ข้อเสนอรักเมียตีทะเบียน บทที่3.

1699 คำ
ข่าวการเป็นคาสโนว่าของเอเดนดังกระฉ่อน เขาขึ้นหน้าหนึ่งแท็บลอยจนกลายเป็นขาประจำ ทุกประเทศที่เอเดนไปเขามักจะตกเป็นข่าว ไม่ว่าเซเลป หรือคนเด่นคนดัง ต่างพร้อมที่จะสยบต่อหน้า ไม่คิดเหมือนกันว่าผู้บริหารระดับสูงอย่างชายผู้นี้จะรับตำแหน่ง CEO ในประเทศเล็กๆ ที่ห่างจากบ้านเกิดเขา มันน่าสงสัยและน่าเคลือบแคลง ภูมิพยายามคิดในแง่ดี นี่อาจเป็นใบเบิกทางให้ชายผู้นั้นก้าวขึ้นไปในตำแหน่งสูงกว่านี้ เขามาเพื่อพิสูจน์ฝีมือ หรือ...ไม่หรอก “ฉันก็หวังแบบนั้นแหละ แค่คืนเดียวเอง เขาไม่มีทางจำฉันได้แน่” แอบผิดหวังนิดๆ มิลาซื่อสัตย์ต่อตัวเองไง บางครั้งเธอก็อยากให้เขาจำเธอได้ แต่มาคิดอีกที มันน่าจะดีกว่า ถ้าความทรงจำที่เกิดขึ้นนั่น จะเป็นแค่อดีตที่เขาไม่จำให้รกสมอง “คืนเดียวไอ้หื่นนั่นสะบึมแกเสียเครื่องในแทบพัง” สภาพมิลาในวันที่เกิดเหตุภูมิเห็นแล้วสังเวช ผู้หญิงตัวเล็กกับร่องรอยรักทุกตารางนิ้วบนตัว ภูมิแทบคลั่ง เขาเกือบบุกไปชกหน้าเอเดนแล้ว ถ้าไม่บังเอิญเห็นข่าวก็อตซิปของแท็บลอยเสียก่อน ไม่น่าเชื่อว่าเอเดนจะมีแรงเหลือพอให้เดินทางกลับ มิลาบักโกรกเหมือนถูกผู้ชายสิบคนรุมโทรม แต่สภาพของหมอนั่นกลับไม่มีท่าทางอิดโรยแม้สักนิดเดียว “หยุดพูดถึงเขาเถอะ” มิลายกแก้วกาแฟขึ้นซด สมองของเธอสับสน คิดอะไรไม่ออก เครื่องเธอรวนเหมือนมีไวรัสลง สมองสั่งการช้าและเอื่อยเฉื่อยพิกล “แล้วแกจะเอาไง” “ภูมิ ฉันคงต้องหางานใหม่” มิลาสารภาพ เธอเผชิญหน้ากับชายผู้นั้นนานกว่านี้ไม่ได้ “เศรษฐกิจแบบนี้ ที่ไหนจะรับแกล่ะมิลา” ในสภาพเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ มิลาไม่มีทางหางานใหม่ได้ ยิ่งหากบริษัทที่รับเธอเข้าทำงานรู้ประวัติ ข้อเคลือบแคลงนั่นยิ่งทำให้มิลาไม่ได้งาน คนที่ฝ่าฟันจนมาถึงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการเงิน ของบริษัทการเงินที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับโลกจะลาออกทำไมหากไม่มีความผิดพลาด ตำแหน่งสูงแบบนั้นยิ่งไม่น่าลาออกในช่วงเวลาสั้นๆ มันต้องมีเรื่องที่หนักหนาสาหัส นั่นจะเป็นรอยตำหนิให้บริษัทเหล่านั้นระแวงมิลา “ฉันควรทำไงดีภูมิ” “ทำงานไป อยู่เฉยๆ ดูท่าทีหมอนั่นไปก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยหาทางออกกันใหม่” มันอาจจะเป็นเพราะความระแวงของมิลาก็ได้ คนอย่างเอเดนเคยสนใจใครที่ไหน เขาเป็นมนุษย์เลือดเย็นในสายตาของภูมิ “คงต้องแบบนั้นแหละ อย่างน้อยฉันควรมีเงินสักก้อนไว้ให้มิลิน” เธอเคยผ่านความลำบากมามากกว่านี้ ปัญหานั่นยิ่งใหญ่เสียจนมิลาแทบแบกไว้ไม่ไหว แต่เธอก็ผ่านมาแล้ว ถนนเส้นนี้ไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบตั้งแรก มีทั้งเศษแก้ว เหล็กแหลมคม เธอก็ผ่านมาได้แล้วด้วยซ้ำ ทางเดียวที่เธอควรทำและไม่ควรกลัวล่วงหน้า ผู้ชายคนนั้นจะไม่มีวันรู้ความลับจากปากเธอ ไม่มีวัน “ฉันไปรับมิลินก่อนนะถึงเวลาแล้ว” ภูมิทรงตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับบอกลา “ฉันไปด้วย...วันนี้ฉันคงไม่มีใจทำงานแล้วล่ะ ขอไปตั้งหลักสักพักก่อน” มิลากดปิดคอมพิวเตอร์ ฉวยกระเป๋าสะพายคล้องหัวไหล่ แล้วก็เดินตามภูมิไปติดๆ วันนี้เธอกังวลจนไม่มีสมาธิทำงาน การชาร์ทแบทด้วยการหอมแก้มบุตรสาว น่าจะเป็นทางออกเดียวสวยๆ ตอนนี้ บนยอดตึกชั้นบนสุด มีใครบางคนกำลังมองมาที่ลานจอดรถ เปลือกตาหรี่ลงพร้อมกับมือที่กดลงบนกำแพงแก้ว ปลายนิ้วนั่นลากไล้ไปมาบนร่างเล็กๆ ที่ไม่แตกต่างกับแมลงตัวเล็กบนพื้นดิน “เวลาของเธอหมดลงแล้ว อีกไม่นานเธอต้องมาสยบตรงหน้าฉัน” “แม่จ๋า” มิลินวิ่งหน้าตั้งและโผเข้าอ้อมกอดของมารดา มืออวบอ้วนสอดรัดเอวบางและพูดจ๋อยๆ “มิลินเก่งที่สุด มิลินไม่ร้องไห้เลย แม่จ๋ามิลินเก่งหรือเปล่าค่า” “เก่งที่สุด นางฟ้าของแม่จ๋าเก่งกว่าทุกคนบนโลกใบนี้เลย” ปลายจมูกโด่งกดลงบนผิวแก้มยุ้ยๆ ของบุตรสาว และทรงตัวลุกขึ้นยืน มีร่างอวบอ้วนของเด็กหญิงอายุสี่ปีในอ้อมแขน “ไหวไหม ส่งมาให้ฉันอุ้มดีกว่า” ภูมิถามเสียงนุ่ม มิลาผอมบางแทบจะปลิวลมเพราะมุมานะเรื่องงาน ผิดกับบุตรสาวตัวน้อยที่ชอบกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจจนร่างกายอวบอ้วนจนมารดาแทบอุ้มไม่ไหว “ไหวสิ ฉันไหวน่า” มิลาตอบพร้อมกับหอมแก้มบุตรสาว “มิลินโป้งปะป๋าแล้ว ปะป๋าว่ามิลินอ้วน” เด็กหญิงค้อนขวับๆ ให้ภูมิ “เปล่าน๊าป๊าไม่ได้ว่าหนูเลย แต่แม่หนูยังไม่ได้กินข้าวกลางวันป๊าเลยกลัวว่าไม่มีแรงจ้ะ” “ทำไมแม่จ๋าไม่ทานข้าวคะ” มิลายิ้มให้บุตรสาวแล้วก็อธิบาย “วันนี้แม่จ๋าตื่นเต้นไงเลยลืมหิว แต่ตอนนี้หิวจนแสบไส้แล้วไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันดีกว่าเนอะ” “ไปค่า” รอยยิ้มของลูกคือกำลังใจอย่างดีมิลาแอบผ่อนลมหายใจ เธอท้อตอนนี้มิลินจะพึงใครได้ล่ะ เธอถูกวงศาคณาญาติอัปเปหิออกมาแล้ว โชคดีที่บรรดาญาติฝั่งแม่ตัดขาด ไม่อย่างนั้นมิลินคงมีเรื่องระคายหู จนเป็นเด็กมีปัญหาในอนาคตแน่ๆ มิลาอมยิ้มคอยส่งของโปรดของบุตรสาวให้บ่อยๆ ของโปรดของมิลินคือกุ้งชุบแป้งทอดกร็อบๆ มิลินกินได้จานโตๆ และไม่มีท่าทางว่าเบื่อ มิลาแปลกใจนิดๆ ในขณะที่เธอแพ้อาหารทะเลทุกชนิด บุตรสาวกลับโปรดปรานสุดจิต ไม่รู้ว่ามิลินได้มาจากใคร “ทำไมแม่จ๋าไม่เคยกินกุ้งคะ” เด็กน้อยมักจะถามแบบนั้น “แม่จ๋าแพ้กุ้งจ้ะ กินแล้วจะเป็นผื่น หายใจไม่ออกด้วย” ทุกครั้งมิลาก็จะอธิบายด้วยความใจเย็น “อร่อยจะตาย ทำไมแม่จ๋าแพ้ ปะป๋ายังกินได้เลย” เด็กน้อยไม่วายสงสัย “นั่นสิ ทำไมแม่จ๋าแพ้ของอร่อยนะ อดกินเลย” มิลาบ่นอุบ จนมิลินหัวเราะคิก “เดี๋ยวมิลินจากินแทนแม่จ๋าเองค่า” ปากจิ้มลิ้มกัดกุ้งทอดตัวโตจนภูมิแอบส่ายหน้า ของทอดของมันทำให้มิลินน้ำหนักเกิน แถมถูกตามใจจนน้ำหนักขึ้นพรวดๆ ตอนเด็กก็คงน่ารักแต่หากโตขึ้นเกรงว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกวันจะกลายเป็นปัญหา “หล่อนกำลังคิดเหมือนฉันใช่ไหมภูมิ” มิลินชอบที่บุตรสาวอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่ทุกวันนี้น้ำหนักมิลินพุ่งพรวดๆ “แกงานยุ่ง เดี๋ยวฉันพายัยหนูไปออกกำลังกายเอง” ภูมิกระซิบตอบ “ไม่ค่ะ มิลินเหนื่อย” แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือ การออกกำลังกายเป็นเรื่องอยากสำหรับคนน้ำหนักเกิน ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่การกินกับการรีดน้ำหนักมันเป็นสิ่งตรงกันข้าม น้ำหนักขึ้นทีละกิโล’ แต่เวลารีดไขมันส่วนเกินออก้ำหนักกลับลงทีละขีดจนคนตั้งใจรู้สึกท้อ “แม่จ๋าพาหนูไปว่ายน้ำ สนใจไหมจ๊ะ” กิจกรรมสนุกๆ และเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ทำให้เหนื่อยเกินไป แต่เธอจะหาเวลาได้ไหมนั้น ต้องเก็บไปคิดเป็นการบ้าน ตอนนี้คงต้องหาทางกล่อมบุตรสาวให้ได้เสียก่อน “สนค่ะ” แค่มิลินรับปาก ปัญหาล่วงหน้าก็น่าจะมีทางแก้ “พออิ่มแล้วเราไปซื้อชุดว่ายน้ำสวยๆ กันดีกว่าเนอะ” “ดีค่า” ภูมิอมยิ้ม มิลินว่าง่ายและเชื่อฟังมิลาแค่คนเดียว เด็กหญิงหัวดื้อคนนี้ยอมลงให้มิลา ถึงจะไม่ชอบใจแต่หากมารดาเป็นคนกล่อม เด็กหญิงตรงหน้าไปเคยปฏิเสธสักครั้ง “ภูมิ...กับหมอนั่นยังคบกันอยู่ไหม?” เพราะออกแรงที่โรงเรียนจนเหนื่อย แถมยังอิ่มจนพุงเกือบแตกพอเจอแอร์เย็นๆ เข้าหน่อยมิลินก็ตาปรือและในที่สุดก็หลับ “อืม...” “อืมคืออะไร หรือว่ามีปัญหา” ภูมิเป็นผู้ชายเก็บกด เขาเก็บทุกสิ่งไว้ในใจจนมิลาเป็นห่วง “นิดหน่อย เรื่องเดิมนั่นแหละ” ภูมิคบกับอเนกมาเกือบสามปี ความรักระหว่างเพศเดียวกันที่สังคมยังยอมรับไม่ได้เต็มร้อยคือปัญหาใหญ่สำหรับภูมิ อเนกอยากเปิดเผยความสัมพันธ์นั่น แต่ภูมิยังไม่พร้อม เขาเกรงใจบิดา มารดาและบรรดาญาติสนิท บดิทรจะมามัวหมองเพราะรสนิยมแปลกแยกของเขา ผู้หลักผู้ใหญ่ในตระกูลคงชักตาตั้ง หากรู้ว่าทายาทคนสุดท้ายของบดินทร มีความรักแตกต่างจากปกติ “เห้อ...ปัญหาโลกแตก” ตราบใดที่คนในบดินทรยังยอมรับไม่ได้ ภูมิก็คงไม่มีทางปริปาก “ถ้าเนกเขาจะเลิกกับฉัน ฉันก็คงต้องยอม” ภูมิพูดเสียงอ่อย ปัญหาเรื้อรังที่มองไม่เห็นทางออก ใกล้จะถึงจุดแตกหักทุกที “ว่างๆ ฉันจะคุยกับเนกให้ หมอนั่นแค่รักแกน่ะภูมิ ฉันเข้าใจเนกนะ” มิลาพยายามประนีประนอม อเนกแค่อยากแนะนำตัวในฐานะ ‘คนรู้ใจ’ ไม่ใช่เพื่อนเหมือนทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับคนในครอบครัวภูมิ “ฉันก็ได้แต่หวังให้เนกเข้าใจ” “แกก็ต้องเข้าใจเนกด้วยภูมิ เนกรักแกมาก และเนกก็ไม่ได้อยากแอบซ่อนอยู่แบบนี้ด้วย” ภูมิถอนใจแรงๆ เขายังไม่รู้อนาคตเลย ไม่มีความกล้าพอที่จะเปิดเผยเรื่องสำคัญนี่ให้บิดา มารดารับรู้ด้วย “คนเรามีชีวิตบนโลกนี้ไม่ถึงพันวันนะแก อยากทำอะไรก็ทำเถอะ เพราะถ้ามันสายไป มันแก้ไขอะไรไม่ได้เลยนะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม