ภานุพงศ์เข้ามานั่งรอก่อนเวลาเลิกงานของหล่อนสิบห้านาทียิ้มกว้างจนตาหยีทันทีที่เห็นหล่อน รุดกายเข้ามาช่วยถือกระเป๋าเอกสารผายมือบอกทิศทางให้หญิงสาวเดินนำหน้า
ตลาดเกษตรประจำปีจัดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ในหนึ่งปีมีกิจกรรมมากมาย ทั้งสองใช้เวลาอยู่ในโซนไม้ดอกไม้ประดับนานเป็นพิเศษเพิ่งค้นพบความชอบที่ตรงกันคือการปลูกต้นไม้ อยู่กับเขาหล่อนพูดทุกสิ่งที่อยากพูดได้หมดเขาเองก็ใช่ย่อยตอบบทสนทนาไม่มีเบื่อ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
เสียงหวานอุทานเเผ่วเบาแค่ไหนคนหูดียังอุตส่าห์ได้ยิน ขออนุญาตจับมือหล่อนมาดูเห็นหนามดอกกุหลาบทำพิษก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามากด ใกล้กันมากทำให้พิมพ์ณดาเผลอมองภาพซ้อนเห็นภานุพงศ์เป็นเขาคนนั้น บ้าจริง ป่านนี้เขาคงอี๋อ๋ออยู่กับคุณครูแสนหวานจะไปคิดถึงเขาให้มันได้อะไร
“ขอบคุณค่ะ”
ดึงมือตัวเองกลับมาใช้ผ้าเช็ดหน้าชายหนุ่มกดลงบนปลายนิ้ว ลุกขึ้นเดินดูต้นไม้ดอกไม้ไปเรื่อยอยากซื้อกลับไปปลูกรวมกับสวนดอกไม้หลังบ้านสักพันธุ์ พิมพ์ณดาไม่เห็นดอกไม้น่าสนใจเพราะส่วนมากก็ปลูกในไร่หมดแล้วจึงไม่ได้ซื้อ ต่างจากอีกคนที่ซื้อเยอะเหมือนอยากเหมาไปตั้งร้านของตัวเอง
“เรียบร้อยแล้วครับ” เขากลับมาหลังแวะไปจ่ายเงินแจ้งป้ายทะเบียนรถให้เจ้าของร้านช่วยขนไปใส่กระบะให้ คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเพราะภานุพงศ์ก็ถือว่าเป็นคนดังคนหนึ่ง
“คุณนุซื้อทั้งหมดนั่นเลยเหรอคะ เยอะจัง”
“ครับ พอดีผมเพิ่งปลูกบ้านใหม่น่ะครับก็เลยอยากได้ไม้ดอกไม้ประดับสวยๆ ไปทำสวน คุณพ่อคุณแม่ท่านอยากให้สร้าง เผื่อ… วันหนึ่งจะได้ใช้เป็นเรือนหอ”
“เหรอคะ” หัวเราะเเก้เก้อเขินสายตาอ้อนๆ ของหนุ่มชาวสวน
ท้องฟ้ายิ่งมืดคนก็ยิ่งคึกคักหลั่งไหลเข้ามาในตลาดเกษตรแรงเบียดเสียดจากผู้คนมากเท่าไหร่มือหล่อนก็ยิ่งอุ่นมากเท่านั้น มุมปากภานุพงศ์มีรอยยิ้มราวกับวันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด หล่อนรู้สึกละอายใจที่ต้องใช้เขาเป็นเครื่องมือในการลืมผู้ชายอีกคน
พิมพ์ณดากึ่งจูงกึ่งลากเขาออกจากโซนคนชุกชุมมาซื้อของกิน หล่อนกินกินและกินไม่รู้สึกตัวเลยว่าต้องรักษาภาพลักษณ์ เพิ่งนึกขึ้นได้ก็ตอนได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย
“กินเถอะครับ การกินหมายถึงการมีชีวิต”
“เนอะ ณดาก็คิดอย่างนั้น”
คำตอบของหล่อนยิ่งทำให้เขาหัวเราะหนักขึ้น
ภวัตลงพื้นที่ดูไร่สักทั้งวันสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยมีกลับมาถึงออฟฟิศคนสนิทวิ่งเข้ามาส่งโน้ตย่อให้บอกเป็นข้อความจากกำนันมีโชค ทันทีที่อ่านจบภวัตต้องสบถยาวเป็นเมตรกัดฟันแน่นเตะของล้มระเนระนาดไปหมด ตกเย็นเขาขับเบนซ์คันหรูไปรับพีชญาถึงโรงเรียนเพื่อพามากินข้าวที่บ้านตามคำสัญญา หลายสัปดาห์ก่อนพีชญาช่วยเหลือเขาเรื่องโครงการเรียนดีเด็กยากจนก็เลยนัดเลี้ยงข้าวตอบแทน ไม่ได้ตั้งใจดินเนอร์สองต่อสองอย่างที่พวกลูกน้องล้อเลียน
พีชญายังอยู่ในชุดคุณครูสุภาพเรียบร้อยแม้โรงเรียนจะยังไม่เปิดเทอมแต่หน้าที่ของครูนั้นไม่ได้มีว่างเว้น ต้องเข้าไปโรงเรียนเพื่อทำแผนการสอนตลอดทั้งเทอมรอแสดงต่อผู้ปกครองเด็กนักเรียนในวันประชุมผู้ปกครองทุกๆ สัปดาห์แรกของปีการศึกษา
ภายในไร่ภูตะวันอาณาเขตกว้างสุดลูกหูลูกตา คุณครูคนสวยเพิ่งเคยเข้ามาในไร่ครั้งแรกออกอาการตื่นเต้นไม่อาจเก็บไว้ได้ ไร่องุ่นเอยไร่สตรอว์เบอร์รีเอยกำลังออกผลอยากจะลงไปเด็ดมาชิมเสียให้เข็ด หันหน้าจากวิวนอกรถมามองสารถีหนุ่มรูปงาม
“ช่วงนี้ใกล้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวหรือยังคะ”
“ประมาณปลายเดือนหน้าก็เริ่มเก็บผลผลิตครับ”
“ดีจังเลยค่ะ ไว้ถึงตอนนั้นพรีมขอมาเก็บด้วยคนนะคะท่าจะสนุก”
“ได้ครับ” คำขอของพีชญาทำให้ภวัตอดอมยิ้มไม่ได้เพราะทุกๆ ปีเมื่อถึงฤดูกาลนี้ไร่เขามักจะมีขโมยแอบมาเก็บผลองุ่นผลสตรอว์เบอร์รีประจำ ไม่เคยจับได้คาหนังคาเขา กว่าจะรู้ตัวคนขโมยแม่คุณก็เอามาทำสารพัดขนมหวานบังคับคนเกลียดขนมหวานอย่างเขาให้ช่วยชิมและก็บ้ามากที่เขายอมให้หล่อนบังคับแต่โดยดี
พีชญาแปลกใจไม่คิดว่าขอแค่นี้นายใหญ่แห่งภูตะวันก็แอบอมยิ้ม นั่งนิ่งตลอดทางกระทั่งรถยนต์คันหรูไต่ระดับขึ้นมาบนเนินเขาเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบ้านไม้หลังใหญ่ ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็น รวยสมคำร่ำลือจริงๆ “บ้านคุณภูสวยน่าอยู่จังเลยนะคะ”
“ครับ” ผายมือเชิญหญิงสาวเข้ามาเดินชมรอบบ้าน
เป็นอีกครั้งที่ชวนคุยแล้วเขาตอบรับกลับมาแบบนั้น พีชญายิ้มอ่อน ไม่กล้าชวนชายหนุ่มคุยอีกแม้จะไม่เข้าใจในท่าที หากเขาไม่อยากต้อนรับแล้วจะส่งดอกไม้มาให้ทำไม ส่งตรงถึงบ้านหล่อนก็เลยถูกบิดาบังคับให้มากินข้าวเย็นที่บ้านหลังนี้
ภวัตเพิ่งรู้ตัวว่าตอบสั้น
“หลังบ้านของผมมีสวนดอกไม้ด้วยนะครับ เสียแต่ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วไว้ถ้ามีโอกาสถ้าคุณพรีมชอบ ผมจะพาไปดูนะครับ”
“พรีมชอบสวนดอกไม้ค่ะ”
“ณดา เอ่อ… ผมก็ชอบเหมือนกันมันรื่นหูรื่นตาดี”
“ไม่รู้มาก่อนว่าหนุ่มหล่อลุคโหดห่ามแบบคุณภูก็ชอบอะไรที่สดใสแบบนี้ด้วย”
“มีคนบังคับให้ช่วยปลูกน่ะครับก็เลยชอบ”
คำพูดของเจ้าบ้านพิลึกยังไงชอบกลเหมือนมีผู้หญิงในใจอยู่แล้ว แปลกจัง ณดาคือใครทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน พีชญาเข้ามานั่งในห้องอาหารส่งยิ้มให้ป้าแม่บ้าน
“ป้านงค์ครับ นี่คุณพรีม เธอเป็นคุณครูที่โรงเรียนในตัวเมือง”
“สวัสดีค่ะคุณพรีม ตัวจริงสวยจังเลยนะคะได้ยินนายภูพูดถึงมานานแล้ว” ป้านงค์รับไหว้สาวรุ่นลูก สวยหวานอย่างที่พิมพ์ณดาเคยเล่าให้ฟังจริงๆ ด้วย
“คุณภูนินทาอะไรพรีมให้ฟังหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีนินทาหรอกค่ะมีแต่ชมว่าคุณพรีมสวยอย่างนั้นดีอย่างนี้”
“ป้านงค์มีอะไรทำก็ไปทำเถอะครับ”
ภวัตออกปากไล่ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ณดาหายไปไหนตั้งแต่ผมกลับมาบ้านยังไม่เห็นเลย ป้าไปตามลงมากินข้าวหน่อย”
“คุณณดาโทรมาบอกป้าว่าวันนี้จะไม่กลับมากินข้าวเย็นค่ะ เธอจะไปเดินตลาดเกษตรในตัวเมือง” ป้านงค์หันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไปกับใคร!”
“เอ่อ... ได้ยินบอกว่าไปกับเพื่อนค่ะ”
“แล้วเธอได้บอกป้าไหมว่าจะกลับบ้านกี่ทุ่ม”
“ไม่ได้บอกค่ะ ป้าขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ” ภวัตมีท่าทางโมโหคล้อยหลังป้านงค์เดินออกไป
พีชญายิ่งสงสัยไปกันใหญ่ “เอ่อ… คุณณดาคือใครเหรอคะ พรีมไม่เคยแวะมาที่นี่ก็เลยไม่รู้จักใคร”
“ไม่สำคัญหรอกครับ เรากินข้าวกันเถอะผมรับปากกำนันว่าจะไปส่งคุณพรีมกลับบ้านก่อนสองทุ่ม” ยิ้มแบบจำใจแล้วกลับมาขรึมเหมือนเดิม แอบคาดโทษพิมพ์ณดาในใจ จะทำอะไรจะไปไหนไม่ยอมบอกก่อน กลางค่ำกลางคืนอันตรายจะตาย ไม่รู้เหรอว่าเขาเป็นห่วง
“ค่ะ” พีชญาไม่กล้าถามต่อคอยลอบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่ม ‘ณดา’ ชื่อผู้หญิงแน่ๆ แต่ใครกันทำไมถึงมีอิทธิพลกับภวัตมากขนาดนี้