สองทุ่มตรง
ภวัตนั่งขาไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าคอยเงี่ยหูฟังเสียงรถ ยกหลังข้อมือขึ้นดูเวลา ดึกดื่นป่านนี้พิมพ์ณดายังไม่กลับบ้านอีกโทรหาก็ไม่ยอมรับสายไม่รู้ไปเที่ยวถึงไหน มีเสียงรถเเล่นเข้ามาจำได้ว่าเป็นรถของตัวเองเขารีบลุกขึ้นเดินสลับวิ่งไปยังโรงจอดรถ
นายปิ๊ดลงจากรถเอากุญแจรถมาคืนพร้อมรายงานฉะฉาน “ส่งคุณพรีมถึงบ้านปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นครับ นายหายห่วงได้”
“อืม ขยับมาใกล้ๆ ซิ” กระดิกปลายนิ้วแววตาเย็นยะเยือก
นายปิ๊ดขนลุกซู่วางมือประสานกันตรงหน้าขาค่อยๆ ลากเท้าเข้าไปหาเจ้านาย แล้วในวินาทีนั้นมือใหญ่ก็ตบลงกลางหัวเต็มแรง
“อูยยยย ตีผมทำไมครับนาย”
“ใครใช้ให้แกส่งช่อดอกกุหลาบไปให้คุณพรีม!”
“อ้าว ก็เจ้านายสั่งให้ผมหาการ์ดสวยๆ มาแนบในดอกไม้ช่อนั้นนี่ครับ”
“เออ ฉันสั่งแบบนั้นจริง แล้วมีคำพูดไหนไหมที่บอกส่งให้คุณพรีม”
“ขอโทษครับนายผมก็นึกว่านายจะส่งให้คุณพรีม”
ซวย ซวยชะมัด นายปิ๊ดทำหน้าตาเหมือนคนไม่พร้อมรับรู้เรื่องอะไรยังตั้งท่าจะเผ่นทุกครั้งที่เจ้านายเงื้อมือขึ้นสูง
“เพราะแกคนเดียว กำนันก็เลยหมายหัวฉันเป็นลูกเขย”
“แต่นายก็ตามจีบคุณพรีมจริงๆ นี่นา”
“ไม่ต้องมาทำเป็นแสนรู้ กุหลาบช่อนั้นฉันจะเอาไว้ให้ณดาแต่แกทำเสียเรื่องซะได้”
มันน่าหงุดหงิดชะมัด กุหลาบพวกนั้นเขาปลูกเองกับมือกว่าต้นจะออกดอกใช้เวลาตั้งนาน ภวัตจะเตะอีกรอบนายปิ๊ดหลบทันแล้วจัดการล้อเลียนชุดใหญ่
“ฮั่นแน่ๆ ไหนเจ้านายเคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับคุณณดาไงครับ แบบนี้แหละน๊า อยู่ด้วยกันมานานจนมองข้ามความรู้สึกของตัวเอง”
“เสือก” พูดไม่ออกเสียงปล่อยให้ลูกน้องอ่านปาก หมุนควงกุญแจตรงปลายนิ้วเดินเข้าบ้านไปปักหลักนั่งรอพิมพ์ณดา
สองทุ่มครึ่งก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเขาเริ่มหงุดหงิดเข้าครัวไปเทไวน์องุ่นมานั่งตบยุงริมระเบียงรอหล่อนกลับบ้าน รอนานจนเคลิ้มหลับถึงได้ยินเสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดบริเวณนอกตัวบ้าน จากมุมนี้เขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อนของพิมพ์ณดาไม่มีใครขับรถรุ่นนี้แน่แม้กระทั่งป้ายทะเบียนเขายังจำได้ หล่อนเดินลงจากรถเพ่งมองดีๆ มีผู้ชายเดินตามลงมาในมืออุ้มกระถางอะไรสักอย่างมาให้ คุยกันกะหนุงกะหนิงยิ้มแก้มแทบฉีกทั้งสองคน เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัดกว่าจะแยกจากกันได้ก็ปาไปหลายนาที ภวัตรีบลงมานั่งกอดอกรอกลางบ้านจ้องไปยังประตูทันทีที่พิมพ์ณดาเปิดเข้ามาก็ยืนนิ่ง
เอาสิ เข้ามาเลย อยากรู้เหมือนกันว่าจะแก้ตัวยังไง
“คุณภูยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
เพิ่งจะรู้ตัวว่าคำถามนั้นไร้สาระก็ตอนที่เขาเบะปากกลอกตามองบน รีบวางกระถางดอกไม้ไว้ข้างประตูเดินเข้ามาหาเขา
“ไปไหนมา ไปกับใคร แล้วทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์”
“ไปตลาดเกษตรกับเพื่อนค่ะ”
“ตอบให้หมด”
“ก็... ในงานมันเสียงดังเลยไม่ได้ยิน”
“พูดตรงไหนผิดให้โอกาสแก้คำพูดหนึ่งครั้ง”
“ณดาไม่ได้พูดผิดไม่มีอะไรแก้”
“เหรอ ที่บอกว่าไปกับเพื่อนน่ะ เพื่อนคนไหนหรือไอ้เพื่อนชาวสวนคนนั้นที่คอยมาจีบวันละสามเวลาพร้อมหอบผักเป็นตะกร้ามาฝาก”
“คุณภู!” พิมพ์ณดาเอ็ดเสียงเเข็งไม่ชอบคำพูดคำจาของเขา หมายจะเดินเข้าบ้านก็ถูกเขาเข้ามาขวางทางไม่ยอมให้หนีไปไหน ท่าทางเอาแต่ใจตัวเอง “ถอยไปนะ”
“ไม่ถอย คิดจะเล่นชู้หรือไง เลิกคุยกับมันซะ”
“ไม่มีทาง ณดาตัดสินใจแล้วว่าจะลองเปิดใจคบกับคุณนุ เราสองคนจะได้ยุติความสัมพันธ์บ้าๆ นี่สักที!”
พิมพ์ณดาคะตอกใส่แม้จะถูกภวัตบีบข้อมือแรงมากแค่ไหนก็ตาม ใบหน้าหล่อนเหยเก เจ็บ แต่ก็ยังอวดดีท้าทายมองหน้าเขา
“เธอไม่มีวันหนีจากฉันพ้น ขอเตือนด้วยความหวังดีว่าให้เลิกคุยกับมันไม่อย่างนั้นเรื่องลับๆ ของเราลอยไปถึงหูมันแน่”
“เอาเลยแฉเลยสิ ไม่ใช่แค่คุณนุ แต่ทุกคนรวมถึงคุณพรีมก็จะรู้ด้วย”
“มันเกี่ยวอะไรกับพรีม”
“ก็...” พิมพ์ณดาพูดไม่ออกไม่ยอมให้ถูกจับได้ว่าหึง “เจ็บ ปล่อยมือณดาได้แล้ว”
ภวัตยอมปล่อยตามคำขอแต่สายตายังคงจ้องมองไม่ยอมหยุดบทสนทนา “ฉันไม่ให้เธอคบกับมัน หน้าตาแบบนี้มันมาหลอกฟันล่ะสิไม่จริงจังอะไรหรอก”
“หน้าตาแบบนี้น่ะแบบไหน ถึงณดาไม่ได้สวยแบบที่คุณภูหล่อแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เงียบถึงขั้นไม่มีใครเข้ามาจีบ ฮึ! ณดาว่าณดาดีกว่าคุณภูเยอะ อย่างน้อยทุกคนที่มาจีบก็จริงใจไม่ได้หวังของนอกกายแบบสาวๆ ที่ตามจีบคุณภู”
“มโน คิดไปเองทั้งนั้นว่าเขาจริงใจ”
ชายหนุ่มเถียงต่ออย่างไม่ยอมแพ้ไม่ยอมให้หล่อนเดินหนี คอยจับข้อมือบอบบางไว้แน่นดึงรั้นเข้ามาแนบอก นอนด้วยกันทุกคืนขนาดนี้ยังจะกล้าคิดไปคบกับผู้ชายคนอื่น มันน่าถูกลงโทษนักเชียว
“พูดไม่เข้าหูคืนนี้คุณภูย้ายไปนอนที่อื่นเลยนะ”
“ทำไมต้องไป”
“ไม่รู้! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ” กระทุ้งข้อศอกแหลมใส่แผ่นอกเต็มแรงจนกระทั่งเป็นอิสระเห็นมือตัวเองเปื้อนดินก็ยกขึ้นเช็ดใบหน้าคม
หล่อดีนักจงโดนดินดำๆ กลบซะเถอะ
“ยัยตัวแสบเอ๊ย”
ภวัตบ่นไล่หลังมองตามแผ่นหลังจนหล่อนลับสายตา
หลังอาบน้ำเสร็จพิมพ์ณดาก็แบ่งฝ่ายเหมือนนักมวยมุมแดงมุมน้ำเงินโดยใช้หมอนหลายใบมาวางเรียงตรงกลาง “ห้ามข้ามเขตเด็ดขาด ข้ามมาณดาจะปรับสามพันต่อหนึ่งเซนติเมตร”
ภวัตนั่งพิงหัวเตียงกลอกตามองรอบห้องสูดลมหายใจเข้าออกค่อนข้างแรงอยากเอาหมอนพวกนั้นไปโยนทิ้งนอกหน้าต่าง แต่กระนั้นก็ยังปากเสียใส่ “อยากข้ามตายเเหละหุ่นไม่น่าพิศวาส”
“อย่ากลืนน้ำลายตัวเองมาสะกิดก็แล้วกัน” พิมพ์ณดาดักคอ ใช้มือสยายผมทิ้งกายลงนอนหันหลังให้คนปากเสีย มาว่าหล่อนหน้าตาไม่ดีบ้างล่ะหุ่นไม่ดีบ้างล่ะ ใช่สิ ก็เขาหล่อรวยหุ่นดีนี่นา ดีพร้อมไปหมดก็เลยว่าให้คนอื่นได้นิสัยไม่ดีที่สุด ช่างเขา หล่อนต้องรีบข่มตานอนพรุ่งนี้เช้าตื่นมาหน้าตาจะได้สดใส ไว้ภานุพงศ์มาหาอีกจะควงเย้ยเสียให้เข็ดจะได้เลิกสบประมาทหล่อนสักที
“ณดา หลับแล้วเหรอ”
ภวัตชะเง้อคอมองข้ามฝั่งมาดู ชักจะงงว่าหล่อนโกรธจริงจังเหรอปกติเขาก็ปากเสียใส่แบบนี้ไม่เห็นงอนเลย เผลอเอื้อมปลายนิ้วไปสะกิดนิดเดียวแม่คุณก็ลุกมาตวาดผมเผ้าฟูไปหมดเป็นนางเพิ้งท้ายไร่
“อะไรกันนักกันหนานี่มันเที่ยงคืนแล้วนะณดาจะนอน”
“ไม่สะกิดแล้วก็ได้!”
กัดฟันกรอกมองเมียจอมพยศก่อนตัดใจทิ้งกายลงนอนหันหลังให้ อดก็อดวะ แค่คืนเดียวคงไม่ถึงกับลงเเดงตายหรอก
สองหนุ่มสาวนอนหันหลังให้กันไม่สามารถข่มตาได้ทั้งคู่เพราะเคยชินกับการมีกันและกันในอ้อมกอด เผลอหันกลับมาสองสามครั้งจะเอื้อมมือกอดอีกฝ่ายก็ต้องเลิกล้มกระทั่งตอนท้ายบังเอิญหันมาพร้อมกัน
“ฝันดีนะ” ภวัตพูดทั้งที่หลับตาแต่ยังอุตส่าห์ลืมตาขึ้นมามองปฏิกิริยาของคนตัวเล็กเห็นหล่อนพยักหน้ารับรอยยิ้มก็ปรากฏบนมุมปากคมคาย ฝันหวานแน่เขาคืนนี้