บทที่ 4 มัดมือชก EP.1

1328 คำ
“มางานแต่งที่ห้องเลิศวนาลัยบอลรูมใช่ไหมคะ” พนักงานสาวในชุดไทยสวยงามค้อมตัวลงถามอย่างนอบน้อมทันทีที่เห็นหญิงสาวสองคนในชุดโจงกระเบนกับเสื้อลูกไม้กรุยกรายเดินขึ้นบันไดมา “ใช่ค่ะ” หนึ่งในสองสาวเป็นฝ่ายตอบพร้อมส่งยิ้มให้ “ห้องจัดเลี้ยงไปทางไหนหรือคะ” “เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา ลงบันไดไปก็จะเจอห้องจัดเลี้ยงค่ะ” “ขอบคุณมากนะคะ” พนักงานสาวมองตามทั้งคู่ไปจนลับสายตาก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ “สวยจัง” “คนไหนที่เธอว่าสวย” เพื่อนพนักงานในชุดคล้ายคลึงกันเดินเข้ามาถามด้วยท่าทางสนอกสนใจ พลางมองตามสายตาผู้เป็นเพื่อนไปยังหญิงสาวทั้งสองคน “ผู้หญิงคนที่พูดกับฉันไงสวย สวยจนไม่รู้จะอธิบายให้เธอฟังยังไง” “เป็นพวกดาราหรือเปล่าเพราะงานนี้เจ้าสาวเป็นดารานี่นา ก่อนหน้านี้ฉันก็เห็นน้ำผึ้ง ลัลรินเดินผ่านไป แต่ตัวจริงผอมมาก ไม่เห็นเหมือนในทีวีเลย” พนักงานสาวผู้มาใหม่พูด “ฉันคิดว่าคงไม่ใช่หรอกเพราะดูแล้วไม่คุ้นหน้าเลย” คนถูกถามตอบอย่างมั่นใจ “เมื่อกี้ตอนน้ำผึ้ง ลัลรินเข้ามาฉันก็ไม่ทันได้มอง แล้วที่เธอบอกว่าผอมน่ะ ดาราส่วนมากก็ผอมกว่าในทีวีกันทั้งนั้น” “ไม่ทันดูน้ำผึ้ง ลัลริน เพราะมัวแต่จ้องผู้ชายหล่อๆ คนนั้นอยู่หรือเปล่า” คนเป็นเพื่อนถามยิ้มๆ “ฉันยอมรับว่ามัวแต่จ้องผู้ชายคนนั้นจริงอย่างที่เธอว่า ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ล้อหล่อ ถ้าจับมายืนคู่กับผู้หญิงคนเมื่อกี้คงสมกันราวกิ่งทองกับใบหยกแน่เลย” คนพูดทำท่าทางเคลิบเคลิ้มและคงอยู่ในท่านี้อีกนานถ้าเพื่อนไม่สะกิดแขนเสียก่อน “เธออย่ามัวแต่ทำท่าเคลิ้ม โน่น...หัวหน้ายืนเหล่อยู่ รีบไปต้อนรับแขกคนอื่นก่อนเถอะ เดี๋ยวจะถูกดุ” รสิกาเดินตามหลังผู้เป็นเพื่อนเข้าไปในห้องเลิศวนาลัยบอลรูม ซึ่งเป็นห้องจัดเลี้ยงสำหรับงานพิธีมงคลสมรสระหว่างกันตภพ หิรัญกนก นักธุรกิจเจ้าของบริษัทโฆษณาชื่อดังอย่าง คลิกแอดเวอร์ไทซิงแอนด์มาร์เกตติง กับเมธาวี ศรีประสงค์ ดารานางร้ายชื่อดังแห่งยุค แล้วก็ต้องเบิกตากว้างและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจระคนทึ่งกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า “พระเจ้าช่วย” เพราะห้องจัดเลี้ยงหรูหราที่เธอเห็นวันก่อน จากการตามกรองขวัญมาดูสถานที่ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นห้องโถงกว้างและถูกตกแต่งตามแบบในยุคก่อน ไม่ว่าจะเป็นเฉลียงหินอ่อนกว้างที่ทางโรงแรมเนรมิตขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ มุมหนึ่งของห้องมียกพื้นคาดว่าคงเป็นเวทีสำหรับไว้ให้แขกในงานได้เต้นรำ ด้านซ้ายมือจัดตั้งโต๊ะหลายตัวปูด้วยผ้าขาวสะอาดเตรียมไว้ให้แขกนั่งรับประทานอาหารซึ่งจัดเป็นแบบบุฟเฟต์ ถัดไปเป็นซุ้มอาหารคาวหวานและเครื่องดื่ม ซึ่งมีพนักงานแต่งกายด้วยชุดไทยประจำอยู่ เข้ากับเสียงเพลงไทยสมัยเก่าที่เปิดคลออยู่เบาๆ แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น ยกเว้นแชนเดอเลียร์ที่ยังคงประดับอยู่บนเพดานเท่านั้น ถ้าไม่เห็นช่อกุหลาบแดงที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามบนเวที และเจ้าบ่าวเจ้าสาวในชุดแต่งงานที่กำลังถ่ายรูปอยู่กับแขกแล้วละก็ ต้องคิดว่าตัวเองหลุดเข้าไปในยุคอดีตอย่างที่เคยจินตนาการตอนอ่านหนังสือเป็นแน่ “ตายแล้วยายโรส แกดูสิ เหมือนเราหลุดเข้าไปในอดีตเมื่อเกือบร้อยปีจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย” กรองขวัญก็มีอาการไม่ต่างกัน “นั่นสิ เหมือนมากจนน่าตกใจ” เจ้าของดวงหน้าสวยแปลกตาพยักหน้ารับด้วยอาการเหม่อๆ ก่อนดวงตาดำขลับจะมองไปยังแขกที่มาร่วมงาน ซึ่งเวลานี้เริ่มทยอยกันเข้ามา แต่ละคนแต่งกายตรงตามที่เจ้าภาพกำหนดไว้จนดูละลานตาไปหมด “ถ้าฉันไม่เห็นพี่กันต์กับพี่เมย์ยืนถ่ายรูปละก็ ต้องคิดว่าเราหลงยุคแน่” กรองขวัญพูดราวกับเข้ามานั่งอยู่ตรงกลางใจคู่สนทนา “อืม” รสิกาเห็นด้วย เพราะที่เห็นอยู่ขณะนี้มันเหมือนฉากในนิยายที่เธอเพิ่งอ่านจบชัดๆ หญิงสาวมองไปทางเฉลียงหินอ่อนซึ่งมีชายหลายวัยยืนชุมนุมกันอยู่ ทั้งหมดอยู่ในชุดแต่งกายเสื้อราชปะแตนสีขาวกระดุมทองห้าเม็ด ส่วนท่อนล่างเป็นโจงกระเบนหลากสี ในมือของทุกคนมีแก้วเครื่องดื่มสีสันสวยงาม หลายคนเธอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะเป็นลูกค้าและพนักงานของบริษัท พลัน...วาบหนึ่งในห้วงความคิด จู่ๆ รสิกาก็นึกถึงผู้ชายที่ขับรถเฉี่ยวเธอขึ้นมาพลางคิดว่าคงจะไม่โคจรมาเจอกันในงานนี้หรอกนะ หญิงสาวรีบปัดความคิดดังกล่าวออกไป คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกน่า ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับผู้เป็นเพื่อนที่สะกิดแขนเธอยิกๆ “โรส แกดูแม่นางเอกเจ้าน้ำตาคนนั้นสิ แหม...แต่งตัวคล้ายกับแกเลยนะ แต่ฉันว่าความสวยยังห่างแกอยู่หลายขุม” คนถูกสะกิดมองตามสายตาของผู้เป็นเพื่อน เห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ แต่ละคนสวมใส่โจงกระเบนกับเสื้อลูกไม้กรุยกราย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สวมซิ่นยาวเลยเข่าแทนโจงกระเบน ทว่าที่เหมือนกันคือต่างสวมใส่เครื่องประดับแพรวพราวละลานตามาประกวดประขันกันเต็มที่ “คนไหนคือนางเอกที่แกพูดถึง แต่งตัวคล้ายกันจนฉันแทบแยกไม่ออก” กรองขวัญกลอกตาขึ้นมองเพดานแล้วมองเพื่อนอย่างระอา ก่อนจะชี้มือไปยังคนที่ถูกเอ่ยถึง “ก็ยายน้ำผึ้ง ลัลริน ผู้หญิงตัวผอมๆ ที่นุ่งโจงกระเบนสีคล้ายกับแก ยืนอยู่ใกล้ๆ เจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่นไงเล่า” รสิกามองไปยังหญิงสาวร่างผอมบางหน้าตาสะสวยที่กำลังถ่ายรูปร่วมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาว ชุดที่เธอคนนั้นสวมใส่คล้ายกับเธออย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ วูบหนึ่งเธอเห็นร่างสูงคุ้นตายืนอยู่ แต่เมื่อมองกลับไปอีกครั้งก็ไม่เห็นเสียแล้ว จนต้องยกมือขยี้ตา “อ๋อ...ฉันจำได้แล้ว นางเอกคนนี้พี่ชายแกเคยควงอยู่ไม่ใช่หรือ” แม้จะไม่ใช่คนที่สนใจหรือติดตามข่าวคราวของดาราคนไหนเป็นพิเศษ แต่ชื่อของนางเอกคนดังกล่าวก็มีเข้าหูมาให้ได้ยินอยู่เสมอ “ใช่ เมื่อก่อนพี่กันต์เคยควงยายน้ำผึ้งออกงานอยู่พักใหญ่ แต่ท้ายสุดก็มาแต่งงานกับนางร้ายอย่างพี่เมย์เฉยเลย” กรองขวัญพูดน้ำเสียงขึ้นจมูก จนคนฟังจับน้ำเสียงได้ว่าคนพูดไม่ได้ชื่นชอบคนที่ถูกเอ่ยถึงนัก “ฟังจากน้ำเสียงแกดูเหมือนไม่ค่อยชอบเจ้าหล่อนนักนะ” “จะว่าไม่ชอบก็ไม่เชิงนะ ฉันบอกความรู้สึกไม่ถูก ความจริงยายน้ำผึ้งก็เล่นละครมาหลายเรื่องแล้วนะ แต่เพิ่งมาดังเปรี้ยงปร้างก็ตอนเล่นเป็นนางเอกเรื่องม่านรักเงามารยานี่แหละ ไม่รู้ว่าตัวจริงกับในละครเหมือนกันหรือเปล่า...” กรองขวัญพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกผู้เป็นเพื่อนขัดขึ้นเสียก่อน “พี่กันต์กวักมือเรียกแกอยู่โน่นแน่ะ คงจะให้แกไปถ่ายรูปด้วยละมั้ง” “อืม ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ” รสิกาส่ายหน้าปฏิเสธ “แกเป็นญาติควรเข้าไปตอนนี้น่ะถูกแล้ว ฉันขอไปห้องน้ำก่อนแล้วจะตามไป” พูดจบก็ผละจากผู้เป็นเพื่อนเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม