาไปเป็นประจำ ไม่มีลูกค้าคนไหนที่ร่ำรวยเข้าขั้น
“ภูมิ....หมอนี่ไง คนที่ฉันนอนกับเขา”
มิลาวิ่งพรวดพราดออกมาพร้อมกับยัดโทรศัพท์เครื่องบางของตนเองใส่มือเพื่อน ภูมิก้มมองแล้วก็เงยหน้ามองหน้าเพื่อน ผู้ชายในรูปกับข่าวกรอบเล็กๆ ของสื่อต่างประเทศ สื่อที่คนทั่วไปจับตามองเป็นพิเศษ เพราะบุคคลที่ปรากฏตัวในข่าวไม่ใช่คนธรรมดาสักคน
แท็บลอยด์จับตามองคนดังและคนร่ำรวยทุกคน
“เอเดน คอนนอร์” ชายหนุ่มครางเสียงหลง มิลาคว้าเอาตัวพ่อ คาสโนว่าที่กำลังฮอตมาเลยทีเดียว
“คิดอะไรอยู่?” เสียงของภูมิดึงมิลาออกมาจากอดีตเมื่อห้าปีก่อน
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” หญิงสาวปฏิเสธ ยกมือเสยผมและยิ้มให้ สีหน้าเครียดๆ ของเธอปิดไม่มิดหรอก ภูมิกำลังมีเรื่องปวดหัว ดังนั้นมิลาเลยไม่อยากเอาปัญหาของเธอไปทำให้เพื่อนคนเดียวพลอยหนักใจเพิ่มขึ้น
“ฉันกับเนกคงไปไม่รอด ขอฉันนอนค้างที่บ้านแกสักอาทิตย์ได้ไหม” เสียงภูมิอ่อนแรงจนมิลาปฏิเสธไม่ลง บิดา มารดาของเพื่อนกังขาเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนชายนานแล้ว ทั้งสองท่านพยายามที่จะให้เธอตกล่องปล่องชิ้นกับภูมิ ท่านเชื่อเหลือเกินว่ามิลินคือลูกของภูมิกับเธอ มิลาพยายามอธิบายให้ทั้งสองท่านเข้าใจ ท่านก็เออออไปอย่างนั้นเอง แต่ไม่เคยเชื่อสิ่งที่เธอพยายามบอก มิลาเลยปล่อยเลยตามเลย ยังไงเสียภูมิก็มีฐานะเป็นพ่ออุปถัมภ์ของมิลินอยู่แล้ว
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อืม เนกน่าจะมีคนใหม่แหละ เขาเลยพยายามหาข้ออ้างเพื่อเลิกกับฉัน” ภูมิยอมรับสภาพ เมื่อเขาให้ในสิ่งที่อเนกขอไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยอเนกไปตามทาง เสียดายความรู้สึกและช่วงเวลาดีๆ ที่มีต่อกัน